0:00:00.325,0:00:02.388 ตอนที่ผมเรียนปริญญาเอกนั้น 0:00:02.388,0:00:05.850 ผมติดแหงกเลยครับ 0:00:05.850,0:00:07.630 ทุกหนทางการวิจัยที่ผมได้ลอง 0:00:07.630,0:00:09.246 นำไปสู่ทางตัน 0:00:09.246,0:00:11.148 มันเหมือนกับว่าความเชื่อพื้นฐานของผม 0:00:11.148,0:00:13.076 หยุดทำงาน 0:00:13.076,0:00:16.075 ผมรู้สึกเหมือนนักบินที่บินผ่านหมอก 0:00:16.075,0:00:18.870 แล้วหลงทิศทาง 0:00:18.870,0:00:20.351 ผมเลิกโกนหนวด 0:00:20.351,0:00:23.092 ผมไม่ยอมลุกออกจากเตียงในตอนเช้า 0:00:23.092,0:00:24.825 ผมรู้สึกไม่คู่ควร 0:00:24.825,0:00:27.978 กับการเดินเข้าประตูมหาวิทยาลัย 0:00:27.978,0:00:30.126 เพราะผมไม่ใช่ไอสไตน์ หรือนิวตัน 0:00:30.126,0:00:32.279 หรือนักวิทยาศาสตร์ท่านใด 0:00:32.279,0:00:33.810 ที่ผมได้เรียนรู้ผลงานของพวกท่าน[br]เพราะในวิทยาศาสตร์ 0:00:33.810,0:00:37.192 เราเรียนเกี่ยวกับผลลัพธ์เท่านั้น [br]ไม่ใช่กระบวนการ 0:00:37.192,0:00:41.893 และเห็นชัดๆ เลยว่า [br]ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ 0:00:41.893,0:00:43.557 แต่ผมมีแรงสนับสนุนมากพอ 0:00:43.557,0:00:44.954 และผมก็ผ่านมันไปได้ 0:00:44.954,0:00:47.174 และค้นพบความรู้ใหม่เกี่ยวกับธรรมชาติ 0:00:47.174,0:00:49.917 มันเป็นความรู้สึกสงบอันน่าทึ่ง 0:00:49.917,0:00:51.249 ที่เป็นบุคคลเดียวในโลก 0:00:51.249,0:00:53.474 ที่รู้ถึงกฎใหม่แห่งธรรมชาติ 0:00:53.474,0:00:56.516 และผมเริ่มโครงงานที่สอง[br]ในการเรียนปริญญาเอก 0:00:56.516,0:00:57.880 และมันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง 0:00:57.880,0:01:00.169 ผมเจออุปสรรค์ แล้วก็ผ่านมันไปได้ 0:01:00.169,0:01:01.555 และผมก็เริ่มคิด 0:01:01.555,0:01:02.712 บางที มันอาจมีรูปแบบอยู่ก็เป็นได้ 0:01:02.712,0:01:04.553 ผมถามบัณฑิตทั้งหลาย แล้วพวกเขาก็บอกว่า 0:01:04.553,0:01:06.596 "ใช่เลย เกิดอย่างนั้นกับพวกเขาเป๊ะๆ เลย 0:01:06.596,0:01:08.945 เว้นแต่ว่าไม่มีใครบอกเรา" 0:01:08.945,0:01:10.895 พวกเราอาจเรียนวิทยาศาสตร์อย่างกับว่า 0:01:10.895,0:01:14.471 มันเป็นชุดขั้นตอนเชิงตรรกะ[br]ระหว่างคำถามและคำตอบ 0:01:14.471,0:01:17.217 แต่การทำวิจัยไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้น 0:01:17.217,0:01:19.551 ในเวลาเดียวกัน ผมยังได้เรียน 0:01:19.551,0:01:21.638 การแสดงละครเวทีแบบด้นสด 0:01:21.638,0:01:23.072 ฉะนั้น กลางวันเรียนฟิสิกส์ 0:01:23.072,0:01:25.090 และกลางคืน หัวเราะ กระโดด ร้องเพลง 0:01:25.090,0:01:26.402 เล่นกีต้าร์ของผม 0:01:26.402,0:01:27.881 ละครเวทีแบบด้นสด 0:01:27.881,0:01:30.890 ก็เหมือนกับวิทยาศาสตร์ [br]คือ การเข้าหาสิ่งที่ไม่รู้ 0:01:30.890,0:01:32.302 เพราะคุณต้องเล่นกันบนเวที 0:01:32.302,0:01:34.005 โดยปราศจากผู้กำกับ ปราศจากบทละคร 0:01:34.005,0:01:36.283 ไม่รู้เลยว่า คุณจะเล่นเป็นอะไร 0:01:36.283,0:01:38.689 หรือตัวละครอื่นจะทำอะไร 0:01:38.689,0:01:40.538 แต่ไม่เหมือนวิทยาศาสตร์ 0:01:40.538,0:01:43.561 ในละครเวทีด้นสด [br]พวกเขาบอกคุณแต่วันแรกว่า 0:01:43.561,0:01:45.776 อะไรจะเกิดขึ้นกับคุณเมื่อคุณอยู่บนเวที 0:01:45.776,0:01:48.548 คุณจะทำพลาดไม่เป็นท่า 0:01:48.548,0:01:49.725 