1 00:00:00,000 --> 00:00:07,221 มนุษย์เรามีศักยภาพสูงอย่างเหลือเชื่อ สำหรับความดี 2 00:00:07,963 --> 00:00:12,363 แต่เราก็มีอำนาจมากมายที่จะก่อให้เกิดความเสียหาย 3 00:00:12,363 --> 00:00:18,029 เครื่องมือใดๆก็ตาม สามารถนำมาใช้เพื่อสร้างหรือทำลาย 4 00:00:18,036 --> 00:00:21,217 ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับแรงจูงใจของเรา 5 00:00:21,217 --> 00:00:24,664 ฉะนั้น มันจึงยิ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก 6 00:00:24,664 --> 00:00:28,938 ที่เราจะสร้างแรงบรรดาลใจ ที่ทำให้เราเห็นแก่ผู้อื่นมากกว่าเห็นแก่ตัวเอง 7 00:00:30,508 --> 00:00:37,008 ตอนนี้เรากำลังเผชิญหน้า กับความท้าทายมากมาย 8 00:00:37,008 --> 00:00:40,325 มันอาจเป็นความท้าทายส่วนบุคคล 9 00:00:40,325 --> 00:00:44,911 จิตของเราอาจเป็นได้ทั้งเพื่อนที่ดีที่สุด หรือศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด 10 00:00:46,341 --> 00:00:49,225 อาจเป็นความท้าทายทางสังคม ด้วยก็ได้เช่นกัน 11 00:00:49,225 --> 00:00:54,924 ความอดอยากท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ ความไม่เท่าเทียม การต่อสู้ ความอยุติธรรม 12 00:00:54,924 --> 00:00:59,120 และยังมีความท้าทายแบบใหม่ที่เรานึกไม่ถึง 13 00:00:59,120 --> 00:01:03,763 10,000 ปีก่อนบนโลกมีมนุษย์ ประมาณ 5 ล้านคน 14 00:01:03,763 --> 00:01:05,373 ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร 15 00:01:05,373 --> 00:01:10,559 ความทนทานของโลก ก็รักษาแผลจากการกระทำของมนุษย์ได้ 16 00:01:10,559 --> 00:01:13,775 หลังจากการปฏิวัติทางอุตสาหกรรม และเทคโนโลยี 17 00:01:13,775 --> 00:01:16,008 มันก็ไม่เป็นเช่นนั้นอีก 18 00:01:16,008 --> 00:01:20,073 ตอนนี้เราคือตัวการสำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อโลก 19 00:01:20,073 --> 00:01:24,977 เราได้เข้าสู่ยุคแอนโทรโปซีน ยุคสมัยแห่งมนุษย์ 20 00:01:24,977 --> 00:01:31,970 ในทางใดทางหนึ่งถ้าเราจะบอกว่าเราจะเติบโต อย่างไม่สิ้นสุดไปเรื่อยๆ 21 00:01:31,970 --> 00:01:35,616 ใช้แหล่งวัตถุดิบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 22 00:01:35,616 --> 00:01:38,514 มันเหมือนถ้าผู้ชายคนนี้พูดว่า 23 00:01:38,514 --> 00:01:43,386 และอาตมาเคยได้ยินอดีตผู้นำรัฐท่านหนึ่ง อาตมาขอไม่พูดว่าใคร พูดว่า 24 00:01:43,386 --> 00:01:47,395 "เมื่อ 5 ปีที่แล้ว พวกเราอยู่ที่ขอบหน้าผา 25 00:01:47,395 --> 00:01:49,972 วันนี้เราได้ก้าวๆใหญ่ไปข้างหน้า" 26 00:01:50,587 --> 00:01:56,590 ทีนี้หน้าผานี้เหมือนกับสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ ได้นิยามไว้ 27 00:01:56,590 --> 00:01:59,244 ว่ามันคือ ขอบเขตของดวงดาว 28 00:01:59,244 --> 