1 00:00:06,791 --> 00:00:08,525 เหล็กกล้าและพลาสติก 2 00:00:08,525 --> 00:00:13,423 วัสดุสองชนิดนี้มีความสำคัญ ต่อโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของเรามาก 3 00:00:13,423 --> 00:00:17,129 และพวกมันมีความแข็งและความเปราะ ที่แตกต่างกัน 4 00:00:17,129 --> 00:00:18,900 เหล็กกล้าแข็งแรงและทนทาน 5 00:00:18,900 --> 00:00:21,249 แต่ทำให้เป็นรูปทรงที่ซับซ้อนได้ยาก 6 00:00:21,249 --> 00:00:23,885 ขณะที่พลาสติกสามารถทำเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้หลากหลาย 7 00:00:23,885 --> 00:00:26,072 มันเปราะและอ่อนนุ่ม 8 00:00:26,072 --> 00:00:28,424 ดังนั้น มันน่าจะดีถ้ามีวัสดุชนิดหนึ่ง 9 00:00:28,424 --> 00:00:30,616 ที่มีความแข็งแรงดุจเหล็กกล้าที่แข็งที่สุด 10 00:00:30,616 --> 00:00:33,507 และสามารถทำให้เป็นรูปทรงที่หลากหลาย ได้เหมือนพลาสติก 11 00:00:33,507 --> 00:00:36,092 เอาล่ะ ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชียวชาญด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก 12 00:00:36,092 --> 00:00:41,039 กำลังรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งประดิษฐ์ใหม่ เรียกว่า "แก้วโลหะ" (metallic glass) 13 00:00:41,039 --> 00:00:44,290 ซึ่งมีคุณสมบัติของวัสดุทั้งคู่ และคุณสมบัติอื่น ๆ อีก 14 00:00:44,290 --> 00:00:47,509 โลหะแก้วมีลักษณะเป็นมันเงา และทึบแสงเหมือนเหล็กกล้า 15 00:00:47,509 --> 00:00:51,120 และเช่นเดียวกับเหล็กกล้า พวกมันนำความร้อนและไฟฟ้าได้ 16 00:00:51,120 --> 00:00:53,500 แต่พวกมันแข็งแรงกว่าโลหะส่วนใหญ่ 17 00:00:53,500 --> 00:00:56,101 ซึ่งหมายความว่าพวกมันทนทาน ต่อแรงปริมาณมากได้ 18 00:00:56,101 --> 00:00:58,449 โดยปราศจากการคดงอหรือแหว่งเว้า 19 00:00:58,449 --> 00:01:00,193 นำไปทำเป็นมีดผ่าตัดที่มีความคมสุดขีด 20 00:01:00,193 --> 00:01:02,253 และกล่องใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความแข็งแรงสุดขั้ว 21 00:01:02,253 --> 00:01:03,089 บานพับ 22 00:01:03,089 --> 00:01:04,132 ตะปูควง 23 00:01:04,132 --> 00:01:05,632 และอีกมากมาย 24 00:01:05,632 --> 00:01:08,019 แก้วโลหะยังมีคุณสมบัติที่น่าเหลือเชื่อ 25 00:01:08,019 --> 00:01:10,755 คือกักเก็บและปลดปล่อยพลังงานยืดหยุ่น (elastic energy) 26 00:01:10,755 --> 00:01:13,133 ซึ่งทำให้พวกมันเป็นวัสดุ ที่เหมาะจะนำไปผลิตอุปกรณ์กีฬา 27 00:01:13,133 --> 00:01:14,258 เช่น ไม้เทนนิส 28 00:01:14,258 --> 00:01:15,320 ไม้ตีกอล์ฟ 29 00:01:15,320 --> 00:01:16,700 และ สกี 30 00:01:16,700 --> 00:01:18,219 พวกมันทนต่อการกัดกร่อน 31 00:01:18,219 --> 00:01:22,375 และสามารถถูกนำไปหล่อเป็นรูปทรงซับซ้อน ที่มีพื้นผิวเหมือนกระจกได้ 32 00:01:22,375 --> 00:01:24,499 