คุณจะเจออุปสรรค 0:01:49.725,0:01:51.843 และเราก็จะฝึกฝนให้มีความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ 0:01:51.843,0:01:53.046 ในสถานการณ์ที่เจออุปสรรค 0:01:53.046,0:01:54.951 ตัวอย่างเช่น เรามีแบบฝึกหัด 0:01:54.951,0:01:56.093 ที่เราทุกคนยืนเป็นวงกลม 0:01:56.093,0:01:59.058 และแต่ละคนต้องเต้นแท๊ปให้แย่สุดๆ 0:01:59.058,0:02:00.644 และคนอื่นๆ ปรบมือ 0:02:00.644,0:02:01.886 และเชียร์คุณ 0:02:01.886,0:02:04.649 ให้กำลังใจคุณบนเวที 0:02:04.649,0:02:06.557 เมื่อผมเป็นศาสตราจารย์ 0:02:06.557,0:02:07.938 และต้องแนะแนวนักเรียนของผม 0:02:07.938,0:02:09.911 ผ่านโครงงานวิจัยของพวกเขา 0:02:09.911,0:02:11.278 ผมตระหนักอีกครั้งว่า 0:02:11.278,0:02:12.990 ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร 0:02:12.990,0:02:14.984 ผมอาจเรียนฟิสิกส์ ชีววิทยา เคมี 0:02:14.984,0:02:16.598 มาหลายพันชั่วโมง 0:02:16.598,0:02:18.970 แต่ไม่มีสักชั่วโมง ไม่มีสักแนวคิดเดียว [br]ที่จะสอนผมว่า 0:02:18.970,0:02:21.556 จะให้คำปรึกษาอย่างไร แนะแนวใครสักคนอย่างไร 0:02:21.556,0:02:23.293 เพื่อให้เดินไปด้วยกันสู่สิ่งที่ไม่รู้ 0:02:23.293,0:02:25.214 เพื่อสร้างแรงผลักดัน 0:02:25.214,0:02:27.144 ผมจึงหันไปพึ่งละครเวทีด้นสด 0:02:27.144,0:02:29.317 และผมบอกนักเรียนตั้งแต่วันแรกว่า 0:02:29.317,0:02:32.218 อะไรกำลังจะเกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มทำงานวิจัย 0:02:32.218,0:02:33.944 เรื่องนี้เกี่ยวกับมโนภาพที่เราคาดหวัง (schema) 0:02:33.944,0:02:35.956 ว่างานวิจัยจะเป็นเช่นไร 0:02:35.956,0:02:38.234 เพราะว่า เมื่อคนเราทำอะไรก็ตามแต่ 0:02:38.234,0:02:40.876 ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมต้องการจะจับกระดานดำนี้ 0:02:40.876,0:02:42.536 สมองของผมจะคาดมโนภาพขึ้นก่อน 0:02:42.536,0:02:44.395 ทำนายว่ากล้ามเนื้อของผมจะทำอะไร 0:02:44.395,0:02:46.551 ก่อนที่ผมจะเริ่มขยับมือเสียอีก 0:02:46.551,0:02:48.399 และถ้าผมถูกขัดขวาง 0:02:48.399,0:02:50.274 ถ้ามโนภาพของผมไม่เข้ากับความเป็นจริง 0:02:50.274,0:02:52.558 จะเกิดความเครียดขึ้น เรียกว่า[br]การรับรู้ไม่ลงรอยกัน (cognitive dissonance) 0:02:52.558,0:02:55.467 จึงเป็นการดีกว่า [br]ถ้ามโนภาพของคุณ ตรงกับความเป็นจริง 0:02:55.467,0:02:58.622 แต่ถ้าคุณเชื่อในวิทยาศาสตร์แบบที่ถูกสอนกันมา 0:02:58.622,0:03:00.519 และถ้าคุณเชื่อตามตำรา ก็มีแนวโน้ม 0:03:00.519,0:03:06.813 ว่าคุณน่าจะมีมโนภาพของงานวิจัย ตามนี้ครับ 0:03:06.813,0:03:10.131 ถ้า เอ เป็นคำถาม 0:03:10.131,0:03:13.531 และ บี เป็นคำตอบ 0:03:13.531,0:03:18.124 ดังนั้นแล้ว งานวิจัยก็เป็นทางตรง 0:03:18.127,0:03:21.242 ปัญหาคือว่า ถ้าการทดลองไม่สำเร็จ 0:03:21.242,0:03:24.904 หรือนักเรียนเกิดความเครียด 0:03:24.904,0:03:26.990 เรื่องแบบนี้ จะถูกมองว่าผิดปกติอย่างยิ่ง 0:03:26.990,0:03:30.020 และทำให้เกิดความเครียดอย่างมาก 0:03:30.020,0:03:31.803 ด้วยเหตุนี้ ผมจึงสอนให้นักเรียนของผม 0:03:31.803,0:03:35.665 สร้างมโนภาพที่ยึดความเป็นจริงมากกว่า 0:03:38.860,0:03:40.384 นี่คือตัวอย่าง 0:03:40.384,0:03:43.520 เวลาที่อะไรๆ ไม่เป็นไปตามมโนภาพของคุณครับ 