0:00:01.373,0:00:04.722 พวกเราส่วนใหญ่คิดถึงการเคลื่อนไหว[br]ว่าคือสิ่งที่มองเห็นได้ 0:00:05.889,0:00:10.977 ถ้าผมเดินบนเวทีหรือยกมือยกไม้เวลาพูด 0:00:10.977,0:00:13.238 การเคลื่อนไหวนั้นก็จะเป็นสิ่งที่คุณมองเห็นได้ 0:00:14.255,0:00:19.737 แต่ยังมีการเคลื่อนไหวสำคัญ ๆ อีกมากมาย[br]ที่ละเอียดซับซ้อนเกินว่าคนเราจะมองเห็น 0:00:19.737,0:00:21.778 แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 0:00:21.778,0:00:23.775 เราค้นพบว่ากล้องวิดีโอ 0:00:23.775,0:00:27.185 สามารถบันทึกการเคลื่อนไหวนี้ได้[br]แม้ว่าคนเราจะไม่สามารถรับรู้ 0:00:28.305,0:00:29.856 เอาล่ะ ผมจะแสดงให้คุณเห็นว่าผมหมายถึงอะไร 0:00:30.717,0:00:34.339 ทางซ้ายนี้ คุณจะเห็นวิดีโอ[br]ข้อมือคนคนหนึ่ง 0:00:34.339,0:00:37.486 และทางขวา คุณจะเห็นวิดีโดของเด็กทารกที่หลับอยู่ 0:00:37.486,0:00:40.632 แต่ถ้าผมไม่บอกคุณว่านี่คือวิดีโอ 0:00:40.632,0:00:44.393 คุณอาจคิดว่าคุณกำลังมองภาพนิ่งธรรมดา ๆ 0:00:44.393,0:00:46.065 เพราะทั้งสองกรณีนั้น 0:00:46.065,0:00:49.112 วิดีโอเหล่านี้ก็ดูแทบจะไม่ไหวติง 0:00:50.175,0:00:54.060 ทั้งที่จริง ๆ แล้วมีการเคลื่อนไหว[br]ที่ละเอียดอ่อนเกิดขึ้นมากมาย 0:00:54.060,0:00:56.452 ถ้าคุณได้สัมผัสข้อมือทางด้านซ้าย 0:00:56.452,0:00:58.448 คุณจะรับรู้ถึงชีพจร 0:00:58.448,0:01:00.933 และถ้าคุณได้อุ้มทารกในวิดีโอฝั่งขวา 0:01:00.933,0:01:03.324 คุณจะรู้สึกถึงการเคลื่อนที่ขึ้นลงของหน้าอก 0:01:03.324,0:01:04.714 ขณะที่เธอหายใจในแต่ละครั้ง 0:01:05.762,0:01:09.338 และการเคลื่อนไหวเหล่านี้ก็มีความสำคัญมาก 0:01:09.338,0:01:12.681 เพียงแต่ว่ามันละเอียดอ่อน[br]เกินกว่าที่เราจะมองเห็น 0:01:12.681,0:01:14.957 เพราะอย่างนั้นเราจึงสังเกตมัน 0:01:14.957,0:01:17.857 ผ่านการสัมผัสโดยตรงแทน 0:01:18.997,0:01:20.262 แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา 0:01:20.262,0:01:24.667 เหล่าเพื่อนร่วมงานผมที่เอ็มไอทีได้พัฒนาสิ่งที่[br]เรียกว่ากล้องจุลทรรศน์แห่งการเคลื่อนไหว 0:01:24.667,0:01:29.051 ซึ่งเป็นซอฟท์แวร์ที่จับการเคลื่อนไหว[br]อันละเอียดอ่อนนี้ในวิดีโอ 0:01:29.051,0:01:32.613 และขยายการเคลื่อนไหวนั้น [br]ให้ใหญ่มากพอจนเรามองเห็นได้ 0:01:33.416,0:01:36.899 ดังนั้น ถ้าหากเราใช้ซอฟท์แวร์นี้[br]กับวิดีโอทางด้านซ้าย 0:01:36.899,0:01:40.149 มันจะทำให้เราเห็นชีพจรบนข้อมือ 0:01:40.149,0:01:41.844 และถ้าเรานับจำนวนครั้งของชีพจรนั้น 0:01:41.844,0:01:44.199 เราก็จะรู้อัตราการเต้นของหัวใจของคน ๆ นั้นด้วย 0:01:45.095,0:01:48.160 และถ้าเราใช้ซอฟท์แวร์แบบเดียวกัน[br]กับวิดีโอทางด้านขวา 0:01:48.160,0:01:51.387 มันจะทำให้เราเห็นการหายใจแต่ละครั้งของทารกนี้ 0:01:51.387,0:01:55.524 และเราสามารถใช้วิธีที่ไม่ต้องสัมผัสตัวเธอ[br]ในการติดตามการหายใจของเธอ 0:01:56.884,0:02:02.232 เทคโนโลยีนี้ทรงพลังมาก[br]เพราะมันนำเอาปรากฏการณ์เช่นนี้ 