1 00:00:06,698 --> 00:00:08,793 อะไรที่ทำให้หนังสือเป็นหนังสือ 2 00:00:08,793 --> 00:00:12,828 มันไม่ได้เป็นแค่สิ่งหนึ่งที่เก็บ และสื่อสารข้อมูลต่าง ๆ หรอกหรือ 3 00:00:12,828 --> 00:00:14,509 หรือมันต้องเกี่ยวข้องกับกระดาษ 4 00:00:14,509 --> 00:00:15,236 การเย็บ 5 00:00:15,236 --> 00:00:15,984 รูปแบบตัวหนังสือ 6 00:00:15,984 --> 00:00:16,736 หมึก 7 00:00:16,736 --> 00:00:17,973 น้ำหนักของมันในมือของคุณ 8 00:00:17,973 --> 00:00:19,803 กลิ่นของกระดาษ 9 00:00:19,803 --> 00:00:21,112 นี่เป็นหนังสือหรือเปล่า 10 00:00:21,112 --> 00:00:22,486 บางทีอาจจะไม่ใช่ 11 00:00:22,486 --> 00:00:23,483 แล้วนี่ล่ะ 12 00:00:23,483 --> 00:00:24,763 เพื่อที่จะตอบคำถามเหล่านี้ 13 00:00:24,763 --> 00:00:27,525 เราต้องย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น ของหนังสือที่เรารู้จักกัน 14 00:00:27,525 --> 00:00:30,698 และทำความเข้าใจว่าสิ่งต่าง ๆ เข้ามา รวมตัวกันเพื่อประกอบเป็นอะไรบางอย่าง 15 00:00:30,698 --> 00:00:33,240 ที่เป็นมากกว่าผลรวมจากส่วนเล็ก ๆ ของมันได้อย่างไร 16 00:00:33,240 --> 00:00:36,859 สิ่งแรกที่เรานึกเมื่อพูดถึงหนังสือคือรหัส 17 00:00:36,859 --> 00:00:39,949 ตั้งกระดาษที่ถูกเย็บติดกัน ที่ขอบด้านหนึ่ง 18 00:00:39,949 --> 00:00:42,395 แต่จุดเปลี่ยนที่แท้จริงของหนังสือ 19 00:00:42,395 --> 00:00:46,575 คือสำนักพิมพ์โจฮานเนส กูเตนเบิร์ก ในช่วงกลางศตวรรษที่ 15 20 00:00:46,575 --> 00:00:51,642 แนวคิดการพิมพ์แบบเคลื่อน ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาก่อนหน้านั้นในยุโรป 21 00:00:51,642 --> 00:00:55,833 แต่การนำมาใช้โดยสำนักพิมพ์กูเตนเบิร์ก ส่งผลกระทบออกไปอย่างมาก 22 00:00:55,833 --> 00:00:59,949 ปัญญาชนในกลุ่มนักบวชและชนชั้นปกครอง 23 00:00:59,949 --> 00:01:02,531 ไม่มีอำนาจควบคุมการผลิตสิ่งพิมพ์อีกต่อไป 24 00:01:02,531 --> 00:01:04,328 ข้อความสามารถถูกแพร่ออกไปได้ง่ายขึ้น 25 00:01:04,328 --> 00:01:07,333 และการคัดลอกก็ถูกผลิตได้อย่างต่อเนื่อง 26 00:01:07,333 --> 00:01:10,432 ฉะนั้น โรงพิมพ์จึงเกิดขึ้นมากมายทั่วยุโรป 27 00:01:10,432 --> 00:01:15,268 ผลิตภัณฑ์ของการเติบโตนี้ เป็นที่คุ้นเคยสำหรับเราในบางแง่มุม 28 00:01:15,268 --> 00:01:17,949 แต่แตกต่างออกไปมากในแง่มุมอื่น ๆ 29 00:01:17,949 --> 00:01:22,796 โครงสร้างของหนังสือคือกระดาษ การพิมพ์ และปก 30 00:01:22,796 --> 00:01:27,044 กว่า 2000 ปีก่อน จีนผลิตกระดาษเพื่อเอาไว้บันทึก 31 00:01:27,044 --> 00:01:30,516 ซึ่งมันมีความเก่าแก่น้อยกว่า กระดาษปาปิรุสของอียิปต์ 32 00:01:30,516 --> 00:01:32,707 อย่างไรก็ดี จนถึงศตวรรษที่ 16 33 00:01:32,707 --> 00:01:35,236 ชาวยุโรปส่วนใหญ่ยังบันทึกสิ่งต่าง ๆ บนแผ่นไม้ 34 00:01:35,236 --> 00:01:39,176 และแผ่นหนังสัตว์ที่มีความทนทาน 35 00:01:39,176 --> 00:01:43,022 ในที่สุด ความนิยมของกระดาษ ก็แผ่ขยายออกไปทั่วทั้งยุโรป 36 00:01:43,022 --> 00:01:47,673 และเข้ามาแทนที่แผ่นหนังที่ใช้ ในงานพิมพ์ส่วนใหญ่ เพราะว่ามันถูกกว่า 37 00:01:47,673 --> 00:01:51,576 น้ำหมึกถูกผลิตจากการรวมกัน ของสีย้อมอินทรีย์จากพืชและสัตว์ 38 00:01:51,576 --> 00:01:53,046 กับน้ำหรือไวน์ 39 00:01:53,046 --> 00:01:55,519 แต่เมื่อน้ำไม่ติดกับโลหะ 40 00:01:55,519 --> 00:02:00,144 จึงต้องมีการเปลี่ยนไปใช้หมึกน้ำมัน สำหรับงานด้านการพิมพ์ 41 00:02:00,144 --> 00:02:03,513 เครื่องพิมพ์ใช้หมึกดำ ที่ทำมาจากการผสมกันของเถ้าจากโคมไฟ 