0:03:46.379,0:03:49.641 (เสียงหัวเราะ) 0:03:49.641,0:03:52.840 (เสียงปรบมือ) 0:04:01.564,0:04:05.010 ผมจึงสอนมโนภาพแบบใหม่ ให้นักเรียนของผม 0:04:05.010,0:04:07.204 ถ้า เอ เป็นคำถาม 0:04:07.204,0:04:09.385 บี เป็นคำตอบ 0:04:13.320,0:04:14.855 คิดสร้างสรรค์ฝันฟุ้งในเมฆไปเรื่อยๆ 0:04:14.855,0:04:16.830 และคุณก็เริ่มลงมือ 0:04:16.830,0:04:19.193 และการทดลองมันไม่ได้ผล และก็ไม่ได้ผล 0:04:19.193,0:04:21.728 และก็ไม่ได้ผล และก็ไม่ได้ผล 0:04:21.728,0:04:24.404 จนคุณไปถึงดินแดนที่เชื่อมกับอารมณ์ด้านลบ 0:04:24.404,0:04:26.682 ที่ซึ่งกระทั่ง ความเชื่อพื้นฐานของคุณ 0:04:26.682,0:04:27.798 ยังดูไม่เป็นเหตุเป็นผล 0:04:27.798,0:04:30.853 เหมือนมีใครมากระชากพรมใต้เท้าคุณ 0:04:30.853,0:04:34.181 และผมเรียกที่นั่นว่า เมฆ 0:04:47.685,0:04:50.363 คุณอาจหลงอยู่ในเมฆนี้ 0:04:50.363,0:04:52.871 สักวัน สัปดาห์ เดือน ปี 0:04:52.871,0:04:54.369 หรือชั่วชีวิตทำงานของคุณ 0:04:54.369,0:04:56.531 แต่บางที ถ้าคุณโชคดีพอ 0:04:56.531,0:04:58.387 และคุณได้แรงสนับสนุนพอ 0:04:58.387,0:05:00.377 คุณจะเห็นได้ เมื่อดูสิ่งที่อยู่ในมือ 0:05:00.377,0:05:03.625 หรือ ตั้งสติศึกษารูปร่างของเมฆ 0:05:03.625,0:05:05.627 ถึงคำตอบแบบใหม่ 0:05:07.285,0:05:10.969 นั่นคือ ซี แล้วตกลงใจลองทางใหม่ดู 0:05:10.969,0:05:13.338 และการทดลองก็ไม่ได้ผล การทดลองไม่ได้ผล 0:05:13.338,0:05:14.807 แต่คุณก็ถึงในที่สุด 0:05:14.807,0:05:16.027 จากนั้น คุณก็บอกเรื่องนี้กับทุกคน 0:05:16.027,0:05:19.529 โดยตีพิมพ์ผลงานที่บอกว่า เอ ไปยัง ซี 0:05:19.529,0:05:21.488 ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสื่อสาร 0:05:21.488,0:05:23.832 ตราบใดที่คุณยังไม่ลืมหนทาง 0:05:23.832,0:05:25.631 ที่นำคุณไปตรงนั้น 0:05:25.631,0:05:27.606 ทีนี้ เมฆที่ว่านี้มีอยู่ตามปกติวิสัย 0:05:27.606,0:05:30.210 ของการวิจัย ตามปกติวิสัยของงานประดิษฐ์ 0:05:30.210,0:05:33.420 เพราะว่า เมฆจะลอยขวาง ตรงพรมแดน 0:05:37.721,0:05:39.990 มันจะอยู่ตรงพรมแดน 0:05:39.990,0:05:42.962 ระหว่าง ความรู้ 0:05:45.795,0:05:49.399 และความไม่รู้ 0:05:53.110,0:05:55.385 เพราะถ้าอยากค้นพบบางอย่างที่ใหม่จริงๆ นั้น 0:05:55.385,0:05:58.962 อย่างน้อย ความเชื่อพื้นฐานสักอย่างของคุณ [br]จะต้องเปลี่ยนไป 0:05:58.962,0:06:00.216 ฉะนั้น การศึกษาวิทยาศาสตร์ 0:06:00.216,0:06:02.178 จึงเป็นเรื่องกล้าหาญชาญชัยทีเดียว 0:06:02.178,0:06:03.999 ทุกๆ วัน เราพยายามเดินทาง 0:06:03.999,0:06:05.811 สู่พรมแดนระหว่างความรู้ และความไม่รู้ 0:06:05.811,0:06:07.632 และเผชิญหน้ากับเมฆ 0:06:07.632,0:06:09.337 ทีนี้ สังเกตว่าผมเขียน บี 0:06:09.337,0:06:10.080 ไว้ในดินแดนของความรู้ 0:06:10.080,0:06:11.891 เพราะเรารู้จักมันตั้งแต่แรกแล้ว 0:06:11.891,0:06:15.540 แต่ ซี นั้น น่าสนใจยิ่งกว่า 0:06:15.540,0:06:18.263 และสำคัญเสียยิ่งกว่า บี 0:06:18.263,0:06:20.456 บี ก็สำคัญสำหรับการดำเนินงานวิจัย 0:06:20.456,0:06:22.274 แต่ ซี เป็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่า 0:06:22.274,0:06:26.771 และนั่นคือสิ่งมหัศจรรย์เกี่ยวกับงานวิจัย 0:06:26.771,0:06:28.959 