0:02:02.232,0:02:04.599 ซึ่งปกติแล้วเราจะต้องรับรู้ด้วยการสัมผัส 0:02:04.599,0:02:07.556 และทำให้เราตรวจจับมันได้ผ่านทางภาพ[br]โดยไม่มีการสัมผัส ๆ 0:02:09.104,0:02:13.515 เมื่อสองปีที่แล้ว ผมร่วมงาน[br]กับเหล่าผู้สร้างซอฟท์แวร์นี้ 0:02:13.515,0:02:16.882 และเราตัดสินใจจะทำตามแนวคิดหนึ่ง[br]ที่ดูออกจะเพี้ยน ๆ ให้เป็นจริง 0:02:16.882,0:02:19.575 เราคิดว่ามันดูเจ๋ง ที่จะใช้ซอฟท์แวร์ 0:02:19.575,0:02:22.710 เพื่อทำให้การเคลื่อนไหวเล็กนี้ ๆ มองเห็นได้ 0:02:22.710,0:02:27.168 คุณอาจมองว่ามันเป็นการขยาย[br]ประสาทด้านสัมผัสวิธีหนึ่งก็ได้ 0:02:27.168,0:02:31.227 แต่ถ้าเราสามารถทำสิ่งเดียวกันนี้[br]กับประสาทด้านการได้ยินล่ะ 0:02:32.508,0:02:37.173 ถ้าเราสามารถใช้วิดีโอ[br]เพื่อจับการสั่นไหวของคลื่นเสียง 0:02:37.173,0:02:40.000 ซึ่งก็นับเป็นการเคลื่อนไหวแบบหนึ่ง 0:02:40.000,0:02:43.346 และเปลี่ยนทุกอย่างที่เราเห็นเห็นเป็นไมโครโฟน 0:02:44.236,0:02:46.207 นี่อาจจะฟังดูเป็นแนวคิด ที่แปลก 0:02:46.207,0:02:48.793 งั้นลองให้ผมอธิบายให้พวกคุณเข้าใจง่ายขึ้น 0:02:49.523,0:02:53.011 ไมโครโฟนทั่ว ๆ ไป[br]ทำงานโดยการเปลี่ยนการเคลื่อนไหว 0:02:53.011,0:02:56.610 ของแผ่นไดอะแฟรมที่อยู่ข้างใน[br]ให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า 0:02:56.610,0:03:00.928 และแผ่นไดอะแฟรมนั้นถูกออกแบบมา[br]เพื่อให้สั่นไหวไปพร้อมกับคลื่นเสียง 0:03:00.928,0:03:05.735 ดั้งนั้นการเคลื่อนไหวของมันจะถูกบันทึก[br]และแปลงออกมาเป็นสัญญาณเสียง 0:03:05.735,0:03:09.403 แต่คลื่นเสียงนั้นทำให้วัตถุทุกอย่างสั่นไหว 0:03:09.403,0:03:14.883 การสั่นไหวนี้ โดยปกติจะเล็ก[br]และเร็วมากจนเราสังเกตไม่เห็น 0:03:14.883,0:03:18.621 แล้วถ้าเราบันทึกมันด้วยกล้องวิดีโอความเร็วสูง 0:03:18.621,0:03:22.197 จากนั้นใช้ซอฟท์แวร์[br]เพื่อดึงการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นั้นออกมาก 0:03:22.197,0:03:24.287 จากวิดีโอความเร็วสูงที่เราบันทึกไว้ 0:03:24.287,0:03:28.561 แล้ววิเคราะห์หาเสียงซึ่งเป็นต้นกำเนิด[br]ของการเคลื่อนไหวเหล่านั้น 0:03:29.859,0:03:35.308 ด้วยวิธีนี้ เราจึงสามารถแปลงวัตถุที่มองเห็น[br]ให้กลายเป็นไมโครโฟนระยะไกล 0:03:37.080,0:03:39.263 เราได้ทำการทดสอบ 0:03:39.263,0:03:41.190 และนี่คือหนึ่งในการทดลองของเรา 0:03:41.190,0:03:44.139 โดยเรานำเอาต้นไม้ในกระถางที่คุณเห็นในทางขวา 0:03:44.139,0:03:46.577 บันทึกด้วยกล้องวีดิโอความเร็วสูง 0:03:46.577,0:03:50.106 ในขณะที่ลำโพงที่อยู่ใกล้ ๆ กำลังเล่นเสียงนี้ 0:03:50.275,0:03:58.465 (เสียงเพลง: "Marry Had a Little Lamb") 0:03:59.820,0:04:02.644 และนี่คือวิดีโอที่เราบันทึกไว้ 0:04:02.644,0:04:06.568 เราบันทึกด้วยความเร็วหลายพันเฟรมต่อวินาที 0:04:06.568,0:04:08.890 แต่แม้ว่าคุณจะมองมันใกล้ ๆ 0:04:08.890,0:04:10.841 คุณก็จะเห็นเพียงแค่ใบไม้ 