1 00:00:00,280 --> 00:00:05,330 หนึ่งในผู้ป่วยรายแรกๆ ที่ฉันพบในฐานะที่ฉันเป็นหมอคือ ซอล 2 00:00:05,330 --> 00:00:08,150 เด็กทารกอายุหนึ่งเดือนผู้น่ารัก 3 00:00:08,150 --> 00:00:11,830 ที่เข้าโรงพยาบาลมา ด้วยอาการของระบบหายใจอักเสบ 4 00:00:11,830 --> 00:00:16,110 จนการะทั่งตอนนั้น ฉันไม่เคยได้เห็น ผู้ป่วยคนไหนอาการทรุดหนักรวดเร็วขนาดนี้ 5 00:00:16,810 --> 00:00:19,810 เพียงสองวัน เธอถูกเชื่อมต่อกับเครื่องช่วยหายใจ 6 00:00:19,810 --> 00:00:22,550 และวันที่สามเธอก็เสียชีวิต 7 00:00:22,550 --> 00:00:25,300 เธอเป็นโรคไอกรน 8 00:00:25,300 --> 00:00:30,010 หลังจากได้อภิปรายกันเรื่องนี้ในห้อง และหลังจากบรรยากาศที่ค่อนข้างเศร้า 9 00:00:30,460 --> 00:00:32,509 ฉันจำได้ว่าหัวหน้าหน่วยบอกว่า 10 00:00:32,509 --> 00:00:35,850 "โอเค หายใจลึกๆ ล้างหน้าซะ 11 00:00:36,430 --> 00:00:39,050 และก็ถึงตอนที่ยากที่สุด: 12 00:00:39,050 --> 00:00:41,460 เราต้องไปพูดกับพ่อแม่" 13 00:00:42,150 --> 00:00:46,120 ณ ตอนนั้น คำถามมากมายเข้ามาในหัว 14 00:00:46,120 --> 00:00:50,450 ตั้งแต่ "เด็กอายุเดือนเดียว ทำไมโชคร้ายได้ขนาดนี้" 15 00:00:51,080 --> 00:00:54,290 จนถึง "เราทำอะไรได้บ้างไหม" 16 00:00:55,400 --> 00:00:57,680 ก่อนที่จะมีวัคซีน 17 00:00:57,680 --> 00:01:02,550 โรคติดต่อหลายโรค คร่าชีวิตไปนับล้านต่อปี 18 00:01:03,100 --> 00:01:06,630 ในช่วงหวัดระบาดใน ค.ศ. 1918 19 00:01:06,630 --> 00:01:09,780 มีคนตายไป 50 ล้านคน 20 00:01:09,780 --> 00:01:13,060 นั่นมันมากกว่าประชากรอาร์เจนตินา ในปัจจุบันเสียอีก 21 00:01:13,060 --> 00:01:17,110 บางที คนแก่ๆ ในที่นี้คงจำได้ ถึงการระบาดของโปลิโอ 22 00:01:17,110 --> 00:01:20,250 ที่เกิดขึ้นในอาร์เจนตินา ใน ค.ศ. 1956 23 00:01:20,250 --> 00:01:23,560 ณ ตอนนั้น มันไม่มีวัคซีนป้องกันโปลิโอ 24 00:01:23,560 --> 00:01:26,090 ผู้คุณไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ทุกคนลนลานตกใจ 25 00:01:26,090 --> 00:01:28,370 พวกเราเอาโซดาไฟทาต้นไม้ 26 00:01:28,370 --> 00:01:29,940 พวกเราเอาการบูรใส่ถุงเล็กๆ 27 00:01:29,940 --> 00:01:33,680 ใส่ไว้ในชุดชั้นในเด็กๆ ราวกับว่ามันจะช่วยอะไรได้ 28 00:01:33,680 --> 00:01:38,600 ระหว่างการระบาดของโปลิโอ คนเป็นพันๆ ต้องตาย 29 00:01:38,600 --> 00:01:43,610 และคนเป็นพันๆ ได้รับความเสียหาย เกี่ยวกับเส้นประสาทอย่างรุนแรง 30 00:01:44,370 --> 00:01:47,290 ฉันรู้เรื่องนี้เพราะว่าฉันอ่านเกี่ยวกับมัน 31 00:01:47,290 --> 00:01:51,080 