ในการขึ้นรูปขั้นตอนเดียว 33 00:01:24,499 --> 00:01:26,812 แม้ว่ามันจะมีความแข็งแรงที่อุณหภูมิห้อง 34 00:01:26,812 --> 00:01:29,202 ถ้าคุณเพิ่มอุณหภูมิให้สูงกว่า ร้อยกว่า ๆ องศาเซลเซียส 35 00:01:29,202 --> 00:01:31,062 พวกมันจะอ่อนตัวลงอย่างมีนัยสําคัญ 36 00:01:31,062 --> 00:01:34,474 และจะสามารถถูกทำให้เป็นรูปร่าง ได้ตามที่คุณต้องการ 37 00:01:34,474 --> 00:01:35,832 เมื่อทำให้มันเย็นลง 38 00:01:35,832 --> 00:01:38,278 พวกมันจะกลับมามีความแข็งเแรงเหมือนเดิม 39 00:01:38,278 --> 00:01:41,206 แล้วคุณสมบัติมหัศจรรน์เหล่านี้มาจากไหนล่ะ 40 00:01:41,206 --> 00:01:45,519 หลักการสำคัญคือมันเกี่ยวข้องกับ โครงสร้างอะตอมของแก้วโลหะที่มีความพิเศษ 41 00:01:45,519 --> 00:01:48,154 โลหะส่วนใหญ่เป็นผลึกเป็นของแข็ง 42 00:01:48,154 --> 00:01:52,278 นั่นหมายความว่า หากคุณเข้าไปใกล้มากพอ ที่จะเห็นอะตอม 43 00:01:52,278 --> 00:01:56,304 คุณจะพบพวกมันเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ รูปแบบซ้ำ ๆ 44 00:01:56,304 --> 00:01:58,587 กระจายอยู่ทั่วไปในเนื้อของวัสดุ 45 00:01:58,587 --> 00:01:59,871 น้ำแข็งเป็นผลึก 46 00:01:59,871 --> 00:02:01,124 เพชรก็ด้วย 47 00:02:01,124 --> 00:02:02,219 เกลือก็เช่นกัน 48 00:02:02,219 --> 00:02:04,603 ถ้าคุณให้ความร้อนสูงมากพอ ที่จะทำให้พวกมันละลาย 49 00:02:04,603 --> 00:02:07,985 อะตอมจะสั่นและเคลื่อนที่อย่างสุ่ม 50 00:02:07,985 --> 00:02:09,590 แต่เมื่อคุณทำให้มันเย็นลง 51 00:02:09,590 --> 00:02:11,427 อะตอมจะจัดเรียงตัวของพวกมันใหม่ 52 00:02:11,427 --> 00:02:13,841 สร้างเป็นผลึกขึ้นอีกครั้ง 53 00:02:13,841 --> 00:02:17,219 แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำให้โลหะเหลว เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว 54 00:02:17,219 --> 00:02:20,055 จนทำให้อะตอมไม่สามารถ หาตำแหน่งเดิมของมันได้ 55 00:02:20,055 --> 00:02:21,914 เพื่อที่วัสดุนั้นที่เคยเป็นของแข็ง 56 00:02:21,914 --> 00:02:26,356 แต่ด้วยความโกลาหล ทำให้มันกลายเป็นของเหลว ที่โครงสร้างภายในมีรูปร่างไม่แน่นอนล่ะ 57 00:02:26,356 --> 00:02:28,096 นั่นล่ะ คือแก้วโลหะ 58 00:02:28,096 --> 00:02:31,579 โครงสร้างของมันได้รับประโยชน์ จากการขาดขอบเขตที่ชัดเจนในเนื้อวัสดุ 59 00:02:31,579 --> 00:02:33,472 ซึ่งโลหะส่วนใหญ่มี 60 00:02:33,472 --> 00:02:36,884 นั่นคือจุดอ่อนที่ทำให้โลหะเหล่านั้น เป็นรอยได้ง่ายกว่า 61 00:02:36,884 --> 00:02:38,783 หรือผุกร่อน 62 00:02:38,783 --> 00:02:43,394 แก้วโลหะถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1960 จากทองคำและซิลิคอน 63 00:02:43,394 --> 00:02:44,837 มันสร้างขึ้นได้ยาก 64 00:02:44,837 --> 00:02:47,505 เพราะอะตอมของโลหะตกผลึกได้อย่างรวดเร็ว 