0:04:10.841,0:04:13.906 ที่อยู่นิ่ง ๆ ไม่เคลื่อนไหวอะไร 0:04:13.906,0:04:18.712 นั่นเป็นเพราะเสียงเคลื่อนที่ใบไม้เหล่านั้น[br]ไปเพียงหนึ่งไมโครเมตร 0:04:19.103,0:04:23.379 หรือ หนึ่งในหมื่นของเซนติเมตร 0:04:23.379,0:04:27.535 ซึ่งคิดเป็นระยะทางในช่วง[br]หนึ่งในร้อย หรือหนึ่งในพัน 0:04:27.535,0:04:29.834 ของหนึ่งพิกเซลในภาพนี้ 0:04:29.881,0:04:32.768 ดังนั้น คุณจะเพ่งมองเท่าไหร่ก็คงมองไม่เห็น 0:04:32.768,0:04:36.103 การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยนี้[br]ไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า 0:04:37.667,0:04:41.824 แต่ปรากฏว่า สิ่งที่ไม่สามารถ[br]สังเกตได้ด้วยตาเปล่านี้ 0:04:41.824,0:04:44.633 สามารถสร้างความแตกต่าง[br]ในเชิงเลขได้อย่างมีนัยสำคัญ 0:04:44.633,0:04:46.635 เพราะด้วยระเบียบวิธีที่ถูกต้อง 0:04:46.635,0:04:50.322 เราสามารถแปลงวิดีโอเงียบ ๆ[br]ดูราวกับไร้การเคลื่อนไหวนี้ 0:04:50.322,0:04:51.849 แล้วกู้เอาเสียงนี้กลับมาได้ 0:04:52.690,0:05:00.074 (เสียงเพลง: "Marry Had a Little Lamb") 0:05:00.074,0:05:05.902 (เสียงปรบมือ) 0:05:10.058,0:05:11.997 มันเป็นไปได้อย่างไร 0:05:11.997,0:05:16.341 ทำไมเราจึงได้ข้อมูลมหาศาล[br]จากการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย 0:05:16.341,0:05:21.702 สมมุติว่า ใบไม้เหล่านั้นเคลื่อนที่[br]ไปเพียงหนึ่งไมโครเมตร 0:05:21.702,0:05:26.010 และสมมุติว่านั่นทำให้ภาพ[br]เคลื่อนที่ไปหนึ่งในพันของพิกเซล 0:05:27.269,0:05:29.841 ซึ่งฟังดูแล้วอาจจะไม่มาก 0:05:29.841,0:05:31.837 แต่ภายในวิดีโอหนึ่งเฟรม 0:05:31.837,0:05:35.094 นั้นมีหลายล้านพิกเซล 0:05:35.094,0:05:38.548 ถ้าเรารวมเอาการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ[br]เหล่านั้นที่เราเห็น 0:05:38.548,0:05:40.846 จากภาพทั้งภาพ 0:05:40.846,0:05:43.469 หนึ่งในพันของพิกเซล 0:05:43.469,0:05:46.244 ก็จะสะสมรวมกัน[br]เป็นบางสิ่งที่มีนัยสำคัญ 0:05:46.870,0:05:50.505 ผมจะบอกให้ว่า พวกเราแทบกระโดดตัวลอย[br]เมื่อคิดเรื่องนี้ออก 0:05:50.505,0:05:52.825 (เสียงหัวเราะ) 0:05:52.825,0:05:56.078 แต่แม้กระทั่งด้วยระเบียบวิธีที่เหมาะสม 0:05:56.078,0:05:59.695 เราก็ยังขาดชิ้นส่วนสำคัญของปัญหานี้ 0:05:59.695,0:06:03.299 มันมีองค์ประกอบหลายอย่างที่จะส่งผลกระทบ[br]ว่าเทคนิคนี้จะใช้ได้ผล 0:06:03.299,0:06:05.296 เมื่อไร และดีแค่ไหน 0:06:05.296,0:06:08.500 วัตถุนั้นคืออะไร และมันอยู่ไกลแค่ไหน 0:06:08.500,0:06:10.894 กล้องเป็นอย่างไร และใช้เลนส์แบบไหน 0:06:10.894,0:06:14.985 มีแสงตกกระทบบนวัตถุมากน้อยแค่ไหน[br]และเสียงดังแค่ไหน 0:06:15.945,0:06:19.320 และแม้ว่าด้วยระเบียบวิธีที่เหมาะสม 0:06:19.320,0:06:22.710 เราจะต้องใช้ความระมัดระวังมาก[br]ในการทดลองขั้นต้นของเรา 0:06:22.710,0:06:25.102 เพราะถ้าองค์ประกอบเหล่านี้[br]ผิดเพี้ยนไปสักอย่างหนึ่ง 