ต้องขอบคุณวัคซีน คนในรุ่นของฉันจึงโชคดี 32 00:01:51,080 --> 00:01:53,890 ที่ผ่านการระบาดที่เลวร้ายเช่นนั้นมาได้ 33 00:01:53,890 --> 00:01:58,790 วัคซีนเป็นหนึ่งในความสำเร็จสูงสุด ในศตวรรษที่ 20 ของการสาธารณสุข 34 00:01:59,160 --> 00:02:01,230 วัคซีนเป็นการแทรกแซงที่ลดอัตราการเสียชีวิต 35 00:02:01,230 --> 00:02:04,840 ได้มากที่สุด รองจากน้ำที่ดื่มได้ 36 00:02:04,840 --> 00:02:06,970 มากกว่ายาปฏิชีวนะด้วยซ้ำ 37 00:02:07,460 --> 00:02:12,560 วัคซีนกำจัดโรคอันน่ากลัวจากโลกของเรา ดั่งเช่นไข้ทรพิษ 38 00:02:12,590 --> 00:02:16,200 และประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการลดอัตราการเสียชีวิต 39 00:02:16,200 --> 00:02:18,450 ที่เกิดจากโรคดังเช่น โรคหัด 40 00:02:18,450 --> 00:02:21,780 ไอกรน, โปลิโอ และอีกมากมาย 41 00:02:22,320 --> 00:02:29,200 เชื้อโรคทั้งหลายเหล่านี้ถูกพิจารณาว่า เป็นโรคที่ป้องกันได้โดยวัคซีน 42 00:02:29,910 --> 00:02:31,670 นั่นหมายความว่าอย่างไรกัน 43 00:02:31,670 --> 00:02:34,690 พวกมันมีแนวโน้มที่จะป้องกันได้ 44 00:02:34,690 --> 00:02:37,660 แต่เพื่อที่จะให้เป็นไปเช่นนั้น เราจะต้องทำอะไรบางอย่าง 45 00:02:37,660 --> 00:02:39,760 คุณต้องได้รับวัคซีน 46 00:02:40,050 --> 00:02:43,970 ฉันจินตนาการว่าส่วนใหญ่ หรือไม่ก็ทุกคนในที่นี้ 47 00:02:43,970 --> 00:02:47,570 ได้รับวัคซีน มาสักครั้งหนึ่งในชีวิต 48 00:02:48,200 --> 00:02:52,960 แต่ ฉันไม่แน่ใจว่า พวกเราจะรู้ว่า 49 00:02:52,960 --> 00:02:57,290 วัคซีนหรือตัวเร่งใดที่เราควรจะได้รับ เมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว 50 00:02:58,430 --> 00:03:02,790 เคยคิดหรือเปล่าคะ ว่าเรากำลังปกป้องใคร 51 00:03:02,790 --> 00:03:04,640 เมื่อเรารับวัคซีน 52 00:03:05,070 --> 00:03:06,700 ฉันหมายถึง 53 00:03:06,700 --> 00:03:11,670 มีผลอะไรอีกนอกจากการป้องกันพวกเขาเอง 54 00:03:13,010 --> 00:03:15,260 ให้ฉันได้แสดงอะไรบางอย่างให้คุณเห็น 55 00:03:15,630 --> 00:03:18,220 ลองนึกดูว่า 56 00:03:18,220 --> 00:03:20,230 เราอยู่ในเมือง 57 00:03:20,230 --> 00:03:23,480 ที่ไม่เคยมีผู้ป่วยของโรคๆ นั้นเลย 58 00:03:23,480 --> 00:03:25,180 เช่น โรคหัด 59 00:03:25,430 --> 00:03:30,290 นั่นหมายถึง ไม่มีใครในเมืองนี้ ที่เคยสัมผัสกับโรคดังกล่าว 60 00:03:30,290 --> 00:03:34,880 ไม่มีใครมีการป้องกันทางธรรมชาติ หรือได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเลย 61 00:03:35,680 --> 00:03:40,420 ถ้าวันหนึ่ง