00:02:03,595 และภายในขอบเขตเหล่านั้น พวกมันแบกรับปัจจัยจำนวนหนึ่งไว้ 29 00:02:03,595 --> 00:02:09,231 เรายังคงเจริญต่อไป มนุษย์ยังอยู่ต่อไปได้อีก 150,000 ปี 30 00:02:09,231 --> 00:02:12,563 ถ้าเรารักษาชั้นบรรยากาศไว้ได้ ในสภาพเดิมอย่างมั่นคง 31 00:02:12,563 --> 00:02:15,721 เช่นเดียวกับในยุคโฮโลซีน ในช่วง 10,000 ปีที่ผ่านมา 32 00:02:15,721 --> 00:02:21,479 แต่มันขึ้นอยู่กับ การเลือกความสมถะอย่างสมัครใจ 33 00:02:21,479 --> 00:02:24,160 เติบโตอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่เติบโตด้วยจำนวน 34 00:02:24,160 --> 00:02:30,394 ในปี 1900 อย่างที่คุณเห็น เราอยู่ในข้อจำกัดอย่างสบาย 35 00:02:30,394 --> 00:02:35,793 ทีนี้ ในปี 1950 เกิดการเร่งการเจริญเติบโต 36 00:02:35,793 --> 00:02:40,762 ตอนนี้กลั้นลมหายใจของคุณ ไม่ต้องนาน เพื่อนึกดูว่าเกิดอะไรต่อมา 37 00:02:40,762 --> 00:02:46,907 ตอนนี้ พวกเราได้บุกรุกบางขอบเขตบางส่วน อย่างมากมาย 38 00:02:46,907 --> 00:02:50,866 ถ้าลองเอาความหลากหลายทางชีวภาพ จากอัตราส่วนในปัจจุบันมาคำนวน 39 00:02:50,866 --> 00:02:57,288 ในปี 2050 30% ของสายพันธุ์ทั้งหมดจะสูญพันธ์ 40 00:02:57,288 --> 00:03:03,085 ต่อให้เราเก็บดีเอ็นเอของพวกมันไว้ในตู้เย็น เราก็ไม่สามารถทำให้ชีวิตเหล่านั้นกลับคืนมา 41 00:03:03,085 --> 00:03:04,936 อาตมานั่งอยู่ที่นั่น 42 00:03:04,936 --> 00:03:10,836 เบื้องหน้าของธารน้ำแข็ง 21,000 ฟุต สูง 7,000 เมตร ในภูฏาน 43 00:03:10,836 --> 00:03:17,987 ที่ขั้วโลกที่สาม ธารน้ำแข็งกว่า 2,000 สาย กำลังละลาย รวดเร็วเสียยิ่งกว่าที่อาร์คติก 44 00:03:17,987 --> 00:03:20,994 เราสามารถทำอะไรกับสถานการณ์นี้ได้บ้าง? 45 00:03:22,144 --> 00:03:29,453 อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะมีความซับซ้อนทาง การเมือง เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ 46 00:03:29,453 --> 00:03:31,851 ไม่ว่าอย่างไร ปัญหาของสิ่งแวดล้อมนั้น 47 00:03:31,851 --> 00:03:38,678 สุดท้ายแล้วมันขึ้นอยู่กับความเห็นแก่ตัว และความไม่เห็นแก่ตัว 48 00:03:38,678 --> 00:03:42,287 อาตมาคือมาร์กซ์ที่มีนิสัยของเกราโช 49 00:03:42,287 --> 00:03:43,712 (เสียงหัวเราะ) 50 00:03:43,712 --> 00:03:47,121 เกราโช มาร์กซ์เคยพูดว่า "ฉันจะสนใจเกี่ยวกับคนรุ่นหลังไปทำไม? 51 00:03:47,121 --> 00:03:49,151 พวกเขาเคยทำอะไรให้ฉันบ้าง?" 52 00:03:49,151 --> 00:03:50,647 (เสียงหัวเราะ) 53 00:03:50,647 --> 00:03:55,430 น่าเสียดาย อาตมาเคยได้ยินมหาเศรษฐี สตีเว่น ฟอร์บส์ 54 00:03:55,430 --> 00:03:58,958 บน ฟ็อกซ์ นิวส์ พูดสิ่งที่เหมือนกัน แต่เขาดูจริงจัง 55 00:03:58,958 --> 00:04:01,293 มีคนบอกเขาถึงระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น 