ทีนี้ แค่รู้จักคำนั้น 'เมฆ' 0:06:28.959,0:06:31.514 มันทำให้กลุ่มวิจัยของผมเปลี่ยนไปเลย 0:06:31.514,0:06:33.384 เพราะนักเรียนเข้ามาหาผม แล้วบอกว่า 0:06:33.384,0:06:34.982 "ยูริ ผมติดอยู่ในเมฆ" 0:06:34.982,0:06:38.148 และผมก็บอกว่า [br]"ยอดเลย รู้สึกเศร้าระทมเลยล่ะสิตอนนี้" 0:06:38.148,0:06:40.290 (เสียงหัวเราะ) 0:06:40.290,0:06:42.203 แต่ผมมีความสุขนะครับ 0:06:42.203,0:06:43.881 เพราะเราอาจใกล้ถึงพรมแดน 0:06:43.881,0:06:45.777 ระหว่างความรู้และความไม่รู้ 0:06:45.777,0:06:47.323 และเรายังมีโอกาสในการค้นพบ 0:06:47.323,0:06:49.184 อะไรบางอย่างที่ใหม่จริงๆ 0:06:49.184,0:06:50.526 เพราะวิธีที่สมองของเราทำงานนั้น 0:06:50.526,0:06:53.674 พอสมองรู้แล้วว่า เมฆนั้น 0:06:53.674,0:06:58.100 เป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งจำเป็น 0:06:58.100,0:06:59.305 และอันที่จริงสวยงาม 0:06:59.305,0:07:02.928 เราก็จะได้เข้าร่วมชมรมคนรักมวลเมฆ 0:07:02.928,0:07:04.846 และบำบัดความรู้สึกที่ว่า 0:07:04.846,0:07:07.408 ฉันมีอะไรที่ผิดปกติมากๆ 0:07:07.408,0:07:09.858 และในฐานะผู้เป็นอาจารย์ ผมรู้ว่าต้องทำอย่างไร 0:07:09.858,0:07:12.060 นั่นคือ เพิ่มกำลังใจให้นักเรียนของผม 0:07:12.060,0:07:13.541 เพราะการวิจัยทางจิตวิทยาแสดงว่า 0:07:13.541,0:07:17.100 ถ้าคุณรู้สึกกลัว หรือหมดหวัง 0:07:17.100,0:07:18.097 จิตใจคุณจะตีกรอบ 0:07:18.097,0:07:20.928 กลับไปใช้วิธีคิดแบบปลอดภัย และระมัดระวัง 0:07:20.928,0:07:22.503 ถ้าคุณอยากสำรวจหนทางที่เสี่ยงกว่า 0:07:22.503,0:07:23.891 ถ้าจะหนีออกจากเมฆ 0:07:23.891,0:07:25.652 คุณต้องพึ่งอารมณ์แบบอื่นด้วย 0:07:25.652,0:07:27.853 ความสามัคคี กำลังใจ ความหวัง 0:07:27.853,0:07:29.590 ซึ่งได้จากความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ 0:07:29.590,0:07:31.140 มันก็เหมือนกับละครเวทีด้นสด 0:07:31.140,0:07:33.441 ในวิทยาศาสตร์ [br]มันดีที่สุดที่จะเดินทางสู่ความไม่รู้ 0:07:33.441,0:07:35.410 ไปด้วยกัน 0:07:35.410,0:07:37.852 การที่รู้ถึงเรื่องเมฆ 0:07:37.852,0:07:41.176 คุณยังได้เรียนรู้จากละครเวทีด้นสด 0:07:41.176,0:07:43.778 ถึงวิธีการสนทนาอย่างมีประสิทธิภาพ 0:07:43.778,0:07:45.538 เมื่ออยู่ในเมฆ 0:07:45.538,0:07:47.515 มันตั้งอยู่บนหลักการสำคัญ 0:07:47.515,0:07:49.282 ของละครเวทีด้นสด 0:07:49.282,0:07:50.375 ตรงนี้ ละครเวทีด้นสด 0:07:50.375,0:07:51.671 ได้ช่วยผมไว้อีกครั้ง 0:07:51.671,0:07:53.962 เป็นการตอบว่า "ใช่ แล้วก็" 0:07:53.962,0:07:57.427 กับสิ่งที่นักแสดงคนอื่นเสนอมาให้ 0:08:04.297,0:08:07.191 ความหมายของมันคือ การรับคำเสนอ 0:08:07.191,0:08:09.702 และต่อยอดจากนั้น โดยบอกว่า "ใช่ แล้วก็" 0:08:09.702,0:08:10.941 ตัวอย่างเช่น ถ้านักแสดงคนหนึ่งบอกว่า 0:08:10.941,0:08:12.096 "นี่คือสระนำ้" 0:08:12.096,0:08:13.141 และอีกคนบอกว่า 0:08:13.141,0:08:15.010 "ไม่หนิ นี่มันเวที" 0:08:15.010,0:08:16.748 การด้นสดก็จบ 0:08:16.748,0:08:20.520 มันตายสนิท และทุกคนก็จะสับสนหงุดหงิด 0:08:20.520,0:08:21.868 มันเรียกว่า ติดทางตัน 0:08:21.868,0:08:23.475 ถ้าคุณไม่ใส่ใจเรื่องวิธีสนทนาแล้ว 0:08:23.475,0:08:26.412 