มีคนป่วยขึ้นมาในเมือง 62 00:03:41,000 --> 00:03:44,510 โรคจะไม่ถูกต่อต้านอะไรมากนั้น 63 00:03:44,510 --> 00:03:47,440 และจะเริ่มแพร่กระจาย จากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง 64 00:03:47,440 --> 00:03:51,500 และในเวลาไม่นาน มันจะกระจาย ไปทั่วทั้งชุมชน 65 00:03:51,810 --> 00:03:53,530 หลังจากระยะเวลาหนึ่ง 66 00:03:53,530 --> 00:03:56,900 ประชากรส่วนใหญ่จะป่วย 67 00:03:57,750 --> 00:04:01,910 มันเกิดขึ้นเมื่อไม่มีวัคซีน 68 00:04:02,630 --> 00:04:07,110 ทีนี้ลองนึกถึงเหตุการณ์ ที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง 69 00:04:07,420 --> 00:04:09,830 เราอยู่ในเมือง 70 00:04:09,830 --> 00:04:12,650 ที่ 90 เปอร์เซนต์ของประชากร 71 00:04:12,650 --> 00:04:15,100 มีการป้องกันจากโรคหัด 72 00:04:15,100 --> 00:04:18,839 ซึ่งหมายความว่า พวกเขาติดโรค, รอดชีวิต และพัฒนาภูมิคุ้มกันธรรมชาติ 73 00:04:18,839 --> 00:04:22,540 หรือพวกเขาได้รับภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหัด 74 00:04:23,200 --> 00:04:24,810 ถ้าวันหนี่ง 75 00:04:24,810 --> 00:04:28,740 มีใครสักคนป่วยด้วยโรคหัด ปรากฎขึ้นในเมือง 76 00:04:29,230 --> 00:04:32,610 โรคจะถูกต่อต้านมากกว่า 77 00:04:32,610 --> 00:04:36,100 และไม่เกิดการติดต่อจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง มากมายนัก 78 00:04:36,780 --> 00:04:40,330 การแพร่กระจายอาจจะยังคงถูกจำกัด 79 00:04:40,750 --> 00:04:43,680 และการระบาดของโรคหัด ก็จะไม่เกิดขึ้น 80 00:04:45,060 --> 00:04:47,760 ฉันอยากให้คุณให้ความสนใจ กับอะไรบางอย่าง 81 00:04:48,570 --> 00:04:51,490 ผู้ที่ได้รับวัคซีน 82 00:04:51,490 --> 00:04:54,290 ไม่ใช่เพียงป้องกันตัวเอง 83 00:04:54,290 --> 00:04:57,900 แต่ยังป้องกันการแพร่กระจายของโรค 84 00:04:57,900 --> 00:04:59,540 ภายในสังคมชุมชนด้วย 85 00:04:59,540 --> 00:05:04,220 พวกเขาป้องกันผู้คนในสังคมอย่างอ้อมๆ 86 00:05:04,220 --> 00:05:06,390 ป้องกันคนที่ไม่ได้รับวัคซีน 87 00:05:06,690 --> 00:05:09,660 พวกเขาเสมือนสร้างเกราะป้องกัน 88 00:05:09,660 --> 00:05:12,760 ซึ่งป้องกันพวกเขาจาก การสัมผัสเชื้อโรค 89 00:05:12,760 --> 00:05:15,380 คนพวกนี้จึงได้รับการป้องกัน 90 00:05:16,670 --> 00:05:19,870 การป้องกันโดยอ้อม 91 00:05:19,870 --> 00:05:23,370 ที่ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนในสังคมได้รับ 92 00:05:23,370 --> 00:05:27,380 โดยเพียงแค่ถูกรายล้อมด้วย ผู้คนที่ได้รับวัคซีน 93 