56 00:04:01,293 --> 00:04:04,640 และเขาพูดว่า "ฉันพบว่ามันบ้าบอที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของฉันวันนี้ 57 00:04:04,640 --> 00:04:07,695 เพื่อบางสิ่งที่จะเกิดขึ้น ในอีกหลายร้อยปีข้างหน้า" 58 00:04:07,695 --> 00:04:10,593 ถ้าคนไม่สนใจว่าคนรุ่นหลังจะอยู่อย่างไร 59 00:04:10,593 --> 00:04:13,494 ก็เอาเลย 60 00:04:13,494 --> 00:04:16,420 หนึ่งในความท้าทายในยุคของเรา 61 00:04:16,420 --> 00:04:19,538 ก็คือการแก้ปัญหา โดยคำนึงถึงปัจจัยหลัก ทั้งสามประการ ให้สมดุลกัน 62 00:04:19,538 --> 00:04:21,683 ปัจจัยระยะสั้นด้านเศรษฐกิจ 63 00:04:21,683 --> 00:04:25,915 การขึ้นลงของตลาดหุ้น งบดุลตอนปลายปี 64 00:04:25,915 --> 00:04:28,621 ปัจจัยระยะกลางด้านคุณภาพชีวิต 65 00:04:28,621 --> 00:04:33,945 คุณภาพชีวิตในแต่ละขณะของเรา จะเป็นอย่างไร ในอีก 10 ปี หรือ 20 ปีข้างหน้า 66 00:04:33,945 --> 00:04:37,554 และปัจจัยระยะยาวด้านสิ่งแวดล้อม 67 00:04:37,554 --> 00:04:39,903 เมื่อนักสิ่งแวดล้อมพูดกับนักเศรษฐศาสตร์ 68 00:04:39,903 --> 00:04:42,982 มันเหมือนบทสนทนาของคนมีอาการทางจิต ไม่มีความต่อเนื่องเอาเสียเลย 69 00:04:42,982 --> 00:04:45,814 พวกเขาไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน 70 00:04:45,814 --> 00:04:49,354 ในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ อาตมาเดินทางไปรอบโลก 71 00:04:49,354 --> 00:04:53,452 พบปะนักเศรษฐศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ นักประสาทวิทยา นักสิ่งแวดล้อม 72 00:04:53,452 --> 00:04:57,912 นักปรัชญา และนักคิด ที่เทือกภูเขาหิมาลัย ในทุกๆที่ 73 00:04:57,912 --> 00:05:01,834 อาตมาเห็นว่า มีเพียงแนวคิดเดียว 74 00:05:01,834 --> 00:05:04,794 ที่จะสามารถทำให้ปัจจัยทั้งสามประการนั้น สมดุลกันได้ 75 00:05:04,794 --> 00:05:09,198 ทำได้ง่ายๆ ด้วยการใส่ใจกับผู้อื่นให้มากขึ้น 76 00:05:09,198 --> 00:05:14,099 ถ้าคุณใส่ใจกับคนอื่นมากขึ้น คุณก็จะมีเศรษฐกิจที่ดีได้โดยที่เอาใจใส่ผู้อื่น 77 00:05:14,099 --> 00:05:17,051 เป็นการบริหารการเงินเพื่อประโยชน์ทางสังคม 78 00:05:17,051 --> 00:05:20,319 ไม่ใช่การบริหารสังคม เพื่อประโยชน์ทางการเงิน 79 00:05:20,319 --> 00:05:22,187 คุณจะไม่เล่นการพนัน 80 00:05:22,187 --> 00:05:25,073 ด้วยทรัพยากรที่ผู้คนฝากฝังไว้กับคุณ 81 00:05:25,073 --> 00:05:27,919 ถ้าคุณใส่ใจกับคนอื่นมากขึ้น 82 00:05:27,919 --> 00:05:31,396 คุณตรวจสอบตนเอง ว่าคุณได้ลดความไม่เท่าเทียมต่างๆ 83 00:05:31,396 --> 00:05:35,136 และตรวจสอบตนเองว่า คุณได้นำพาความเป็นสุขมาสู่สังคม 84 00:05:35,136 --> 00:05:37,176 ในสถานศึกษา ที่สถานที่ทำงานของคุณ 85 00:05:37,176 --> 00:05:40,599 