0:06:25.102,0:06:27.470 จะไม่มีวิธีค้นพบว่า[br]เกิดความผิดพลาดตรงไหน 0:06:27.470,0:06:30.117 เราจะได้ยินแค่เสียงซ่า 0:06:30.117,0:06:33.437 ดังนั้น การทดลองหลาย ๆ ครั้ง[br]ในขั้นต้นจึงเป็นแบบนี้ 0:06:33.437,0:06:35.643 นั่นคือผม 0:06:35.643,0:06:39.683 และทางด้านซ้ายล่าง [br]คุณจะพอมองเห็นกล้องวิดีโอความเร็วสูง 0:06:39.683,0:06:41.866 ซึ่งจะจับไปยังถุงมันฝรั่ง 0:06:41.866,0:06:44.815 ซึ่งถูกฉายด้วยไฟสว่างจ้า 0:06:44.815,0:06:49.180 และอย่างที่บอก เราต้องระมัดระวังในการทดลอง[br]ขั้นต้นเหล่านี้มาก ๆ 0:06:49.180,0:06:51.688 มันจึงออกมาเป็นแบบนี้ 0:06:51.688,0:06:55.449 (วิดีโอ) เอบ เดวิส: สาม, สอง, หนึ่ง, เริ่ม 0:06:55.449,0:07:00.836 แมรี มีลูกแกะตัวหนึ่ง![br]ลูกแกะตัวหนึ่ง! ลูกแกะตัวหนึ่ง! 0:07:00.836,0:07:05.336 (เสียงหัวเราะ) 0:07:05.336,0:07:08.150 เอบ: การทดลองนี้มันออกจะดูน่าขันไปหน่อย 0:07:08.150,0:07:09.938 (เสียงหัวเราะ) 0:07:09.938,0:07:12.283 ผมกำลังตะคอกใส่ถุงมันฝรั่ง 0:07:12.283,0:07:13.834 (เสียงหัวเราะ) -- 0:07:13.834,0:07:15.951 และเราก็ส่องมันด้วยไฟสว่างจ้า 0:07:15.951,0:07:20.430 เสียจนกระทั่งเราทำถุงมันฝรั่งละลายไปถุงหนึ่ง[br]เมื่อตอนเริ่มทดลอง (เสียงหัวเราะ) 0:07:20.525,0:07:23.799 แต่ แม้ว่าการทดลองนี้มันจะดูน่าขัน 0:07:23.799,0:07:25.587 แต่มันก็เป็นการทดลองสำคัญ 0:07:25.587,0:07:28.513 เพราะเราสามารถกู้เอาเสียงนี้ออกมาได้ 0:07:28.513,0:07:33.225 (เสียงบันทึก) แมรี่ มีลูกแกะตัวหนึ่ง![br]ลูกแกะตัวหนึ่ง! ลูกแกะตัวหนึ่ง! 0:07:33.225,0:07:37.313 (เสียงปรบมือ) 0:07:37.313,0:07:39.194 เอบ: และนี่คือสิ่งที่สำคัญมาก 0:07:39.194,0:07:43.313 เพราะว่านั่นคือครั้งแรกที่เราสามารถ[br]กู้เสียงพูดมนุษย์ที่ฟังรู้เรื่อง 0:07:43.424,0:07:45.765 จากวิดีโอของวัตถุซึ่งไม่มีเสียง 0:07:45.765,0:07:48.156 และมันเป็นจุดอ้างอิงแก่เรา 0:07:48.156,0:07:52.027 และเราก็ค่อย ๆ เริ่มที่จะปรับปรุงการทดลอง 0:07:52.106,0:07:55.911 โดยใช้วัตถุต่าง ๆ[br]หรือเคลื่อนที่วัตถุนั้นให้ห่างออกไป 0:07:55.911,0:07:58.681 โดยใช้แสงน้อยลง หรือเสียงที่เบาลง 0:07:59.887,0:08:02.761 แล้วเราก็วิเคราะห์การทดลองทั้งหมดนี้ 0:08:02.761,0:08:06.383 จนกระทั่งเราเข้าใจถ่องแท้ถึง[br]ข้อจำกัดของเทคนิคนี้ 0:08:06.383,0:08:08.333 เพราะเมื่อเราเข้าใจข้อจำกัดเหล่านั้น 0:08:08.333,0:08:10.679 เราก็สามารถหาทางที่จะผลักดันมันออกไป 0:08:10.679,0:08:13.860 และนำไปสู่การทดลองเช่นนี้ 0:08:13.860,0:08:16.599 ซึ่งก็เหมือนเคย คือผมก็จะพูดกับถุงมันฝรั่ง 0:08:16.599,0:08:21.429 และครั้งนี้เราย้ายกล้องให้ห่างออกไป 15 ฟุต 0:08:21.429,0:08:24.262 อยู่หลังหน้าต่างกันเสียง 0:08:24.262,0:08:27.065 และทุกอย่างนั้นถูกให้แสงโดยแสงธรรมชาติ 0:08:28.529,0:08:30.684 และนี่คือวิดีโอที่เราบันทึกไว้ 0:08:32.450,0:08:37.009 และนี่คือเสียงจากด้านใน[br]ข้าง