00:05:27,540 --> 00:05:31,010 เรียกว่า ภูมิคุ้มกันหมู่ 94 00:05:32,950 --> 00:05:35,590 ผู้คนมากมายในสังคม 95 00:05:35,590 --> 00:05:39,090 เกิอบจะพึ่งพาภูมิคุ้มกันหมู่ล้วนๆ 96 00:05:39,090 --> 00:05:41,750 ในการป้องกันตัวเองจากโรค 97 00:05:42,760 --> 00:05:46,720 คนที่ไม่ได้รับวัคซีนที่คุณเห็น ในอินโฟกราฟฟิกไม่ได้เป็นแค่สมมติฐาน 98 00:05:46,960 --> 00:05:50,600 คนเหล่านี้คือลูกหลานของเรา 99 00:05:50,600 --> 00:05:53,970 ผู้ซึ่งอาจจะเด็กเกินกว่า จะรับการฉีดวัคซีนแรกได้ 100 00:05:55,100 --> 00:05:57,410 พวกเขาคือพ่อแม่ของเรา พี่น้องของเรา 101 00:05:57,410 --> 00:05:58,840 คนที่เรารู้จัก 102 00:05:58,840 --> 00:06:00,710 ที่อาจเป็นโรค 103 00:06:00,710 --> 00:06:04,360 หรือรับการรักษา ที่ทำให้ภูมิคุ้นกันของพวกเขาต่ำ 104 00:06:05,360 --> 00:06:10,080 ยังมีคนที่แพ้วัคซีนบางชนิด 105 00:06:11,110 --> 00:06:13,750 พวกเขาอาจอยู่ท่ามกลางพวกเรา 106 00:06:13,750 --> 00:06:15,920 พวกเราคนใดคนหนึ่ง ที่รับการฉีดวัคซีน 107 00:06:15,920 --> 00:06:19,410 แต่วัคซีนไม่ได้สร้างผลที่เป็นที่คาดหวัง 108 00:06:19,410 --> 00:06:23,600 เพราะไม่ใช่ทุกวัคซีน จะมีประสิทธิภาพ 100 เปอร์เซนต์ 109 00:06:23,600 --> 00:06:28,800 คนเหล่านี้ส่วนใหญ่พึ่งพา ภูมิคุ้มกันแบบหมู่ 110 00:06:28,800 --> 00:06:31,360 ในการป้องกันพวกเขาจากโรคต่างๆ 111 00:06:32,130 --> 00:06:37,200 เพื่อให้ได้ซึ่งผลของภูมิคุ้มกันหมู่ 112 00:06:37,200 --> 00:06:41,870 มันจำเป็นที่ประชากร ที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน 113 00:06:42,500 --> 00:06:45,570 เปอร์เซ็นต์ดังกล่าวเรียกว่า ระดับเปลี่ยน 114 00:06:45,570 --> 00:06:49,330 ระดับเปลี่ยนนั้นขึ้นอยู่กับตัวแปรหลากหลาย 115 00:06:49,330 --> 00:06:51,740 มันขึ้นอยู่กับลักษณะของเชื้อโรค 116 00:06:51,740 --> 00:06:56,040 และการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน ที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นด้วยวัคซีน 117 00:06:56,040 --> 00:06:58,430 แต่พวกมันมีบางอย่างเหมือนกัน 118 00:06:58,430 --> 00:07:03,860 ถ้าเปอร์เซ็นต์ของประชากร ในสังคมที่ได้รับวัคซีน 119 00:07:03,860 --> 00:07:07,050 อยู่ต่ำกว่าระดับเปลี่ยน 120 00:07:07,050 --> 00:07:11,110 โรคจะเริ่มแพร่กระจายอย่างอิสระ 121 00:07:11,110 --> 00:07:15,780 และอาจสร้างการระบาด ของโรคภายในสังคม 122 00:07:15,780 --> 00:07:22,860 แม้โรคที่เคยควบคุมได้ ณ จุดหนึ่ง อาจปรากฏกลับขึ้นมาอีก 123 00:07:24,230 --> 00:07:26,740 มันไม่ใช่แค่ทฤษฎี 124 00:07:26,740 --> 00:07:29,100 มันได้เกิดขึ้นแล้ว และยังคงเกิดขึ้นต่อไป 125 00:07:31,050 --> 00:07:35,750 ในปี ค.