การสนทนาทางวิทยาศาสตร์ [br]ก็จะติดทางตันได้ง่ายมากครับ[br] 0:08:26.412,0:08:28.648 การตอบ "ใช่ แล้วก็" เป็นแบบนี้ครับ 0:08:28.648,0:08:31.156 "นี่คือบ่อน้ำ"[br]"ช่าย โดดลงไปกันเหอะ" 0:08:31.156,0:08:34.165 "ดูสิ มีปลาวาฬด้วย จับหางมันเลย 0:08:34.165,0:08:36.266 มันดึงเราไปดวงจันทร์แล้ว" 0:08:36.266,0:08:39.286 การบอกว่า "ใช่ แล้วก็" [br]จึงข้ามผ่านการวิพากษ์ในใจเรา 0:08:39.286,0:08:40.980 เราทุกคนมีข้อวิพากษ์ในใจ 0:08:40.980,0:08:42.221 ซึ่งคอยจับผิด ว่าเราจะพูดอะไร 0:08:42.221,0:08:44.144 คนอื่นจะได้ไม่คิดว่า เราน่ารังเกียจ 0:08:44.144,0:08:45.259 หรือบ้า หรือซ้ำซาก 0:08:45.259,0:08:46.519 และในวิทยาศาสตร์ ใครๆ ก็กลัว 0:08:46.519,0:08:48.076 ว่าตัวเองจะดูซ้ำซาก 0:08:48.076,0:08:50.243 การบอกว่า "ใช่ แล้วก็" [br]ก้าวผ่านการวิพากษ์วิจารณ์ 0:08:50.243,0:08:52.855 และปลดปล่อยความสร้างสรรค์แอบแฝง 0:08:52.855,0:08:54.380 ที่คุณไม่อาจรู้ด้วยซ้ำว่าคุณมี 0:08:54.380,0:08:56.410 และพวกมันมักให้คำตอบ 0:08:56.410,0:08:58.815 เกี่ยวกับเมฆด้วย 0:08:58.815,0:09:01.416 ครับ การรู้เกี่ยวกับเมฆ 0:09:01.416,0:09:02.820 และการพูดว่า "ใช่ แล้วก็" 0:09:02.820,0:09:05.679 ทำให้ห้องทดลองของผมมีความคิดสร้างสรรค์มาก 0:09:05.679,0:09:08.207 นักเรียนเริ่มเล่นกับความคิดของคนอื่นๆ 0:09:08.207,0:09:10.321 จนค้นพบความรู้ใหม่อันน่าประหลาดใจ 0:09:10.321,0:09:13.190 ในส่วนเชื่อมต่อระหว่างฟิสิกส์กับชีววิทยา 0:09:13.190,0:09:16.140 ตัวอย่างเช่น เราง่วนอยู่เป็นปี 0:09:16.140,0:09:17.289 ในการทำความเข้าใจ 0:09:17.289,0:09:19.982 เครือข่ายชีวเคมีอันซับซ้อนในเซลล์ของเรา 0:09:19.982,0:09:22.439 และพวกเราบอกว่า "เราอยู่ในกลุ่มเมฆทึบ" 0:09:22.439,0:09:24.419 แล้วก็คุยกันสนุกๆ ไปเรื่อย 0:09:24.419,0:09:26.207 จนนักเรียนของผม[br]ไช เชน ออร์ (Shai Shen Orr) พูดขึ้นว่า 0:09:26.207,0:09:29.050 "มาวาดเครือข่ายที่ว่าบนกระดาษกันเหอะ" 0:09:29.050,0:09:30.503 และแทนที่จะบอกว่า 0:09:30.503,0:09:32.654 "แต่เราทำอย่างนั้นมาตั้งหลายครั้งแล้ว 0:09:32.654,0:09:33.688 และมันก็ไม่เห็นจะได้อะไรเลย" 0:09:33.688,0:09:36.631 ผมกลับบอกว่า "เอาสิ แล้วก็ 0:09:36.631,0:09:38.672 ใช้กระดาษใหญ่ๆ นะ" 0:09:38.672,0:09:39.764 จากนั้น รอน ไมโล (Ron Milo) ก็บอกว่า 0:09:39.764,0:09:41.984 "เอากระดาษใหญ่ๆ[br] 0:09:41.984,0:09:43.780 แบบที่นักออกแบบใช้ทำพิมพ์เขียวดีกว่า [br]ผมรู้ว่าจะเอาไปพิมพ์ได้ที่ไหน" 0:09:43.780,0:09:46.280 และพวกเราก็พิมพ์เครือข่าย และมองดูมัน 0:09:46.280,0:09:48.789 ตอนนั้นเอง ที่เราค้นพบความรู้ข้อสำคัญที่สุด 0:09:48.789,0:09:50.990 ซึ่งก็คือ เครือข่ายอันซับซ้อนนี้มันก็แค่ 0:09:50.990,0:09:54.453 เครือข่ายรูปแบบง่ายๆ จำนวนมากซ้ำๆ กัน[br] 0:09:54.453,0:09:57.616 เหมือนกับแม่ลายของกระจกสี (motif) 0:09:57.616,0:09:59.664 พวกเราเรียกมันว่า เครือข่ายแม่ลาย (network motifs) 0:09:59.664,0:10:01.816 และพวกมันเป็นวงจรพื้นฐาน 0:10:01.816,0:10:03.201 ที่ช่วยให้เราเข้าใจ 0:10:03.201,0:10:05.901 ตรรกะของการตัดสินใจของเซลล์ 0:10:05.901,0:10:08.750 ในทุกสิ่งมีชีวิต รวมถึงร่างกายของคุณ 0:10:08.750,0:10:10.675 