ๆ ถุงมันฝรั่ง 0:08:37.009,0:08:42.047 (เสียงบันทึก) แมรี่มีลูกแกะตัวหนึ่ง[br]ขนมันขาวราวหิมะ 0:08:42.047,0:08:47.666 และไม่ว่าแมรี่จะไปไหน[br]ลูกแกะก็จะตามไป 0:08:47.666,0:08:51.683 เอป: และนี่คือสิ่งที่เราสามารถกู้[br]กลับมาได้จากวีดิโอซึ่งไร้เสียง 0:08:51.683,0:08:54.028 ที่บันทึกจากนอกหน้าต่าง 0:08:54.028,0:08:58.463 (เสียงบันทึก) แมรี่มีลูกแกะตัวหนึ่ง[br]ขนมันขาวราวหิมะ 0:08:58.463,0:09:03.920 และไม่ว่าแมรี่จะไปไหน[br]ลูกแกะก็จะตามไป 0:09:03.920,0:09:10.421 (เสียงปรบมือ) 0:09:10.421,0:09:13.963 เอบ: ยังมีอีกหลายวิธีที่เรา[br]จะผลักดันขีดจำกัดเหล่านั้นออกไปอีก 0:09:13.963,0:09:15.761 นี่คือการทดลองที่เงียบขึ้น 0:09:15.761,0:09:19.871 ซึ่งเราถ่ายวิดีโอหูฟังซึ่งเสียบอยู่กับแล็ปท็อป 0:09:19.871,0:09:23.981 และในกรณีนี้ เป้าหมายของเรา[br]คือการกู้เสียงเพลงซึ่งกำลังเล่นจากแล็ปท็อป 0:09:23.981,0:09:26.280 จากวิดีโอเงียบๆ 0:09:26.280,0:09:28.787 ของหูฟังพลาสติกสองชิ้นนี้ 0:09:28.787,0:09:30.970 และเราก็ทำได้ดีมาก 0:09:30.970,0:09:33.431 เสียจนผมสามารถใช้เอาเสียงนี้[br]ไปใช้ค้นหาชื่อเพลงบน Shazam ได้ 0:09:33.431,0:09:35.842 (เสียงหัวเราะ) 0:09:37.191,0:09:47.225 (เสียงเพลง: "Under Pressure" โดยวง Queen) 0:09:49.615,0:09:54.584 (เสียงปรบมือ) 0:09:54.584,0:09:59.135 เรายังสามารถผลักดันขีดจำกัด[br]โดยเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เราใช้ 0:09:59.135,0:10:01.596 เนื่องจากในการทดลอง[br]ที่ผมแสดงให้คุณดูมาตั้งแต่ต้นนั้น 0:10:01.596,0:10:03.918 ล้วนใช้กล้องวิดีโอความเร็วสูง 0:10:03.918,0:10:06.797 ซึ่งสามารถบันทึกวิดีโอได้เร็วเป็น 100 เท่า 0:10:06.797,0:10:08.724 ของกล้องบนโทรศัพท์มือถือ 0:10:08.724,0:10:11.533 แต่กระนั้นเราก็ยังพบวิธีที่จะใช้เทคนิคนี้ 0:10:11.533,0:10:13.763 กับกล้องทั่ว ๆ ไปได้ 0:10:13.763,0:10:17.832 และเราทำได้โดยใช้ประโยชน์[br]จากสิ่งที่เรียกว่า โรลลิ่ง ชัตเตอร์ (rolling shutter) 0:10:17.832,0:10:22.630 กล้องทั่วไปบันทึกภาพทีละแถว 0:10:22.630,0:10:28.332 และถ้าวัตถุเคลื่อนที่ในขณะที่มีการบันทึกภาพหนึ่ง ๆ 0:10:28.344,0:10:31.061 จะเกิดการหน่วงเวลาขึ้นเล็กน้อยในแต่ละแถว 0:10:31.061,0:10:34.218 และก่อให้เกิดสัญญาณปลอมปนนี้ขึ้นมา 0:10:34.218,0:10:37.701 ซึ่งจะถูกบันทึกลงในแต่ละเฟรมของวิดีโอ 0:10:37.701,0:10:41.507 สิ่งที่เราพบก็คือ[br]เมื่อเราวิเคราะห์สัญญาณปลอมปน 0:10:41.507,0:10:46.122 เราก็จะสามารถกู้เอาเสียงกลับคืนมาได้[br]โดยใช้ระเบียบวิธีที่ดัดแปลง 0:10:46.122,0:10:48.034 และนี่คือการทดลองที่เราทำ 0:10:48.034,0:10:49.729 โดยเราถ่ายวิดีโอถุงลูกกวาด 0:10:49.729,0:10:51.470 ขณะที่ลำโพงที่อยู่ใกล้ ๆ กำลังส่งเสียง 0:10:51.470,0:10:54.442 เพลง "Mary Had a Little Lamb" 0:10:54.442,0:10:58.645 แต่ครั้งนี้เราใช้กล้องที่หาซื้อได้ทั่ว ๆ ไป 