ศ. 1998 นักวิจัยชาวอังกฤษ ได้ตีพิมพ์ผลงาน 126 00:07:35,750 --> 00:07:38,530 ในนิตยสารทางการแพทย์ ที่สำคัญที่สุดฉบับหนึ่ง 127 00:07:38,530 --> 00:07:41,150 ที่บอกว่า MMR วัคซีน 128 00:07:41,150 --> 00:07:43,880 ซี่งใช้ป้องกันโรคหัด คางทูม และริเบลล่า 129 00:07:43,880 --> 00:07:45,750 เกี่ยวข้องกับออทิซึม 130 00:07:45,750 --> 00:07:48,450 สิ่งนี้ได้สร้างกระแสในทันที 131 00:07:49,010 --> 00:07:53,660 คนเริ่มที่จะหยุดรับวัคซีน และหยุดฉีดวัคซีนให้กับเด็กๆ 132 00:07:53,680 --> 00:07:55,300 แล้วมันเกิดอะไรขึ้น 133 00:07:55,300 --> 00:07:57,980 คนที่ได้รับวัคซีน 134 00:07:57,980 --> 00:08:01,960 ในหลายๆ กลุ่มสังคมทั่วโลก ลดลงต่ำกว่าระดับเปลี่ยน 135 00:08:01,960 --> 00:08:05,520 และเกิดการระบาดของโรคหัดขึ้น ในหลายเมืองทั่วโลก 136 00:08:05,520 --> 00:08:07,960 ในสหรัฐอเมริกา ในยุโรป 137 00:08:07,960 --> 00:08:10,120 คนมากมายล้มป่วย 138 00:08:10,120 --> 00:08:12,900 คนเสียชีวิตเพราะโรคหัด 139 00:08:13,730 --> 00:08:15,350 เกิดอะไรขึ้น 140 00:08:15,350 --> 00:08:19,470 บทความนี้ยังสร้างความสับสนครั้งใหญ่ ภายในวงการแพทย์ 141 00:08:19,470 --> 00:08:23,690 นักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งเริ่มที่จะประเมิน ว่ามันเป็นจริงหรือไม่ 142 00:08:25,130 --> 00:08:28,420 ไม่เพียงแต่ไม่มีใครพบว่า 143 00:08:28,420 --> 00:08:33,669 มีความเกี่ยวข้องอย่างเป็นสำคัญ ระหว่าง MMR กับออทิซึมในระดับประชากร 144 00:08:33,669 --> 00:08:38,570 แต่มันยังถูกพบว่า บทความนี้ ยังมีข้อกล่าวอ้างที่ไม่ถูกต้องอีกด้วย 145 00:08:38,820 --> 00:08:41,520 ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเรื่องต้มตุ๋น 146 00:08:42,120 --> 00:08:44,510 เป็นเรื่องหลอกลวง 147 00:08:44,900 --> 00:08:51,550 อันที่จริง วารสารนั้นได้เรียกบทความนั้นกลับ ในปี ค.ศ. 2010 148 00:08:52,230 --> 00:08:56,780 หนึ่งในสิ่งที่เป็นที่เป็นข้อกังวล และถูกใช้เป็นข้ออ้างในการไม่รับวัคซีน 149 00:08:56,780 --> 00:08:58,970 คือผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย 150 00:08:59,770 --> 00:09:05,410 วัคซีน เป็นดังเช่นยาอื่นๆ ที่อาจมีผลที่เป็นอันตราย 151 00:09:05,970 --> 00:09:08,480 ส่วนใหญ่แล้วจะมีผลอย่างอ่อน และชั่วครั้งชั่วคราว 152 00:09:08,480 --> 00:09:14,470 