1 00:00:06,669 --> 00:00:09,660 เรามักจะคิดถึงจังหวะในแง่ของ ส่วนประกอบของดนตรี 2 00:00:09,660 --> 00:00:12,615 แต่ความจริงแล้ว มันสามารถ พบเจอได้ทั่วไปในโลกรอบตัวเรา 3 00:00:12,615 --> 00:00:15,060 ตั้งแต่คลื่นในมหาสมุทร สู่การเต้นของหัวใจ 4 00:00:15,060 --> 00:00:19,066 จังหวะโดยเนื้อแท้แล้ว คือสิ่งที่เกิดขึ้น ซ้ำไปซ้ำมาในช่วงเวลาหนึ่ง 5 00:00:19,066 --> 00:00:22,091 แม้กระทั่งเสียงนาฬิกาเดิน ก็ยังถือว่าเป็นประเภทหนึ่งของจังหวะ 6 00:00:22,091 --> 00:00:23,320 แต่สำหรับจังหวะของดนตรี 7 00:00:23,320 --> 00:00:26,826 เสียงที่เคาะจังหวะเดียว ซ้ำไปมาอย่างสม่ำเสมอนั้นไม่เพียงพอ 8 00:00:26,826 --> 00:00:30,790 เราต้องการอย่างน้อย 1 เคาะที่มีเสียงต่างออกไป 9 00:00:30,790 --> 00:00:35,064 ซึ่งสามารถเป็นการเคาะที่ลงไม่ตรงจังหวะ หรือการเคาะหนักแน่นที่ลงตรงจังหวะก็ได้ 10 00:00:35,064 --> 00:00:37,544 มันยังมีอีกหลายวิธี ที่จะทำให้การเคาะพวกนี้ชัดเจนขึ้น 11 00:00:37,544 --> 00:00:43,419 ไม่ว่าจะด้วยการใช้กลองย่านเสียงสูง-ต่ำ หรือการเคาะแบบยาวและสั้น 12 00:00:43,419 --> 00:00:47,345 ที่สุดท้ายแล้วเราได้ยินเป็น เสียงเคาะหลักนั้น ไม่มีกฎที่ตายตัว 13 00:00:47,345 --> 00:00:52,334 แต่เหมือนกับแจกันรูบิน มันสามารถ กลับไปมาได้ขึ้นอยู่กับมุมมองของวัฒนธรรม 14 00:00:52,334 --> 00:00:56,411 ในการจดบันทึกทั่วไป จังหวะจะถูกระบุไว้บนเส้นบรรทัดดนตรี 15 00:00:56,411 --> 00:00:57,833 แต่มันยังมีวิธีอื่นอีก 16 00:00:57,833 --> 00:00:59,440 จำนาฬิกาเดินได้ไหม? 17 00:00:59,440 --> 00:01:02,446 เหมือนกับที่ใบหน้ากลมของมันสามารถ ติดตามเส้นการเคลื่อนของเวลาได้ 18 00:01:02,446 --> 00:01:05,399 การไหลของจังหวะก็สามารถ ติดตามได้ในวงกลมเช่นกัน 19 00:01:05,399 --> 00:01:08,998 ความต่อเนื่องของวงล้อเป็น วิธีที่ง่ายกว่าในการรับรู้จังหวะ 20 00:01:08,998 --> 00:01:13,016 เทียบกับแถบโน้ตเพลงที่จะต้องมี การเลื่อนซ้ายขวาตลอดทั้งหน้ากระดาษ 21 00:01:13,016 --> 00:01:15,968 เราสามารถทำเครื่องหมายการเคาะ ที่จุดต่างๆ กันบนวงกลมได้ 22 00:01:15,968 --> 00:01:19,841 โดยใช้จุดสีฟ้าแทนการเคาะหลัก สีส้มสำหรับการเคาะที่ไม่ลงจังหวะ 23 00:01:19,841 --> 00:01:22,358 และจุดสีขาวสำหรับการเคาะครั้งที่สอง 24 00:01:22,358 --> 00:01:29,987 นี่คือพื้นฐานการเคาะ 2 จังหวะ ด้วยการเคาะหลักและการเคาะที่ไม่ลงจังหวะ 25 00:01:29,987 --> 00:01:38,195 หรือการเคาะ 3 จังหวะด้วยการเคาะหลัก การเคาะที่ไม่ลงจังหวะ และการเคาะครั้งที่สอง 26 00:01:38,195 --> 00:01:42,162 และระยะห่างของแต่ละการเคาะ สามารถแบ่งเป็นจังหวะย่อยๆ ได้อีก 27 00:01:42,162 --> 00:01:44,805 โดยใช้การทวีคูณของ 2 หรือ 3 28 00:01:44,805 --> 00:01:47,433 ด้วยการจัดวางรูปแบบของการคูณ โดยมีวงล้อเป็นศูนย์กลาง 29 00:01:47,433 --> 00:01:49,961 เราลองมาสร้างจังหวะที่ซับซ้อนมากขึ้นกันดู 30 00:01:49,961 --> 00:01:53,577 ตัวอย่างเช่น เราสามารถรวมพื้นฐานการเคาะ 2 จังหวะกับการเคาะที่ไม่ลงจังหวะ 31 00:01:53,577 --> 00:01:56,913 เพื่อที่จะได้ระบบการเคาะ 4 ครั้ง 32 00:01:56,913 --> 00:02:01,320 นี่เป็นพื้นฐานที่สำคัญของดนตรีที่โด่งดัง หลายประเภททั่วโลก 33 