0:10:58.645,0:11:01.819 และในอีกสักครู่ ผมจะเล่นเสียงที่เรากู้คืนมาได้ 0:11:01.819,0:11:03.869 และมันจะฟังดูเพี้ยนหน่อยในครั้งนี้ 0:11:03.869,0:11:06.705 แต่ลองฟังดูว่าคุณยังพอฟังออก[br]ว่ามันเป็นเพลงอะไรหรือเปล่า 0:11:07.723,0:11:13.946 (เสียงเพลง: "Mary Had a Little Lamb") 0:11:25.527,0:11:28.992 แม้เสียงจะฟังดูผิดเพี้ยนไป 0:11:28.992,0:11:33.378 แต่สิ่งที่น่าทึ่งก็คือ เราสามารถทำสิ่งนี้ได้ 0:11:33.378,0:11:36.004 ด้วยของที่คุณสามารถเดินออกไปหาซื้อได้ 0:11:36.004,0:11:37.448 จากร้านขายสินค้าอิเล็คทรอนิคส์ทั่วไป 0:11:39.122,0:11:40.485 ณ จุดนี้ 0:11:40.485,0:11:42.459 หลาย ๆ คนที่เห็นงานวิจัยนี้ 0:11:42.459,0:11:45.872 จะนึกถึงงานด้านการสอดแนมในทันที 0:11:45.872,0:11:48.287 ซึ่งพูดตรง ๆ แล้ว 0:11:48.287,0:11:52.420 มันก็ไม่ยากนักที่จะคิดว่าจะนำเทคโนโลยีนี้[br]ไปใช้เพื่อสอดแนมใครบางคนได้อย่างไร 0:11:52.420,0:11:56.367 แต่ต้องอย่าลืมว่า มีเทคโนโลยีอีกมากมาย[br]ที่ได้ถูกวิจัยพัฒนาสมบูรณ์แล้ว 0:11:56.367,0:11:57.946 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการสอดแนม 0:11:57.946,0:12:00.036 อันที่จริงแล้ว ผู้คนได้ใช้แสงเลเซอร์ 0:12:00.036,0:12:02.835 เพื่อตรวจจับการสั่นไหวของวัตถุ[br]จากระยะไกลมานับสิบปีแล้ว 0:12:03.978,0:12:06.003 แต่สิ่งที่แปลกใหม่สำหรับเทคโนโลยีนี้ 0:12:06.003,0:12:07.443 สิ่งที่แตกต่างจริง ๆ 0:12:07.443,0:12:11.738 ก็คือเรามีวิธีใหม่ที่จะบันทึกการสั่นไหวของวัตถุ 0:12:11.738,0:12:15.151 ซึ่งให้มุมมองใหม่สู่โลกกว้างกับเรา 0:12:15.151,0:12:16.661 และเราสามารถใช้มุมมองนี้ 0:12:16.661,0:12:21.560 ไม่เพียงแค่เรียนรู้ถึงแรงเช่นคลื่นเสียง[br]ที่ทำให้วัตถุสั่นไหว 0:12:21.560,0:12:23.848 แต่ยังเรียนรู้ถึงตัววัตถุนั้น ๆ 0:12:24.975,0:12:26.668 ดังนั้นผมจึงอยากพาท่านถอยมาก้าวหนึ่ง 0:12:26.668,0:12:30.917 และลองคิดว่ามันจะเปลี่ยนวิธี[br]ที่เราใช้วิดีโอได้อย่างไร 0:12:30.917,0:12:34.470 เพราะปกติแล้วเราใช้วิดีโอเพื่อดูสิ่งต่าง ๆ 0:12:34.470,0:12:36.792 และผมก็เพิ่งแสดงให้คุณดูว่าเรา ใช้มัน 0:12:36.792,0:12:38.649 เพื่อฟังเสียงต่าง ๆ ได้อย่างไร 0:12:38.649,0:12:42.620 แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่เรา[br]สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับโลกได้ 0:12:42.620,0:12:44.895 นั่นก็คือการมีปฏิสัมพันธ์กับมัน 0:12:44.895,0:12:48.006 เราดัน และดึง และจิ้ม สิ่งต่าง ๆ 0:12:48.006,0:12:51.187 เราเขย่ามันแล้วดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น 0:12:51.187,0:12:55.460 แต่นั่นเป็นอะไรที่วิดีโอไม่ยอมให้เราทำ 0:12:55.460,0:12:57.596 อย่างน้อยก็วิดีโอทั่ว ๆ ไป 0:12:57.596,0:12:59.546 ผมจึงอยากแสดงให้คุณเห็นถึงงานวิจัยใหม่ 0:12:59.546,0:13:02.213 ซึ่งเกิดขึ้นมาจากแนวคิดของผม[br]เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ 0:13:02.213,0:13:05.514 นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ผมแสดงมันต่อสาธารณะชน 0:13:05.514,0:13:10.877 แนวคิดพื้นฐานก็คือ[br]เราจะใช้การสั่นไหวในวิดีโอนี้ 0:13:10.877,0:13:15.358 เพื่อตรวจจับวัตถุในแบบที่เราสามารถโต้ตอบกับมันได้ 0:13:15.358,0:13:17.332 และดูว่ามันจะมีปฏิกิริยาอย่างไร 0:13:19.120,0:13:20.884 นี่คือวัตถุชิ้นหนึ่ง 0:13:20.884,0:13:24.716 และในกรณีนี้ มันคือลวดดัดเป็นรูปคน 0:13:24.716,0:13:27.804 และเราก็จะถ่ายวิดีโอวัตถุนี้โดยใช้กล้องธรรมดา 0:13:27.804,0:13:29.928 ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับกล้องนี้ 0:13:29.928,0:13:32.889 อันที่จริงแล้ว ผมก็เคยทำการทดลองนี้[br]ด้วยกล้องมือถือของผมเอง 0:13:32.889,0:13:35.141 แต่เราก็อยากเห็นวัตถุนี้สั่นไหว 0:13:35.141,0:13:36.274 เพื่อให้เป็นเช่นนั้น 0:13:36.274,0:13:39.620 เราจะเคาะเบา ๆ บนพื้นที่มันตั้งอยู่ 0:13:39.620,0:13:41.758 ในขณะที่เราบันทึกวิดีโอ 0:13:47.398,0:13:51.069 แค่นั้นเอง เพียงแค่วิดีโอยาว 5 วินาที 0:13:51.069,0:13:53.205 ขณะที่เราเคาะพื้น 0:13:53.205,0:13:56.718 และเราก็จะใช้การสั่นไหวในวิดีโอ 0:13:56.718,0:14:01.262 เพื่อศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้าง[br]และคุณสมบัติเชิงวัสดุของวัตถุชิ้นนั้น 0:14:01.262,0:14:06.096 และเราก็จะใช้ข้อมูลนั้น[br]เพื่อสร้างบางสิ่งใหม่ ๆ ที่สามารถโต้ตอบได้ 0:14:12.866,0:14:15.519 นี่คือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา 0:14:15.519,0:14:17.748 มันดูเหมือนภาพธรรมดา 0:14:17.748,0:14:20.859 แต่นี่ไม่ใช่รูปภาพ และมันก็ไม่ใช่วิดีโอ 0:14:20.859,0:14:23.227 เพราะตอนนี้ผมสามารถเอาเมาส์ 0:14:23.227,0:14:26.086 ไปโต้ตอบกับวัตถุชิ้นนี้ได้ 0:14:32.936,0:14:35.293 และสิ่งที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้ 0:14:35.389,0:14:37.615 คือการจำลองว่าวัตถุนี้ 0:14:37.615,0:14:42.073 จะตอบสนองต่อแรงใหม่ ๆ[br]ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน 0:14:42.073,0:14:45.706 และเราก็สร้างมันขึ้นจาก[br]วิดีโอธรรมดาความยาวแค่ 5 วินาที 0:14:47.249,0:14:51.964 (เสียงปรบมือ) 0:14:57.421,0:15:00.648 นี่เป็นวิธีที่ทรงพลังมาก[br]ในการศึกษาโลกใบนี้ 0:15:00.648,0:15:03.620 เพราะมันทำให้เราทำนายได้[br]ว่าวัตถุจะตอบสนองอย่างไร 0:15:03.620,0:15:05.443 กับสถานการณ์ใหม่ ๆ 0:15:05.443,0:15:08.916 และสมมุติว่าคุณมองดูสะพานเก่า ๆ แห่งหนึ่ง 0:15:08.916,0:15:12.443 และเกิดสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้น[br]สะพานจะรับน้ำหนักได้หรือไม่ 0:15:12.443,0:15:15.276 ถ้าคุณขับรถข้ามสะพานนั้น 0:15:15.276,0:15:18.050 และนั่นเป็นคำถามที่คุณต้องการคำตอบ 0:15:18.050,0:15:20.610 ก่อนที่จะขับข้ามสะพานนั้น 0:15:21.988,0:15:25.260 และแน่นอน มันก็จะต้องมีขีดจำกัดกับเทคนิคนี้ 