แต่ประโยชน์ที่ได้ยิ่งใหญ่กว่า ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเสมอ 153 00:09:15,740 --> 00:09:20,300 เมื่อเราป่วย เราต้องการที่จะหายไวๆ 154 00:09:20,300 --> 00:09:22,420 พวกเราหลายคนในที่นี้ 155 00:09:22,420 --> 00:09:26,090 กินยาปฏิชีวนะ เมื่อเราติดเชื้อ 156 00:09:26,090 --> 00:09:29,270 เรากินยาลดความดัน เมื่อความดันเลือดสูงเกินไป 157 00:09:29,270 --> 00:09:31,450 เรารับการรักษาหัวใจ 158 00:09:31,450 --> 00:09:34,700 ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะเราป่วย และเราต้องการจะหายป่วยเร็วๆ 159 00:09:34,700 --> 00:09:36,720 และเราไม่ตั้งคำถามอะไรมาก 160 00:09:36,720 --> 00:09:41,150 ทำไมมันยากเย็นนั้น ที่จะคิดถึงการป้องกันโรค 161 00:09:41,500 --> 00:09:45,100 โดยดูแลตัวเราเองเมื่อเราแข็งแรง 162 00:09:45,100 --> 00:09:48,290 เราดูแลตัวเราเองเยอะมาก เมื่อเราได้รับผลกระทบจากความเจ็บป่วย 163 00:09:48,290 --> 00:09:51,250 หรือในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายแบบจวนตัว 164 00:09:51,690 --> 00:09:54,810 ฉันคิดว่าพวกเราส่วนใหญ่ในที่นี้ 165 00:09:54,810 --> 00:09:58,540 จำการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ได้ 166 00:09:58,540 --> 00:10:01,930 ซึ่งเกิดการระบาดขึ้นในปี ค.ศ. 2009 ในอาร์เจนตินาและทั่วโลก 167 00:10:02,490 --> 00:10:05,520 เมื่อผู้ป่วยรายแรกปรากฏขึ้น 168 00:10:05,520 --> 00:10:09,360 พวกเราในอาร์เจนตินา กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว 169 00:10:09,910 --> 00:10:12,120 เราไม่รู้อะไรเลยสักนิด 170 00:10:12,120 --> 00:10:13,530 ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด 171 00:10:13,530 --> 00:10:18,900 คนใส่หน้ากากเดินตามท้องถนน วิ่งไปร้านขายยาเพื่อซื้อเจลแอลกอฮอลล์ 172 00:10:18,900 --> 00:10:22,250 ผู้คนยอมเข้าแถวที่ร้านขายยา เพื่อจะรับวัคซีน 173 00:10:22,250 --> 00:10:24,810 โดยไม่รู้เลยว่า มันเป็นวัคซีนที่ถูกต้องหรือไม่ 174 00:10:24,810 --> 00:10:27,350 ที่จะป้องกันพวกเขาจากไวรัสใหม่ 175 00:10:27,350 --> 00:10:29,650 เราไม่รู้อะไรเลย 176 00:10:29,650 --> 00:10:34,480 ในเวลานั้น นอกจากเป็นผู้ร่วมวิจัย ที่สถาบันเด็กอ่อน 177 00:10:34,480 --> 00:10:38,650 ฉันทำงานเป็นกุมารแพทย์ ให้กับบริษัทแผนการพยาบาล 178 00:10:39,480 --> 00:10:42,910 ฉันจำได้ว่าฉันเริ่มกะของฉันตอน 8 โมงเช้า 179 00:10:42,910 --> 00:10:47,060 และตอน 8 โมง ฉันได้รายการชื่อที่นัด จะเข้ามา 50 ราย 180 