0:00:06.687,0:00:07.668 คุณอาจเคยได้ยินว่า 0:00:07.668,0:00:10.452 คาร์บอนไดออกไซด์กำลังทำให้โลกอุ่นขึ้น 0:00:10.452,0:00:11.823 แต่มันทำได้อย่างไรกัน 0:00:11.823,0:00:13.832 มันเหมือนกับแก้วของเรือนกระจก 0:00:13.832,0:00:15.733 หรือเหมือนผ้าห่มที่เป็นฉนวนหรือเปล่า 0:00:15.733,0:00:17.852 ก็ไม่อย่างนั้นสักทีเดียว 0:00:17.852,0:00:19.272 คำตอบนั้นเกี่ยวข้องกับ 0:00:19.272,0:00:22.010 กลศาสตร์ควอนตัมนิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง 0:00:22.010,0:00:23.959 เราจะเริ่มจากรุ้ง 0:00:23.959,0:00:25.818 ถ้าคุณพิจารณาดีๆ แสงอาทิตย์ที่ถูกแยก 0:00:25.818,0:00:27.134 ผ่านแท่งปริซึม 0:00:27.134,0:00:30.365 คุณจะเห็นช่องมืดที่แถบสีต่างๆ หายไป 0:00:30.365,0:00:31.753 พวกมันหายไปไหน 0:00:31.753,0:00:33.168 ก่อนที่จะมาถึงตาของเรา 0:00:33.168,0:00:35.080 ก๊าซต่างๆ ดูดซับ 0:00:35.080,0:00:37.688 บางส่วนของแถบสีเหล่านั้น 0:00:37.688,0:00:39.847 ยกตัวอย่างเช่น ออกซิเจน ดูดซับ 0:00:39.847,0:00:41.695 แสงสีแดงเข้มบางส่วน 0:00:41.695,0:00:44.914 และโซเดียมจับสีเหลือง 2 เฉดสี 0:00:44.914,0:00:46.308 แต่ทำไมก๊าซเหล่านี้ ถึงดูดซับ 0:00:46.308,0:00:48.362 สีของแสงที่จำเพาะ 0:00:48.362,0:00:51.279 นี่เป็นตอนที่เราจะเข้าสู่แดนควอนตัม 0:00:51.279,0:00:53.637 ทุกอะตอมและโมเลกุลมีระดับพลังงานตายตัว 0:00:53.637,0:00:56.968 ที่เป็นไปได้หลายระดับ[br]สำหรับอิเล็กตรอนของมัน 0:00:56.968,0:00:58.979 เพื่อที่จะย้ายอิเล็กตรอนของมันจากสถานะพื้น 0:00:58.979,0:01:00.297 ไปยังระดับที่สูงกว่า 0:01:00.297,0:01:03.701 โมเลกุลต้องการเพิ่มพลังงานในปริมาณหนึ่ง 0:01:03.701,0:01:06.119 ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น 0:01:06.119,0:01:08.123 มันได้พลังงานจากแสง 0:01:08.123,0:01:11.292 ซึ่งมาในหลากหลายระดับพลังงานมากกว่าที่คุณจะนับได้ 0:01:11.292,0:01:14.657 แสงประกอบไปด้วยอนุภาคเล็กๆ ที่เรียกว่า โฟตอน 0:01:14.657,0:01:16.761 และปริมาณของพลังงานในแต่ละโฟตอน 0:01:16.761,0:01:19.126 เชื่อมโยงกับสีของมัน 0:01:19.126,0:01:22.149 แสงสีแดงมีพลังงานต่ำ และช่วงคลื่นที่ยาวกว่า 0:01:22.149,0:01:25.823 แสดงสีม่วงมีพลังงานที่สูงและมีช่วงคลื่นที่สั้นกว่า 0:01:25.823,0:01:28.642 แสงแดดให้โฟตอนสำหรับทุกย่านสีของรุ้ง 0:01:28.642,0:01:30.663 ดังนั้น โมเลกุลของก๊าซสามารถเลือก 0:01:30.663,0:01:33.270 โฟตอนที่มีระดับพลังงานในปริมาณที่ต้องการ 0:01:33.270,0:01:35.024 เพื่อที่จะย้ายโมเลกุลไปยัง 0:01:35.024,0:01:37.381 อีกระดับพลังงาน 0:01:37.381,0:01:38.715 เมื่อการจับคู่นี้เกิดขึ้นแล้ว 0:01:38.715,0:01:40.644 โฟตอนหายไปเมื่อโมเลกุล 0:01:40.644,0:01:41.965 