0:15:25.260,0:15:27.722 เช่นเดียวกับโมโครโฟนภาพ 0:15:27.722,0:15:30.903 แต่เราก็พบว่ามันใช้ได้ในหลาย ๆ สถานการณ์ 0:15:30.903,0:15:32.778 ที่คุณอาจคาดไม่ถึง 0:15:32.778,0:15:35.546 โดยเฉพาะเมื่อคุณป้อนวิดีโอที่ยาวขึ้นให้มัน 0:15:35.546,0:15:38.054 ยกตัวอย่างเช่น[br]นี่คือวิดีโอที่ผมถ่าย 0:15:38.054,0:15:40.353 ไม้พุ่มหนึ่งนอกอพาร์ทเมนต์ของผม 0:15:40.353,0:15:43.441 ผมไม่ได้ทำอะไรกับพุ่มไม้นี้ 0:15:43.441,0:15:46.146 แต่ด้วยการถ่ายวิดีโอยาวหนึ่งนาที 0:15:46.146,0:15:49.524 ลมที่พัดเบา ๆ ก็สร้างการสั่นไหวที่มากพอ 0:15:49.524,0:15:53.111 ที่เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับพุ่มไม้นี้[br]เพื่อที่จะสร้างแบบจำลอง 0:15:55.270,0:16:01.412 (เสียงปรบมือ) 0:16:01.412,0:16:04.384 และคุณคงพอนึกออกว่า[br]หากผู้กำกับภาพยนต์ได้ใช้มัน 0:16:04.384,0:16:06.103 และช่วยให้เขาควบคุม 0:16:06.103,0:16:11.025 ความแรง หรือทิศทางลม[br]ในฉากหลังจากที่มันได้ถูกถ่ายไปแล้ว 0:16:12.810,0:16:17.345 หรือในกรณีนี้[br]เราตั้งกล้องไปยังผ้าม่านที่แขวนอยู่ 0:16:17.345,0:16:21.474 คุณอาจมองไม่เห็น[br]การเคลื่อนไหวใด ๆ ในวิดีโอนี้ 0:16:21.474,0:16:24.399 แต่โดยการบันทึกวิดีโอยาว 2 นาที 0:16:24.399,0:16:26.837 กระแสลมตามธรรมชาติในห้องนี้ 0:16:26.837,0:16:31.249 สร้างการเคลื่อนไหว[br]ที่แทบมองไม่เห็นขึ้น 0:16:31.249,0:16:33.814 และเราสามารถเรียนรู้จากมันได้มากพอ[br]ที่จะสร้างแบบจำลอง 0:16:36.243,0:16:38.609 ซึ่งก็น่าตลก 0:16:38.609,0:16:41.697 ที่เราคุ้นชินกับการโต้ตอบลักษณะนี้ 0:16:41.697,0:16:44.344 หากมันเป็นวัตถุเสมือน 0:16:44.344,0:16:47.641 หรือวิดีโอเกมส์ และแบบจำลองสามมิติ 0:16:47.641,0:16:52.045 แต่การที่เราสามารถดึงข้อมูลเหล่านี้[br]จากวัตถุจริง ๆ ในโลกจริง ๆ ได้ 0:16:52.045,0:16:54.862 โดยใช้วิดีโอธรรมดา ๆ นั้น 0:16:54.862,0:16:57.045 เป็นบางสิ่งที่ใหม่และมีศักยภาพมาก 0:16:58.410,0:17:03.314 และนี่คือกลุ่มคนที่น่าทึ่ง[br]ผู้ซึ่งร่วมงานกับผมในงานวิจัยเหล่านี้ 0:17:04.057,0:17:09.653 (เสียงปรบมือ) 0:17:12.819,0:17:15.876 สิ่งทีผมแสดงให้คุณดูในวันนี้[br]เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น 0:17:15.876,0:17:17.989 เราเพียงแค่เริ่มเปิดประตู 0:17:17.989,0:17:20.961 เข้าสู่โลกของหลากหลายสิ่ง[br]ที่คุณสามารถทำได้ด้วยเทคนิคนี้ 0:17:20.961,0:17:23.247 เพราะมันให้วิธีใหม่แก่เรา 0:17:23.342,0:17:28.066 ในการดึงข้อมูลจากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว[br]ด้วยเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ทั่ว ๆ ไป 0:17:28.066,0:17:29.995 เมื่อมองไปในอนาคต 0:17:29.995,0:17:32.032 มันคงน่าตื่นเต้นที่จะได้ค้นพบว่า 0:17:32.032,0:17:33.888 สิ่งนี้จะช่วยบอกอะไรเราได้เกี่ยวกับโลกใบนี้ 0:17:34.381,0:17:35.585 ขอบคุณครับ 0:17:35.610,0:17:41.717 (เสียงปรบมือ)