ไม่นาน หลังจากนั้น 0:10:10.675,0:10:12.295 ผมเริ่มได้รับเชิญไปบรรยาย 0:10:12.295,0:10:15.306 ให้กับนักวิทยาศาสตร์หลายพันทั่วโลก 0:10:15.306,0:10:17.139 แต่ความรู้เกี่ยวกับเมฆ 0:10:17.139,0:10:18.271 และการพูดว่า "ใช่ แล้วก็" 0:10:18.271,0:10:20.110 ยังคงอยู่แต่ในห้องทดลองของผม 0:10:20.110,0:10:22.241 เพราะว่า ในวิทยาศาสตร์ [br]เราไม่พูดกันถึงกระบวนการ 0:10:22.241,0:10:24.674 สิ่งที่เกี่ยวกับความรู้สึก หรืออารมณ์ 0:10:24.674,0:10:26.537 เราพูดถึงผลลัพธ์ 0:10:26.537,0:10:28.606 จึงไม่มีทางจะได้พูดถึงมันในงานสัมมนา 0:10:28.606,0:10:30.530 นึกภาพไม่ออกเลยครับ 0:10:30.530,0:10:32.606 และผมเห็นนักวิทยาศาสตร์กลุ่มอื่นๆ [br]ติดอยู่ที่ทางตัน 0:10:32.606,0:10:34.380 หาคำมาบรรยายไม่ได้ด้วยซ้ำ 0:10:34.380,0:10:35.701 ถึงสิ่งที่พวกเขาเผชิญ[br] 0:10:35.701,0:10:37.056 และวิธีการที่พวกเขาคิด 0:10:37.056,0:10:38.584 ก็บีบแคบลงมาที่ทางปลอดภัย 0:10:38.584,0:10:40.244 วิทยาศาสตร์ของพวกเขาไม่อาจไปถึงศักยภาพสูงสุด 0:10:40.244,0:10:41.997 จนพวกเขาดูซึมกันมากๆ 0:10:41.997,0:10:43.936 ผมคิดว่า มันก็ธรรมดาอย่างนี้แหละ 0:10:43.936,0:10:45.957 ผมจะพยายามทำให้ห้องทดลองของผม[br]มีความสร้างสรรค์มากเท่าที่จะทำได้ 0:10:45.957,0:10:47.637 และถ้าคนอื่นๆ ทำอย่างนี้เช่นกัน 0:10:47.637,0:10:49.827 ถึงวันหนึ่ง วิทยาศาสตร์ 0:10:49.827,0:10:52.041 ก็จะดีขึ้นกว่าเดิมในที่สุด 0:10:52.041,0:10:54.961 แต่ความคิดนั้น เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง 0:10:54.961,0:10:57.300 เมื่อผมได้ฟัง เอวลิน ฟ๊อกส์ เคลเลอร์ [br](Evelyn Fox Keller) โดยบังเอิญ 0:10:57.300,0:10:58.658 ตอนเธอพูดถึงประสบการณ์ของเธอ 0:10:58.658,0:11:00.349 ในฐานะผู้หญิงในวงการวิทยาศาสตร์ 0:11:00.349,0:11:02.172 และเธอถามคำถามว่า 0:11:02.172,0:11:04.120 "ทำไมเราไม่พูดถึงการทำงานทางวิทยาศาตร์ 0:11:04.120,0:11:06.306 ในแง่มุมเชิงความรู้สึก และอารมณ์กันบ้าง?"[br] 0:11:06.306,0:11:10.298 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย นี่เป็นเรื่องของค่านิยม" 0:11:10.298,0:11:12.476 คืออย่างนี้ครับ วิทยาศาสตร์ค้นหาความรู้ 0:11:12.476,0:11:14.271 ซึ่งมีรากฐานจากหลักเหตุผล และข้อเท็จจริง 0:11:14.271,0:11:16.469 นั่นคือความงดงามของวิทยาศาสตร์ 0:11:16.469,0:11:18.425 แต่เรายังมีมายาคติอีกด้วยว่า 0:11:18.425,0:11:19.679 การทำงานทางวิทยาศาสตร์ 0:11:19.679,0:11:21.979 สิ่งที่เราทำกันทุกวัน เพื่อเสาะหาความรู้ 0:11:21.979,0:11:24.419 ก็ใช้แค่หลักเหตุผล และข้อเท็จจริงเช่นกัน 0:11:24.419,0:11:26.851 เหมือน มิสเตอร์ สป๊อค (Mr. Spock) 0:11:26.851,0:11:28.265 พอคุณตีตราอะไรก็ตาม 0:11:28.265,0:11:30.078 ว่ามีแค่ข้อเท็จจริง และหลักเหตุผล 0:11:30.078,0:11:31.720 โดยอัตโนมัติ ขั้วตรงข้าม 0:11:31.720,0:11:33.177 คือความรู้สึก และอารมณ์ 0:11:33.177,0:11:35.279 ย่อมถูกตีตราว่า 'ไม่เป็นวิทยาศาสตร์' 0:11:35.279,0:11:37.250 หรือต่อต้านวิทยาศาสตร์ [br]หรือเป็นภัยต่อวิทยาศาสตร์ 0:11:37.250,0:11:39.061 เราก็เลยไม่พูดถึงมันกัน 0:11:39.061,0:11:41.015 และเมื่อผมได้ยินอย่างนั้น 0:11:41.015,0:11:43.182 ว่าวิทยาศาสตร์มีวัฒนธรรม 