ไม่อย่างนั้นแล้ว คุณจะเป็นประเทศ ที่มีอำนาจที่สุด 86 00:05:40,599 --> 00:05:43,686 รวยที่สุด แต่คนทุกคนไม่มีความสุข? ไปเพื่ออะไร 87 00:05:43,686 --> 00:05:45,973 และถ้าคุณใส่ใจกับคนอื่นมากขึ้น 88 00:05:45,973 --> 00:05:49,369 คุณก็จะไม่ปล้นดวงดาวที่เราอาศัยอยู่ 89 00:05:49,369 --> 00:05:53,703 และในอัตราปัจจุบัน เราไม่มีดาวอีกสามดวง ให้เรายังคงใช้ชีวิตแบบที่เป็นอยู่นี้ 90 00:05:53,703 --> 00:05:56,056 ทีนี้คำถามก็คือ 91 00:05:56,056 --> 00:06:00,387 โอเค การเห็นแก่ผู้อื่นคือคำตอบ ที่ไม่ใช่แค่ความคิดในนิยาย 92 00:06:00,387 --> 00:06:03,611 แต่มันสามารถเป็นจริง ในทางปฏิบัติได้หรือไม่? 93 00:06:03,611 --> 00:06:06,469 และก่อนอื่นเลย มันมีจริงหรือเปล่า 94 00:06:06,469 --> 00:06:10,213 การเห็นแก่ผู้อื่นมีอยู่จริง หรือว่าเราเห็นแก่ตัวเหลือเกิน? 95 00:06:10,213 --> 00:06:15,553 นักปรัชญาหลายคนคิดว่า พวกเรานั้นเห็นแก่ตัวแบบแก้ไขไม่ได้ 96 00:06:15,553 --> 00:06:20,765 แต่เราเป็นแค่เหล่าร้ายจริงหรือ? 97 00:06:20,765 --> 00:06:23,579 นั่นคือข่าวดีใช่หรือไม่? 98 00:06:23,579 --> 00:06:26,108 นักปรัชญาหลายท่าน เช่น ฮ็อบส์ คิดว่าอย่างนั้น 99 00:06:26,108 --> 00:06:29,429 แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนดูเหมือนเหล่าร้าย 100 00:06:29,429 --> 00:06:32,262 หรือว่ามนุษย์ก็คือหมาป่าที่ล่ามนุษย์ด้วยกัน? 101 00:06:32,262 --> 00:06:35,150 ผู้ชายคนนี้ดูไม่เลวร้ายนัก 102 00:06:35,150 --> 00:06:38,073 เขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งของอาตมาที่ธิเบต 103 00:06:38,073 --> 00:06:40,312 เขาใจดีมาก 104 00:06:40,312 --> 00:06:43,937 เรารักการทำงานร่วมกัน 105 00:06:43,937 --> 00:06:48,275 ไม่มีความสุขอะไร ดีไปกว่าการทำงานร่วมกัน จริงไหม? 106 00:06:48,275 --> 00:06:52,350 ไม่ใช่เฉพาะมนุษย์ 107 00:06:52,350 --> 00:06:54,837 แน่นอน ว่ามันมีการต่อสู้เพื่อชีวิต 108 00:06:54,837 --> 00:06:59,178 การอยู่รอดของผู้ที่เหมาะสมที่สุด ตามทฤษฏีของดาร์วิน 109 00:06:59,178 --> 00:07:05,015 แต่ในวิวัฒนาการ การร่วมมือกัน แน่นอนว่ามีการแข่งขันกันด้วย 110 00:07:05,015 --> 00:07:10,732 แต่เราจำเป็นจะต้องมีการร่วมมือกันสร้างสรรค์ มากกว่านี้เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้า 111 00:07:10,732 --> 00:07:15,414 พวกเราคือนักสร้างร่วมมือที่มีความพิเศษ และเราควรจะก้าวไปข้างหน้าได้มากกว่านี้ 112 00:07:15,414 --> 00:07:21,443 นอกเหนือจากนั้น คือเรื่อง คุณภาพของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ 113 00:07:21,443 --> 00:07:25,925 โออีซีดี ได้ทำแบบสำรวจ โดยใช้ปัจจัย 10 อย่าง รวมรายได้ ฯลฯ 114 00:07:25,925 --> 00:07:29,268 