ได้พลังงาน 0:01:41.965,0:01:44.765 และเราก็จะเห็นแถบสีที่หายไปในรุ้ง 0:01:44.765,0:01:47.887 ถ้าโฟตอนมีพลังงานมากหรือน้อยเกินไป 0:01:47.887,0:01:49.366 โมเลกุลก็ไม่มีทางเลือก เว้นแต่ 0:01:49.366,0:01:51.219 จะให้มันบินผ่านไป 0:01:51.219,0:01:53.639 นั่นเป็นเหตุว่าทำไม แก้วจึงโปร่งใส 0:01:53.639,0:01:55.711 อะตอมในแก้วไม่ได้เข้าคู่กันดีนัก 0:01:55.711,0:01:58.384 กับพลังงานระดับใดๆ ในแสงสีที่เห็นได้ 0:01:58.384,0:02:00.647 ดังนั้นโฟตอนจึงผ่านทะลุไป 0:02:00.647,0:02:03.760 แล้ว โฟตอนไหนล่ะ ที่คาร์บอนไดออกไซด์ชอบ 0:02:03.760,0:02:05.585 ตรงไหนที่เป็นเส้นดำในรุ้งของเรา 0:02:05.585,0:02:07.960 ที่อธิบายปรากฏการณ์โลกร้อน 0:02:07.960,0:02:09.789 มันไม่ได้อยู่ตรงนั้น 0:02:09.789,0:02:11.952 คาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ได้ดูดซับแสงโดยตรง 0:02:11.952,0:02:13.286 จากดวงอาทิตย์ 0:02:13.286,0:02:14.507 มันดูดซับแสงจาก 0:02:14.507,0:02:16.232 สิ่งที่อยู่บนฟากฟ้าที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง 0:02:16.232,0:02:19.016 สิ่งนั้นไม่เปล่งแสงใดๆ เลย 0:02:19.016,0:02:20.739 มันคือ โลก 0:02:20.739,0:02:22.175 ถ้าคุณสงสัยว่าทำไมโลกของเรา 0:02:22.175,0:02:23.876 ถึงไม่เห็นจะเรืองแสง 0:02:23.876,0:02:27.138 มันเป็นเพราะว่าโลกไม่ได้เปล่งแสงที่มองเห็นได้ 0:02:27.138,0:02:29.306 มันเปล่งแสงอินฟราเรด (infared light) 0:02:29.306,0:02:30.920 แสงที่ตาเราสามารถมองเห็นได้ 0:02:30.920,0:02:32.992 ที่รวมถึงทุกสีของรุ้ง 0:02:32.992,0:02:35.422 เป็นแค่ส่วนน้อยของแถบสีส่วนใหญ่ 0:02:35.422,0:02:37.825 ของการปลดปล่อยแม่เหล็กไฟฟ้า 0:02:37.825,0:02:40.198 ซึ่งรวมถึงคลื่อนวิทยุ คลื่นไมโครเวฟ 0:02:40.198,0:02:43.286 แสงอินฟราเรด รังสีอัลตราไวโอเลต[br]รังสีเอ็กซ์ 0:02:43.286,0:02:45.103 และรังสีแกมม่า 0:02:45.103,0:02:47.744 มันอาจจะประหลาดที่จะคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นแสง 0:02:47.744,0:02:49.291 แต่มันไม่มีพื้นฐานใดที่ต่างกัน 0:02:49.291,0:02:53.027 ระหว่างแสงที่เห็นได้และการแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้า 0:02:53.027,0:02:54.127 มันเป็นพลังงานเดียวกัน 0:02:54.127,0:02:56.394 แต่ที่ระดับที่สูงกว่าหรือต่ำกว่า 0:02:56.394,0:02:58.374 ที่จริงแล้ว มันค่อนข้างจะอวดดีซักหน่อย[br]ที่จะกำหนด 0:02:58.374,0:03:01.969 คำว่าแสงที่เห็นด้วยตาเปล่า โดยข้อจำกัดของเรา 0:03:01.969,0:03:04.865 อย่างไรก็ตาม งูมองเห็นแสงใต้แดงได้ 0:03:04.865,0:03:07.827 และนกมองเห็นแสงเหนือม่วงได้ 0:03:07.827,0:03:09.907 ถ้าตาของคุณถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อมองแสง 