0:11:43.182,0:11:44.729 ทุกอย่างเข้าล๊อคสำหรับผม 0:11:44.729,0:11:46.393 เพราะว่า ถ้าวิทยาศาสตร์มีวัฒนธรรมแล้ว 0:11:46.393,0:11:47.649 วัฒนธรรมก็สามารถเปลี่ยนได้ 0:11:47.649,0:11:49.242 โดยมีผมเป็นตัวกระตุ้น[br] 0:11:49.242,0:11:51.954 ให้วัฒนธรรมของวิทยาศาสตร์เปลี่ยนไป [br]ในที่ๆ ผมทำได้ 0:11:51.954,0:11:55.023 พอถึงการบรรยายถัดไปที่งานสัมมนา 0:11:55.023,0:11:56.635 ผมจึงพูดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ของผม 0:11:56.635,0:11:58.147 และเมื่อผมพูดถึงความสำคัญ 0:11:58.147,0:12:00.329 ของแง่มุมด้านอารมณ์ และความรู้สึกของวิทยาศาสตร์ 0:12:00.329,0:12:01.449 และวิธีการที่เราควรพูดถึงมัน 0:12:01.449,0:12:02.683 และผมก็มองไปยังผู้ชม 0:12:02.683,0:12:05.043 พวกเขาดูด้านชา 0:12:05.043,0:12:08.334 พวกเขาไม่ได้ยินว่าผมกำลังพูดอะไร 0:12:08.334,0:12:09.585 ในบริบทของ การบรรยายผ่านเพาเวอร์พอยท์ 0:12:09.585,0:12:11.424 10 สไลด์ต่อกัน 0:12:11.424,0:12:13.906 และผมลองอีกครั้ง และอีกครั้ง[br]สัมมนาครั้งแล้วครั้งเล่า 0:12:13.906,0:12:16.279 แต่ผมก็ยังคงติดชะงัก 0:12:16.279,0:12:19.185 ผมติดอยู่ในเมฆ 0:12:19.185,0:12:22.699 แต่ในที่สุด ผมก็หลุดออกมาจากเมฆได้ 0:12:22.699,0:12:25.510 โดยใช้การด้นสดและดนตรี 0:12:25.510,0:12:28.249 ตั้งแต่นั้น ทุกงานสัมมนาที่ผมไป 0:12:28.249,0:12:31.111 ผมจะบรรยายทางวิทยาศาสตร์ [br]และแถมด้วยการบรรยายพิเศษ 0:12:31.111,0:12:33.104 ชื่อว่า "ความรักและความกลัวในห้องทดลอง" 0:12:33.104,0:12:35.321 ผมจะเริ่มต้นด้วยเพลง 0:12:35.321,0:12:37.893 เกี่ยวกับสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กลัวที่สุด 0:12:37.893,0:12:40.805 ซึ่งคือ การที่เราทำงานอย่างหนัก 0:12:40.805,0:12:43.147 เราค้นพบสิ่งใหม่บางอย่าง 0:12:43.147,0:12:46.504 แต่ดันมีคนอื่น ชิงตีพิมพ์มันไปก่อนเราเสีย 0:12:46.504,0:12:49.120 เราเรียกมันว่า โดนงาบไปรับประทาน 0:12:49.120,0:12:52.334 และการโดนงาบไปรับประทานนั้น รู้สึกแย่มากๆ 0:12:52.334,0:12:54.547 ทำให้เราไม่กล้าคุยกัน 0:12:54.547,0:12:55.380 ซึ่งไม่สนุกเลย 0:12:55.380,0:12:58.140 เพราะเราเข้าวงการวิทยาศาสตร์มา [br]เพื่อแบ่งปันความคิด 0:12:58.140,0:12:59.451 และเรียนรู้จากกันและกัน 0:12:59.451,0:13:02.940 และผมก็เลยเล่นเพลงบลู 0:13:05.040,0:13:10.544 ซึ่งมันก็ - (เสียงปรบมือ) - 0:13:10.544,0:13:13.767 เรียกว่า "โดนงาบไปอีกแล้ว" 0:13:13.767,0:13:16.425 และผมก็ขอผู้ชมเป็นนักร้องลูกคู่ให้ผม 0:13:16.425,0:13:20.405 และผมพวกบอกพวกเขาว่า [br]"เนื้อร้องคือ 'งาบ งาบ'" 0:13:20.405,0:13:23.050 ทำนองประมาณนี้ครับ[br]"งาบ งาบ" 0:13:23.050,0:13:24.013 มันออกมาแบบนี้ครับ 0:13:24.013,0:13:26.232 ♪ โดนงาบไปอีกแล้ว ♪ 0:13:26.232,0:13:27.975 ♪ งาบ งาบ ♪ 0:13:27.975,0:13:29.253 และเมื่อผมร้อง 0:13:29.253,0:13:31.298 ♪ โดนงาบไปอีกแล้ว ♪ 0:13:31.298,0:13:32.584 ♪ งาบ งาบ ♪ 0:13:32.584,0:13:34.479 ♪ โดนงาบไปอีกแล้ว ♪ 0:13:34.479,0:13:35.785 ♪ งาบ งาบ ♪ 0:13:35.785,0:13:37.568 ♪ โดนงาบไปอีกแล้ว ♪ 0:13:37.568,0:13:39.207 ♪ งาบ งาบ ♪ 0:13:39.207,0:13:40.875 ♪ โดนงาบไปอีกแล้ว ♪ 0:13:40.875,0:13:42.637 ♪ งาบ งาบ ♪ 0:13:42.637,0:13:45.912 ♪ โอ้แม่จ๋า รู้ไหมว่ามันเจ็บ ♪ 0:13:45.912,0:13:49.698 ♪ สวรรค์ช่วยลูกด้วย โดนงาบอีกแล้ว ♪ 0:13:50.925,0:13:57.316 (เสียงปรบมือ) 0:13:57.735,0:13:58.965 ขอบคุณครับ 0:13:58.965,0:14:00.464 ขอบคุณที่ช่วยเป็นนักร้องลูกคู่นะครับ 0:14:00.464,0:14:02.548 ทุกคนก็เริ่มหัวเราะ และหายใจ 0:14:02.548,0:14:04.560 รู้สึกตัวกันว่า ยังมีนักวิทยาศาสตร์คนอื่นรอบๆ ตัว 0:14:04.560,0:14:05.867 ที่เจอเรื่องอย่างเดียวกันมา 0:14:05.867,0:14:07.672 และเราก็เริ่มพูดถึงเรื่องอารมณ์ 0:14:07.672,0:14:09.522 และความรู้สึก ที่เกิดขึ้นในงานวิจัย 0:14:09.522,0:14:11.706 มันรู้สึกเหมือนกับเรื่องแน่นอกถูกยกออก 0:14:11.706,0:14:14.505 แล้วเราก็พูดถึงเรื่องนี้[br]ในงานสัมมนาวิทยาศาสตร์ได้เสียที 0:14:14.505,0:14:16.691 และนักวิทยาศาสตร์ก็ดำเนินการต่อ[br]เพื่อก่อตั้งกลุ่มเพื่อนวิจัย 0:14:16.691,0:14:18.301 ที่พวกเขามาพบปะกันเป็นประจำ 0:14:18.301,0:14:19.930 และได้มีพื้นที่มาพูดคุยกันเรื่องอารมณ์ 0:14:19.930,0:14:22.231 และความรู้สึกที่เกิดขึ้น ตอนที่พวกเขาได้สอน 0:14:22.231,0:14:23.594 ตอนที่พวกเขาเดินทางสู่ความไม่รู้ 0:14:23.594,0:14:25.164 และแม้กระทั่งเปิดหลักสูตร 0:14:25.164,0:14:26.839 เกี่ยวกับกระบวนการในการทำงานทางวิทยาศาสตร์ 0:14:26.839,0:14:28.734 เกี่ยวกับการเดินทางสู่ความไม่รู้ไปด้วยกัน 0:14:28.734,0:14:30.150 และสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย 0:14:30.150,0:14:31.484 วิสัยทัศน์ของผมก็คือ 0:14:31.484,0:14:34.946 ก็เหมือนที่นักวิทยาศาสตร์ทุกคนรู้จักคำว่า [br]"อะตอม" 0:14:34.946,0:14:36.913 รู้ว่าสสารประกอบด้วยอะตอม 0:14:36.913,0:14:38.397 นักวิทยาศาสตร์ทุกคนจะรู้จักคำศัพท์อย่าง 0:14:38.397,0:14:40.741 "เมฆ"[br]การพูดว่า "ใช่ แล้วก็" 0:14:40.741,0:14:43.820 และวิทยาศาสตร์จะสร้างสรรค์ขึ้นกว่านี้มาก 0:14:43.820,0:14:46.824 จะมีการค้นพบที่ไม่คาดฝันอีกมากมาย 0:14:46.824,0:14:49.360 เพื่อประโยชน์สำหรับเราทุกคน 0:14:49.360,0:14:51.576 และมันจะมีความสนุกขึ้นอีกมากด้วย 0:14:51.576,0:14:54.166 และที่ผมจะขอจากพวกคุณให้จำไปจากการบรรยายนี้ 0:14:54.166,0:14:56.862 ก็คือ ครั้งหน้าที่คุณได้เผชิญ 0:14:56.862,0:14:58.588 กับปัญหาที่คุณไม่สามารถแก้ได้ 0:14:58.588,0:15:01.180 ในการงาน หรือในชีวิต 0:15:01.180,0:15:03.056 คุณใช้คำนี้ เรียกสิ่งที่คุณจะเจอได้: 0:15:03.056,0:15:04.233 เมฆ 0:15:04.233,0:15:05.766 และคุณสามารถผ่านเข้าไปในเมฆ 0:15:05.766,0:15:07.174 ไม่ใช่ตัวคนเดียว แต่ไปด้วยกัน 0:15:07.174,0:15:09.212 กับใครสักคนที่คอยสนับสนุน 0:15:09.212,0:15:11.260 และพูดว่า "ใช่ แล้วก็" ต่อความคิดของคุณ 0:15:11.260,0:15:13.577 และช่วยคุณพูดว่า "ใช่ แล้วก็" [br]ต่อความคิดของคุณเอง 0:15:13.577,0:15:15.464 เพื่อที่จะเพิ่มโอกาส 0:15:15.464,0:15:17.190 เมื่อผ่านก้อนปุยเมฆแล้ว 0:15:17.190,0:15:18.688 คุณจะพบกับวินาทีแห่งความสงบ 0:15:18.688,0:15:20.491 ที่ซึ่งคุณได้เห็นแสงแวบแรก 0:15:20.491,0:15:23.741 จากการค้นพบเหนือความคาดฝัน 0:15:23.741,0:15:26.465 ซี ของคุณ 0:15:26.465,0:15:28.785 ขอบคุณครับ 0:15:28.785,0:15:32.785 (เสียงปรบมือ)