สิ่งแรกที่ผู้คนกล่าวว่า เป็นปัจจัยหลักสำหรับความสุขของฉัน 115 00:07:29,268 --> 00:07:32,621 ก็คือคุณภาพของความสัมพันธ์ทางสังคม 116 00:07:32,621 --> 00:07:35,498 ไม่ใช่แค่มนุษย์ 117 00:07:35,498 --> 00:07:38,844 ดูคุณยายเหล่านั้นสิ่ 118 00:07:38,846 --> 00:07:44,000 ทีนี้ ความคิดที่ว่าถ้าเรามองลงไปลึกๆ 119 00:07:44,000 --> 00:07:46,570 พวกเรานั้นเห็นแก่ตัวอย่างไม่มีทางแก้ 120 00:07:46,570 --> 00:07:49,224 คือวิทยาศาสตร์บนเก้าอี้นั่ง 121 00:07:49,224 --> 00:07:51,491 ไม่มีการศึกษาทางสังคมวิทยา 122 00:07:51,491 --> 00:07:54,737 หรือการศึกษาทางจิตวิทยา ที่บอกแบบนั้นเลย 123 00:07:54,737 --> 00:07:56,697 แต่ในทางตรงกันข้าม 124 00:07:56,697 --> 00:08:00,355 เพื่อนของอาตมา แดเนียล แบ็ตทัน ใช้ชีวิตทั้งชีวิต 125 00:08:00,355 --> 00:08:03,118 เอาผู้คนจากห้องปฏิบัติการ มาอยู่ในสถาการณ์ที่ซับซ้อน 126 00:08:03,118 --> 00:08:07,487 แน่นอนว่าบางทีบางคนก็เห็นแก่ตัว และบางคนมากกว่าคนอื่น 127 00:08:07,487 --> 00:08:10,149 แต่เขาพบว่าตามระบบแล้ว ไม่ว่ายังไง 128 00:08:10,149 --> 00:08:13,149 ก็มีผู้คนจำนวนหนึ่ง 129 00:08:13,149 --> 00:08:16,504 ที่ประพฤติอย่างเห็นแก่ผู้อื่น ไม่ว่ายังไง 130 00:08:16,504 --> 00:08:19,696 ถ้าคุณเห็นใครคนหนึ่ง บาดเจ็บหนัก ทรมานมาก 131 00:08:19,696 --> 00:08:22,318 คุณอาจจะช่วยเขา จากความเห็นใจ 132 00:08:22,318 --> 00:08:26,468 คุณทนมันไม่ไหว ฉะนั้นมันจึงดีกว่าที่จะช่วย แทนที่จะยืนดูเฉยๆ 133 00:08:26,468 --> 00:08:32,344 เราทดสอบเรื่องนั้นและสุดท้ายแล้ว มันชัดเจนว่ามนุษย์เราสามารถเห็นแก่ผู้อื่นได้ 134 00:08:32,344 --> 00:08:34,284 นั่นคือข่าวดี 135 00:08:34,284 --> 00:08:39,896 และยิ่งไปกว่านั้น เราควรจะมองไปที่ ความดาษดื่นของความดี 136 00:08:39,896 --> 00:08:41,600 ลองดูทีนี่ก็ได้ 137 00:08:41,600 --> 00:08:44,370 เมื่อเราออกไป เราคงไม่พูดว่า "ดีจัง 138 00:08:44,370 --> 00:08:48,937 ที่ไม่มีการชกต่อยเกิดขึ้นในฝูงชน ตอนที่กำลังพูดถึงการไม่เห็นแก่ตัว" 139 00:08:48,937 --> 00:08:51,099 เราคาดเดาอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่หรอก? 140 00:08:51,099 --> 00:08:54,278 ถ้ามันมีการชกต่อย เราคงพูดถึงมันไปเป็นเดือนๆ 141 00:08:54,278 --> 00:08:57,949 ดังนั้นความดาษดื่นของความดีเป็นสิ่งที่ไม่ดึงดูดความสนใจของเรา 142 00:08:57,949 --> 00:08:59,437 แต่มันมีอยู่ 143 00:08:59,437 --> 00:09:04,913 ทีนี้ดูนี่ 144 00:09:09,253 --> 00:09:12,054 นักจิตวิทยาบางท่านพูดว่า 145 00:09:12,054 --> 00:09:15,291 เมื่อฉันบอกพวกเขาว่าฉันทำโครงการการกุศล 140 โครงการ ที่เทือกเขาหิมาลัย 146 00:09:15,291 --> 00:09:17,545 มันทำให้ฉันมีความสุขมาก 147 00:09:17,545 --> 00:09:20,799 พวกเขาพูดว่า "โอ้ คุณทำงานเพื่อความรู้สึกอบอุ่น 148 00:09:20,799 --> 00:09:23,703 นั่นไม่ใช่การเห็นแก่ผู้อื่น มันแค่รู้สึกดี" 149 00:09:23,703 --> 00:09:26,991 คุณคิดว่าชายคนนี้ ตอนที่เขากระโดดตัดหน้ารถไฟ 150 00:09:26,991 --> 00:09:29,277 เขาคิดหรือเปล่าว่า "ฉันจะต้องรู้สึกดีแน่เมื่อเรื่องนี้จบลง?" 151 00:09:29,277 --> 00:09:31,563 (เสียงหัวเราะ) 152 00:09:31,563 --> 00:09:33,849 แต่นั่นไม่ใช่ตอนจบของมัน 153 00:09:33,849 --> 00:09:36,391 เมื่อคุณสัมภาษณ์เขา เขาพูดว่า 154 00:09:36,391 --> 00:09:39,526 "ผมไม่ทางเลือก แน่นอนผมต้องโดด" 155 00:09:39,526 --> 00:09:43,407 เขาไม่มีทางเลือก พฤติกรรมอัตโนมัติ มันไม่ใช่การเห็นแก่ตัวและก็ไม่ใช่การเห็นแก่ผู้อื่น 156 00:09:43,407 --> 00:09:44,882 ไม่มีทางเลือก? 157 00:09:44,882 --> 00:09:47,844 แน่นอนว่าชายคนนี้คงจะได้คิดไปอีกครึ่งชั่วโมง 158 00:09:47,844 --> 00:09:49,881 "ผมควรจะช่วยหรือไม่ช่วยเขา?" 159 00:09:49,881 --> 00:09:53,676 เขายื่นมือ เขามีทางเลือก แต่มันชัดเจน ในช่วงเวลากะทันหัน 160 00:09:53,676 --> 00:09:56,037 ทีนี้ ตรงนี้ เขาก็มีทางเลือก 161 00:09:56,037 --> 00:09:58,738 (เสียงหัวเราะ) 162 00:09:58,738 --> 00:10:02,500 มีผู้คนที่มีทางเลือกเช่น บาทหลวงอันเดร ทรุชเมและภรรยาของเขา 163 00:10:02,500 --> 00:10:05,187 และคนทั้งหมู่บ้านเลอ แชมบอน-เซอ-ลุกนอน ในประเทศฝรั่งเศษ 164 00:10:05,187 --> 00:10:09,135 ตลอดช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่สอง พวกเขาช่วยชาวยิว 3,500 คน 165 00:10:09,135 --> 00:10:11,792 ให้ที่พัก และพาพวกเขาไปสวิตเซอร์แลนด์ 166 00:10:11,792 --> 00:10:15,237 ท่ามกลางอันตรายต่างๆ ที่เสี่ยงต่อชีวิตของพวกเขาและครอบครัว 167 00:10:15,237 --> 00:10:17,394 ความเห็นแก่ผู้อื่นมีอยู่จริง 168 00:10:17,394 --> 00:10:19,119 อะไรคือความเห็นแก่ผู้อื่น 169 00:10:19,119 --> 00:10:23,021 มันคือความหวังที่ว่า ขอให้คนอื่นมีความสุข และพบต้นตอของความสุข 170 00:10:23,021 --> 00:10:28,266 การเอาใจใส่คือ เสียงสะท้อนเกี่ยวกับความรู้สึก ที่บอกคุณว่า 171 00:10:28,266 --> 00:10:30,977 คนคนนี้มีความสุข หรือ คนคนนี้มีความทุกข์ 172 00:10:30,977 --> 00:10:34,463 แต่การเอาใจใส่อย่างเดียวนั้นไม่พอ 173 00:10:34,463 --> 00:10:36,686 ถ้าคุณต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ อย่างต่อเนื่อง 174 00:10:36,686 --> 00:10:39,447 การเอาใจใส่ต่อความยากลำบาก ของคุณอาจหมดลง 175 00:10:39,447 --> 00:10:43,507 คุณต้องการสิ่งแวดล้อมแห่งความรัก และเมตตาที่ยิ่งใหญ่กว่า 176 00:10:43,507 --> 00:10:46,234 ด้วยทาเนีย ซิงเกอร์ ที่สถาบัน แม็กซ์ แพล็งค์ แห่งไลซ์พิก 177 00:10:46,234 --> 00:10:52,335 