00:10:47,060 --> 00:10:49,940 มันวุ่นวายมาก ผู้คนไม่รู้กันว่าจะทำอย่างไร 181 00:10:50,460 --> 00:10:55,410 ฉันจำกลุ่มคนไข้ที่ฉันตรวจได้ 182 00:10:55,690 --> 00:11:00,050 คนไข้แก่กว่าที่เราเห็นๆ กันในฤดูหนาว 183 00:11:00,050 --> 00:11:02,390 และมีไข้นานกว่า 184 00:11:02,390 --> 00:11:06,070 และฉันบอกกับอาจารย์ที่ปรึกษาของฉัน 185 00:11:06,070 --> 00:11:09,590 และเขา ก็ได้ยินสิ่งเดียวกันนี้ จากเพื่อนร่วมงาน 186 00:11:09,590 --> 00:11:12,320 เกี่ยวกับหญิงตั้งครรภ์จำนวนมาก 187 00:11:12,320 --> 00:11:14,010 และผู้ใหญ่อายุน้อย 188 00:11:14,010 --> 00:11:16,250 เข้ามายังโรงพยาบาล เพื่อการรักษาอย่างใกล้ชิด 189 00:11:16,250 --> 00:11:19,160 และพวกเขาก็มีประวัติทางการแพทย์ ที่จัดการยาก 190 00:11:20,760 --> 00:11:26,600 ณ เวลานั้น เราพยายามทำความเข้าใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น 191 00:11:27,300 --> 00:11:30,420 อย่างแรกที่เราทำตอนเช้าวันจันทร์ คือออกรถ 192 00:11:30,420 --> 00:11:33,350 ไปยังโรงพยาบาลในจังหวัด บัวโนส ไอเรส 193 00:11:33,350 --> 00:11:39,020 ที่ทำหน้าที่เป็นโรงพยาบาลส่งต่อ สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสหวัดใหม่ 194 00:11:39,020 --> 00:11:41,550 เราไปถึงโรงพยาบาล มันคราคร่ำไปด้วยคน 195 00:11:41,550 --> 00:11:45,470 เจ้าหน้าที่หมอพยาบาลทุกคน สวมชุดป้องกันชีวภาพที่เหมือนชุดนาซ่า 196 00:11:45,470 --> 00:11:47,670 เรามีหน้ากากในกระเป๋า 197 00:11:47,670 --> 00:11:50,400 ฉัน เริ่มที่จะคิดว่าตัวเองไม่สบาย เหมือนไม่ได้หายใจสักสองชั่วโมง 198 00:11:50,400 --> 00:11:53,520 แต่เรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น 199 00:11:53,520 --> 00:11:57,210 ทันใดนั้นเอง เราเริ่มที่จะเข้าถึงกุมารแพทย์ 200 00:11:57,210 --> 00:12:01,430 จากโรงพยาบาลหกแห่ง ในเมืองนั้น และในจังหวัด บัวโนส ไอเรส 201 00:12:01,440 --> 00:12:04,770 เป้าหมายหลักของเราคือค้นหา 202 00:12:04,770 --> 00:12:08,660 ว่าไวรัสใหม่นี้มีพฤติกรรมการติดต่อ มายังเด็กๆ ของเราได้อย่างไร 203 00:12:08,660 --> 00:12:11,240 โดยใช้เวลาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 204 00:12:11,240 --> 00:12:14,200 มันเป็นงานที่ยากลำบาก 205 00:12:14,200 --> 00:12:17,070 ที่ใช้เวลาน้อยกว่าสามเดือน 206 00:12:17,070 --> 00:12:23,160 เราสามารถเห็นว่าไวรัสใหม่ H1N1 นี้ มีผลกระทบอะไร 207 00:12:23,160 --> 00:12:29,300 ต่อเด็ก 251 คน ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะไวรัสดังกล่าว 