65 00:02:47,505 --> 00:02:51,405 นักวิทยาศาสตร์ต้องทำให้โลหะผสมนี้ เย็นลงอย่างรวดเร็วมาก 66 00:02:51,405 --> 00:02:54,527 ในอัตราหนึ่งล้านองศาเคลวินต่อวินาที 67 00:02:54,527 --> 00:02:57,456 โดยการยิงละอองโลหะขนาดเล็กจิ๋ว ไปที่แผ่นทองแดงเย็นเฉียบ 68 00:02:57,456 --> 00:03:00,317 หรือการปั่นให้เป็นริบบิ้นเส้นบางเฉียบ 69 00:03:00,317 --> 00:03:05,440 ในเวลานั้น แก้วโลหะมีความหนา ได้แค่สิบหรือร้อยไมครอนเท่านั้น 70 00:03:05,440 --> 00:03:08,657 ซึ่งบางเกินไปสำหรับการนำไปใช้ประโยชน์ ในทางปฏิบัติ 71 00:03:08,657 --> 00:03:10,715 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า 72 00:03:10,715 --> 00:03:14,318 ถ้าคุณผสมโลหะหลาย ๆ ชนิด ที่รวมตัวกันอย่างอิสระ 73 00:03:14,318 --> 00:03:16,899 แต่ตกผลึกพร้อมกันได้ยาก 74 00:03:16,899 --> 00:03:19,701 ซึ่งโดยทั่วไปเป็นเพราะว่าพวกมัน มีขนาดอะตอมที่ต่างกันมาก 75 00:03:19,701 --> 00:03:22,945 สารผสมจึงตกผลึกได้ช้ากว่ามาก 76 00:03:22,945 --> 00:03:26,034 นั่นหมายความว่า คุณไม่จำเป็นต้องรีบทำให้มันเย็นลง 77 00:03:26,034 --> 00:03:27,616 ดังนั้น วัสดุจึงมีความหนาได้มากขึ้น 78 00:03:27,616 --> 00:03:30,092 เป็นระดับเซนติเมตร แทนที่จะเป็นไมโครเมตร 79 00:03:30,092 --> 00:03:34,375 วัสดุนี้ถูกเรียกว่าแก้วโลหะขนาดใหญ่ (bulk metallic glass) หรือ BMG 80 00:03:34,375 --> 00:03:37,042 ในปัจจุบันมี BMG ที่แตกต่างกันหลายร้อยชนิด 81 00:03:37,042 --> 00:03:40,109 แล้วทำไมสะพานและรถยนต์ จึงไม่ได้สร้างจากพวกมันล่ะ 82 00:03:40,109 --> 00:03:44,349 BMG หลายชนิดที่ใช้งานได้ในปัจจุบัน สร้างขึ้นจากโลหะราคาแพง 83 00:03:44,349 --> 00:03:46,537 เช่น แพแลเดียม และ เซอร์โคเนียม 84 00:03:46,537 --> 00:03:48,022 และพวกมันต้องมีความบริสุทธิ์สูงมาก 85 00:03:48,022 --> 00:03:51,374 เพราะความไม่บริสุทธิ๋ใด ๆ ก็ตาม สามารถก่อให้เกิดการตกผลึกได้ 86 00:03:51,374 --> 00:03:56,386 ดังนั้น ตึกระฟ้าหรือยานอวกาศ ที่สร้างจาก BMG จึงมีราคาแพงมหาศาล 87 00:03:56,386 --> 00:03:57,776 และถึงแม้ว่าพวกมันจะมีความแข็งแรง 88 00:03:57,776 --> 00:04:02,089 พวกมันก็ยังไม่ทนทานมากพอ สำหรับนำไปใช้รับน้ำหนักในงานก่อสร้าง 89 00:04:02,089 --> 00:04:05,082 เมื่อมีความเครียดสูง พวกมันแตกร้าวได้ โดยไม่อาจรู้ได้ล่วงหน้า 90 00:04:05,082 --> 00:04:08,206 ซึ่งมันไม่ใช่วัสดุในอุดมคติ ยกตัวอย่างเช่น สำหรับการสร้างสะพาน 91 00:04:08,206 --> 00:04:12,065 แต่เมื่อวิศวกรค้นพบวิธีสร้าง BMG จากโลหะที่มีราคาถูกกว่านี้ได้ 92 00:04:12,065 --> 00:04:14,058 และทำให้มันมีความทนทานมากขึ้นได้ 93 00:04:14,058 --> 00:04:15,736 วัสดุสุดแสนวิเศษนี้ 94 00:04:15,736 --> 00:04:18,026 จะมีศักยภาพมากมายอย่างไร้ขีดจำกัด