เราได้เห็นว่าระบบสมองสำหรับความเอาใจใส่ และความเตตานั้นแตกต่างกัน 178 00:10:52,335 --> 00:10:54,416 ทั้งหมดมันเยี่ยมมาก 179 00:10:54,416 --> 00:10:56,819 เราได้มันมาจากวิวัฒนาการ การดูแลจากแม่ ความรักจากผู้ที่เลี้ยงดูเรา 180 00:10:59,222 --> 00:11:01,625 แต่เราต้องขยายมันออกไป 181 00:11:01,625 --> 00:11:04,968 มันสามารถลามไปสู่แม้กระทั่งสายพันธ์อื่นได้ 182 00:11:04,968 --> 00:11:09,375 ถ้าเราอยากได้สังคมที่เห็นแก่ผู้อื่นมากกว่านี้ เราต้องการสองสิ่ง 183 00:11:09,375 --> 00:11:12,592 การเปลี่ยนแปลงรายบุคคล และการเปลี่ยนแปลงทางสังคม 184 00:11:12,592 --> 00:11:15,150 การเปลี่ยนแปลงรายบุคคลเป็นไปได้ไหม? 185 00:11:15,150 --> 00:11:18,349 2,000 ปีของการศึกษาอย่างละเอียด บอกว่า เป็นไปได้ 186 00:11:18,349 --> 00:11:21,951 ทีนี้ 15 ปี ของความร่วมมือ ระหว่าง ประสาทวิทยา และพันธุศาสตร์ 187 00:11:21,951 --> 00:11:26,435 บอกว่าเป็นไปได้ สมองของเราเปลี่ยนไปเมื่อคุณฝึกเห็นแก่ผู้อื่น 188 00:11:26,435 --> 00:11:30,707 อาตมาใช้เวลา 120 ชั่วโมง ในเครื่องเอ็มอาร์ไอ 189 00:11:30,707 --> 00:11:33,493 นี่คือภาพแรกที่อาตมาออกมา หลังจากเข้าไป 2 ชั่วโมงครึ่ง 190 00:11:33,493 --> 00:11:37,167 และผลการทดลองได้ถูกตีพิมพ์ ลงในหนังสือพิมพ์วิทยาศาสตร์หลายฉบับ 191 00:11:37,167 --> 00:11:40,749 มันแสดงอย่างชัดเจนว่า มีการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้าง 192 00:11:40,749 --> 00:11:44,502 และการทำงานของสมอง เมื่อคุณฝึกรักอย่างเห็นแก่ผู้อื่น 193 00:11:44,502 --> 00:11:46,252 เพื่อให้คุณได้เห็น 194 00:11:46,252 --> 00:11:49,073 นี่คือผู้ฝึกขณะพักทางด้านซ้าย 195 00:11:49,073 --> 00:11:52,776 ผู้ฝึกขณะกำลังปฏิบัติเมตตา คุณเห็นการทำงานทุกอย่าง 196 00:11:52,776 --> 00:11:55,330 และกลุ่มครอบครัวขณะกำลังพัก ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 197 00:11:55,330 --> 00:11:57,272 ขณะปฏิบัติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 198 00:11:57,272 --> 00:11:59,250 พวกเขาไม่ได้รับการฝึก 199 00:11:59,250 --> 00:12:03,671 คุณจำเป็นต้องปฏิบัติ 50,000 ชั่วโมงไหม? ไม่ต้อง 200 00:12:03,671 --> 00:12:07,837 4 สัปดาห์ 20 นาทีต่อ 1 วัน ของการฝึกอย่างเอาใจใส่ 201 00:12:07,838 --> 00:12:14,141 ก็นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสมองแล้ว เมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่มีการควบคุม 202 00:12:14,141 --> 00:12:17,879 แค่ 20 นาทีต่อวัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ 203 00:12:17,879 --> 00:12:21,217 แม้แต่กับเด็กก่อนวัยเรียน ริชาร์ด เดวิดสัน ทำการทดลองที่ เมดิสัน 204 00:12:21,217 --> 00:12:27,627 