208 00:12:29,520 --> 00:12:33,500 เราสามารถเห็นได้ว่าเด็กคนไหนที่ป่วยมากๆ 209 00:12:33,500 --> 00:12:37,120 เด็กที่อายุต่ำกว่าสี่ขวบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่อายุต่ำกว่าขวบ 210 00:12:37,120 --> 00:12:39,920 ผู้ป่วยที่เป็นโรคทางระบบประสาท 211 00:12:39,920 --> 00:12:43,210 และเด็กเล็กที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง 212 00:12:43,210 --> 00:12:48,020 การระบุคนเหล่านี้เป็นกลุ่มเสี่ยง มีความสำคัญอย่างมาก 213 00:12:48,020 --> 00:12:50,730 ที่จะจัดกลุ่มคนเหล่านี้เป็นคนกลุ่มแรก 214 00:12:50,730 --> 00:12:53,730 ที่จะต้องได้รับคำแนะนำ ให้ได้รับวัคซีนป้องกันโรค 215 00:12:53,730 --> 00:12:55,590 ไม่ใช่เพียงแต่ในอาร์เจนติน่า 216 00:12:55,590 --> 00:12:59,650 แต่รวมถึงประเทศอื่นๆ ซึ่งการระบาดยังไปไม่ถึงอีกด้วย 217 00:13:00,750 --> 00:13:02,430 ปีต่อมา 218 00:13:02,430 --> 00:13:07,520 เมื่อวัคซีนต้านการระบาดของไวรัส H1N1 มีออกมาแล้ว 219 00:13:07,520 --> 00:13:10,240 เราต้องการที่จะเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น 220 00:13:10,240 --> 00:13:13,410 หลังจากการณรงค์การฉีดวัคซีน 221 00:13:13,410 --> 00:13:18,180 ที่มุ่งเป้าเพื่อป้องกันกลุ่มเสี่ยง 222 00:13:18,180 --> 00:13:25,140 โรงพยาบาลเหล่านี้ ที่ให้วัคซีนกับกลุ่มเสี่ยงที่คิดเป็น 93 เปอร์เซ็นต์ 223 00:13:25,140 --> 00:13:28,770 ไม่ได้รับผู้ป่วยสักคนเดียว 224 00:13:28,770 --> 00:13:31,450 จากการระบาดของไวรัส H1N1 225 00:13:31,450 --> 00:13:35,130 (เสียงปรบมือ) 226 00:13:35,920 --> 00:13:39,880 ในปี ค.ศ. 2009: 251 ราย 227 00:13:41,490 --> 00:13:44,440 ในปี ค.ศ. 2010: ศูนย์ 228 00:13:44,440 --> 00:13:49,220 การฉีดวัคซีนเป็นการกระทำ ที่เป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล 229 00:13:49,220 --> 00:13:53,250 แต่มันมีผลกระทบสะสมที่ยิ่งใหญ่ 230 00:13:54,790 --> 00:13:59,410 ถ้าฉันได้รับวัคซีน ไม่เพียงแต่ฉันป้องกันตัวเอง 231 00:13:59,420 --> 00:14:02,630 แต่ฉันยังป้องกันคนอื่นๆ อีกด้วย 232 00:14:03,520 --> 00:14:05,890 ซอลเป็นโรคไอกรน 233 00:14:07,500 --> 00:14:09,700 ซอลยังเด็กอยู่มาก 234 00:14:09,700 --> 00:14:14,230 และเธอไม่ได้รับการฉีดวัคซีนแรก เพื่อป้องกันไอกรน 235 00:14:15,160 --> 00:14:18,960 ฉันยังคงหวังว่ามันจะเกิดขึ้น 236 00:14:18,960 --> 00:14:24,870 ถ้าทุกคนรอบๆ ตัว ซาล ได้รับวัคซีน 237 00:14:25,740 --> 00:14:28,032 (เสียงปรบมือ)