00:02:01,320 --> 00:02:04,268 จากร็อค (Rock) 34 00:02:04,268 --> 00:02:06,800 คันทรี่ย์ (Country) 35 00:02:06,800 --> 00:02:10,538 และแจ๊ส (Jazz) 36 00:02:10,538 --> 00:02:12,810 สู่เร็กเก้ (Reggae) 37 00:02:12,810 --> 00:02:15,142 และคุมเบีย (Cumbia) 38 00:02:15,142 --> 00:02:22,215 หรือเราสามารถรวมการเคาะพื้นฐาน 2 จังหวะ กับการเคาะ 3 จังหวะได้ 39 00:02:22,215 --> 00:02:25,684 เมื่อรวมการเคาะหลักที่เกินมาเข้าด้วยกัน และหมุนวงล้อด้านใน 40 00:02:25,684 --> 00:02:32,065 เราจะเหลือจังหวะ ที่ให้ความรู้สึก 3/4 อยู่ลึกๆ 41 00:02:32,065 --> 00:02:39,126 นี่คือพื้นฐานดนตรีของนักบวชลัทธิลมวน 42 00:02:39,126 --> 00:02:41,772 เช่นเดียวกับจังหวะลาตินอเมริกาอีกมาก 43 00:02:41,772 --> 00:02:48,602 เช่น โฮโระ (Joropo) 44 00:02:48,602 --> 00:03:00,419 หรือแม้แต่ชาโคน (Chaconne) ที่โด่งดังของบาร์ก (Bach) 45 00:03:00,419 --> 00:03:04,769 ถ้าเราใช้แนวคิดแจกันรูบิน แล้วใช้การเคาะที่ไม่ลงจังหวะเป็นการเคาะหลัก 46 00:03:04,769 --> 00:03:06,566 เราก็จะได้ความรู้สึกของ 6/ 8 47 00:03:06,566 --> 00:03:10,779 เหมือนที่ใช้กันใน ชาร์คาเรร่า (Chacarera) 48 00:03:10,779 --> 00:03:14,455 เคว็กกา (Quechua) 49 00:03:14,455 --> 00:03:20,333 ดนตรีเปอร์เซียน และอื่นๆอีกมากมาย 50 00:03:20,333 --> 00:03:23,018 ในระบบการเคาะ 8 จังหวะ เราจะมีวงกลม 3 ชั้น 51 00:03:23,018 --> 00:03:37,073 แต่ละจังหวะจะถูกเล่นโดย เครื่องดนตรีที่แตกต่างกัน 52 00:03:37,073 --> 00:03:39,009 เราสามารถเพิ่มวงกลมชั้นนอกสุด 53 00:03:39,009 --> 00:03:41,647 เพื่อเพิ่มองค์ประกอบของจังหวะ 54 00:03:41,647 --> 00:03:55,850 เสริมการเคาะหลักและเพิ่มความละเอียด 55 00:03:55,850 --> 00:03:58,678 ทีนี้ ลองลบทุกอย่างออก ยกเว้นจังหวะที่รวมกัน 56 00:03:58,678 --> 00:04:00,877 และการเคาะพื้นฐาน 2 จังหวะด้านบน 57 00:04:00,877 --> 00:04:07,301 การเรียบเรียงจังหวะแบบนี้จะเจอได้ใน คิวบัน ซิงคิว (Cuban cinquillo) 58 00:04:07,301 --> 00:04:11,615 ในการเต้นบอมบา จากเปอร์โตริโก (Puerto Rican bomba) 59 00:04:11,615 --> 00:04:19,194 และในดนตรีทางเหนือของโรมาเนีย 60 00:04:19,194 --> 00:04:22,303 การหมุนวงกลมนอกสุด 90 องศา ทวนเข็มนาฬิกา 61 00:04:22,303 --> 00:04:31,074 จะได้รูปแบบที่มักจะเจอในดนตรีตะวันออกกลาง 62 00:04:31,074 --> 00:04:37,196 โชโระของบราซิล (Brazilian choro) 63 00:04:37,196 --> 00:04:43,695 และแทงโก้ของอาร์เจนตินา 64 00:04:43,695 --> 00:04:48,223 จากตัวอย่างทั้งหมดนี้ จังหวะสำคัญ จะมาจากจังหวะพื้นฐาน 1/2 65 00:04:48,223 --> 00:04:52,223 แต่เป็นในทางที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการเรียบเรียงและวัฒนธรรม 66 00:04:52,223 --> 00:04:55,440 กลายเป็นว่า 'วิธีวงล้อ' เป็นมากกว่าวิธีที่ดีกว่า 67 00:04:55,440 --> 00:04:57,670 ในการมองจังหวะที่ซับซ้อน 68 00:04:57,670 --> 00:04:59,996 ด้วยการปลดปล่อยเราจาก เผด็จการของเส้นบรรทัดดนตรี 69 00:04:59,996 --> 00:05:02,511 เราสามารถมองเห็นจังหวะในรูปแบบเวลา 70 00:05:02,511 --> 00:05:06,889 และการหมุนวงล้อแบบง่ายๆ สามารถพาเราเข้าสู่โลกของดนตรีทั่วโลกได้