0:03:09.907,0:03:12.283 ความถี่ 1900 เมกะเฮิร์ซ โทรศัพท์มือถือ 0:03:12.283,0:03:13.423 ก็คงจะเป็นเหมือนไฟฉาก 0:03:13.423,0:03:14.425 และหอส่งสัญญาณโทรศัพท์ 0:03:14.425,0:03:17.157 ก็คงดูเหมือนโคมไฟขนาดใหญ่ 0:03:17.157,0:03:19.315 โลกเปล่งรังสีอินฟราเรด 0:03:19.315,0:03:21.240 เพราะทุกๆ วัตถุที่มีอุณหภูมิ 0:03:21.240,0:03:24.468 สูงกว่าศูนย์สัมบูรณ์ จะเปล่งแสง 0:03:24.468,0:03:26.726 มันเรียกว่า การปล่อยรังสีอุณหภูมิ 0:03:26.726,0:03:28.158 วัตถุที่ร้อนกว่า 0:03:28.158,0:03:30.857 เปล่งแสงที่มีความถึ่มากกว่า 0:03:30.857,0:03:32.561 เมื่อคุณทำให้เหล็กกล้าร้อน 0:03:32.561,0:03:35.956 มันจะเปล่งแสงที่มีความถึ่ของแสงใต้แดงมากกว่า 0:03:35.956,0:03:40.322 และจากนั้น ที่อุณหภูมิประมาณ 450 องศาเซลเซียส 0:03:40.322,0:03:43.082 แสงของมันจะไปถึงช่วงแถบสีที่มองเห็นได้ 0:03:43.082,0:03:45.310 ตอนแรก มันจะดูเหมือนสีแดงร้อน 0:03:45.310,0:03:46.606 และเมื่อได้รับความร้อนมากขึ้น 0:03:46.606,0:03:48.112 มันจะเรืองแสงสีขาว 0:03:48.112,0:03:51.166 ที่มีความถี่ทั้งหมดในช่วงที่มองเห็นได้ 0:03:51.166,0:03:52.857 นี่เป็นแบบที่หลอดไฟดั้งเดิม 0:03:52.857,0:03:54.309 ถูกออกแบบให้ทำงาน 0:03:54.309,0:03:56.187 และทำไมพวกมันจึงสิ้นเปลืองนัก 0:03:56.187,0:04:00.265 95% ของแสงที่มันเปล่งออกมา [br]มองเห็นไม่ได้ด้วยตาเปล่า 0:04:00.265,0:04:02.174 มันสิ้นเปลืองไปในรูปความร้อน 0:04:02.174,0:04:04.827 รังสีอินฟราเรดของโลกอาจหนีออกไปยังอวกาศ 0:04:04.827,0:04:07.358 ถ้าไม่มีโมเลกุลก๊าซเรือนกระจก 0:04:07.358,0:04:09.080 ในชั้นบรรยายกาศของเรา 0:04:09.080,0:04:11.834 เช่นเดียวกับก๊าซออกซิเจนที่ชอบโฟตอนสีแดงเข้ม 0:04:11.834,0:04:14.512 คาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ 0:04:14.512,0:04:17.153 เข้ากันได้กับโฟตอนใต้แดง 0:04:17.153,0:04:18.914 พวกมันให้พลังงานในปริมาณที่กำลังดี 0:04:18.914,0:04:22.085 เพื่อที่จะย้ายโมเลกุลของก๊าซไปยังระดับที่สูงขึ้น 0:04:22.085,0:04:24.410 ไม่นานหลังจากโมเลกุลคาร์บอนไดออกไซด์ 0:04:24.410,0:04:26.727 ดูดซับโฟตอนใต้แดง 0:04:26.727,0:04:29.182 มันจะตกกลับลงมายังระดับพลังงานก่อนหน้านั้น 0:04:29.182,0:04:32.714 และปล่อยโฟตอนกลับออกมาในทิศทางอย่างสุ่ม 0:04:32.714,0:04:34.619 พลังงานบางส่วนจะกลับไปสู่ 0:04:34.619,0:04:36.098 พื้นผิวของโลก 0:04:36.098,0:04:37.639 ทำให้เกิดความร้อนมากขึ้น 0:04:37.639,0:04:39.447 ยิ่งมีคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศมากเท่าไร 0:04:39.447,0:04:41.380 ยิ่งเป็นไปได้มากที่โฟตอนอินฟราเรด 0:04:41.380,0:04:43.558 จะตกลงมาบนโลก 0:04:43.558,0:04:45.124 และเปลี่ยนสภาวะอากาศของเรา