42 00:02:03,513 --> 00:02:04,395 น้ำมันสน 43 00:02:04,395 --> 00:02:06,138 และน้ำมันวอลนัท 44 00:02:06,138 --> 00:02:08,236 แล้วขนาดของตัวพิมพ์และการพิมพ์ล่ะ 45 00:02:08,236 --> 00:02:12,577 งานพิมพ์แบบเคลื่อนแรกสุด ประกอบด้วยตัวหนังสือกลับหลัง 46 00:02:12,577 --> 00:02:16,673 ที่ถูกวางสลับบนปลายตะกั่วผสม 47 00:02:16,673 --> 00:02:19,147 พวกมันถูกหล่อขึ้นด้วยมือและมีราคาแพง 48 00:02:19,147 --> 00:02:22,865 และการออกแบบก็แตกต่างกันไป ตามฝีมือของคนที่แกะแม่พิมพ์ 49 00:02:22,865 --> 00:02:27,151 การกำหนดมาตราฐานไม่สามารถทำได้ จนกระทั่งมีการผลิตแบบอุตสาหกรรม 50 00:02:27,151 --> 00:02:30,830 และการสร้างระบบประมวลคำ ที่สามารถเข้าถึงได้ 51 00:02:30,830 --> 00:02:36,230 สำหรับรูปแบบ ต้องขอบคุณนิโคลัส เจนสัน ที่การพัฒนาตัวอักษรโรมันสองแบบ 52 00:02:36,230 --> 00:02:38,610 ที่นำไปสู่การพัฒนารูปแบบอีกนับพัน 53 00:02:38,610 --> 00:02:41,248 รวมถึงรูปแบบ ไทม์ โรมัน ที่เราคุ้นเคย 54 00:02:41,248 --> 00:02:44,013 อะไรบางอย่างยึดสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วยกัน 55 00:02:44,013 --> 00:02:46,399 และจนถึงปลายศตวรรษที่ 15 56 00:02:46,399 --> 00:02:48,732 ปกทำจากไม้ 57 00:02:48,732 --> 00:02:51,045 หรือไม่ก็แผ่นกระดาษที่กดอัดเข้าด้วยกัน 58 00:02:51,045 --> 00:02:54,698 ต่อมามันถูกแทนที่ ด้วยกระดาษแข็งที่มีใยเชือก 59 00:02:54,698 --> 00:02:59,482 ที่อดีตมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มคุณภาพการเย็บ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 60 00:02:59,482 --> 00:03:02,947 แต่ต่อมาถูกใช้เพื่อเป็นวัสดุทางเลือกที่ไม่แพง 61 00:03:02,947 --> 00:03:06,550 และในขณะปกที่ถูกผลิตในเชิงอุตสหกรรม ในปัจจุบันเป็นเครื่องมือทางการตลาด 62 00:03:06,550 --> 00:03:10,304 การออกแบบปกของหนังสือแต่ดั้งเดิม ถูกทำขึ้นตามสั่ง 63 00:03:10,304 --> 00:03:12,839 แม้แต่สันปกก็มีประวัติของมัน 64 00:03:12,839 --> 00:03:16,406 แต่เดิม พวกมันไม่ได้ถูกมองว่า มีความสำคัญทางด้านความงาม 65 00:03:16,406 --> 00:03:19,743 และสันปกแรก ๆ ก็แบน ไม่ได้โค้งมน 66 00:03:19,743 --> 00:03:22,516 รูปแบบที่แบน ทำให้หนังสือถูกใช้อ่านได้ง่าย 67 00:03:22,516 --> 00:03:25,522 เนื่องจากหนังสือสามารถถูกวางไว้บนโต๊ะ ได้โดยสะดวก 68 00:03:25,522 --> 00:03:30,453 แต่สันปกเหล่านั้นเสียหายได้ง่าย จากแรงกดจากการใช้งานทั่ว ๆ ไป 69 00:03:30,453 --> 00:03:32,580 รูปแบบโค้งมนแก้ปัญหานี้ 70 00:03:32,580 --> 00:03:34,555 แม้ว่าจะทำให้เกิดปัญหาใหม่ 71 00:03:34,555 --> 00:03:37,389 อย่างเช่นทำให้หนังสือพับปิดเอง 72 00:03:37,389 --> 00:03:39,263 แต่ความยืดหยุ่นมีความสำคัญมากกว่า 73 00:03:39,263 --> 00:03:41,609 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ ผู้ที่พกพาหนังสือ 74 00:03:41,609 --> 00:03:45,266 ในขณะที่หนังสือมีการพัฒนา และเราแทนที่อักขระที่ถูกเย็บไว้ด้วยกัน 75 00:03:45,266 --> 00:03:47,855 ด้วยหน้าจอแบนกับหมึกอิเล็กทรอนิค 76 00:03:47,855 --> 00:03:50,953 วัสดุและไฟล์เหล่านี้ เป็นหนังสือจริง ๆ หรือเปล่า 77 00:03:50,953 --> 00:03:52,436 การสัมผัสปกหนังสือ 78 00:03:52,436 --> 00:03:55,738 หรือการดมกลิ่นของกระดาษ เป็นการเพิ่มเติมสัมผัสที่สำคัญหรือไม่ 79 00:03:55,738 --> 00:03:58,837 หรือความอัศจรรย์นั้นอยู่เพียงแต่ที่ตัวหนังสือ 80 00:03:58,837 --> 00:04:01,018 ไม่ว่าการนำเสนอของมันจะอยู่ในรูปแบบใด