โครงการ 8 สัปดาห์: ความกตัญญู ความรักและเมตตา การร่วมมือกัน การหายใจอย่างมีสติ 205 00:12:27,627 --> 00:12:29,882 คุณอาจพูดว่า "โอ้ พวกเขาเป็นแค่เด็กก่อนวัยเรียน" 206 00:12:29,882 --> 00:12:31,508 ลองดูหลังจาก 8 สัปดาห์ 207 00:12:31,508 --> 00:12:33,958 ความประพฤติทางสังคม คือเส้นสีน้ำเงิน 208 00:12:33,958 --> 00:12:39,402 ต่อมาคือ สุดยอดการทดลองวิทยาศาสตร์ การทดลองสติกเกอร์ 209 00:12:39,402 --> 00:12:43,350 อันดับแรก เรากำหนดว่า ใครสนิทกับใครในห้องเรียน 210 00:12:43,350 --> 00:12:47,425 หรือสนิทกับใครน้อยที่สุด เด็กที่ไม่มีใครรู้จักหรือเด็กที่ไม่สบาย 211 00:12:47,425 --> 00:12:50,129 และพวกเขาทุกคนต้องแจกสติกเกอร์ให้เพื่อน 212 00:12:50,129 --> 00:12:54,181 ก่อนที่จะมีการแทรกแทรง พวกเขาให้สติกเกอร์กับเพื่อนสนิท 213 00:12:54,181 --> 00:12:57,640 เด็ก 5 ขวบ 4 คน ฝึก 20 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ 214 00:12:57,640 --> 00:13:01,123 หลังจากการแทรกทรง ไม่มีการแบ่งแยกอีกต่อไป 215 00:13:01,123 --> 00:13:05,048 ทุกคนได้รับสติกเกอร์เท่ากัน แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กที่มีคนชอบน้อย 216 00:13:05,048 --> 00:13:08,436 นั่นคือสิ่งที่เราควรทำ ในทุกโรงเรียนทั่วโลก 217 00:13:08,436 --> 00:13:10,430 ต่อจากนี้เราไปไหน? 218 00:13:10,430 --> 00:13:14,678 (เสียงปรบมือ) 219 00:13:14,678 --> 00:13:17,359 เมื่อ ดาไล ลามะ ได้ยินเรื่องนี้ เขาบอก ริชาร์ด เดวิดสัน 220 00:13:17,359 --> 00:13:20,815 "คุณไปบอกคนที่โรงเรียนนะ 10 โรงเรียน 100 โรงเรียน บอก UN บอกโลก" 221 00:13:20,815 --> 00:13:22,499 หลังจากนั้นเราควรจะทำอะไรต่อไป? 222 00:13:22,499 --> 00:13:24,762 การเปลี่ยนแปลงรายบุคคลนั้นเป็นไปได้ 223 00:13:24,762 --> 00:13:29,378 เราจำเป็นต้องรอให้ มียีนส์ทีทำให้เราไม่เห็นแก่ตัวไหม? 224 00:13:29,378 --> 00:13:33,132 นั่นจะใช้เวลาอีก 50,000 ปี นานเกินกว่าที่สิ่งแวดล้อมจะรอได้ 225 00:13:33,132 --> 00:13:37,567 โชคดี ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม 226 00:13:37,567 --> 00:13:43,301 วัฒนธรรม อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญได้บ่งบอก เปลี่ยนเร็วกว่ายีนส์ 227 00:13:43,301 --> 00:13:44,829 นั่นคือข่าวดี 228 00:13:44,829 --> 00:13:48,189 ท่าทีต่อสงครามเปลี่ยนแปลงไปมาก เมื่อเวลาผ่านไป 229 00:13:48,189 --> 00:13:53,370 ตอนนี้บุคคลเปลี่ยนแปลงไป ตามวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไป 230 00:13:53,370 --> 00:13:56,146 และสุดท้ายเราจะสามารถ สร้างสังคมที่มีความเห็นแก่ผู้อื่นมากกว่านี้ได้ 231 00:13:56,146 --> 00:13:57,888 แล้วยังไงต่อ? 232 00:13:57,888 --> 00:14:00,137 ตัวอาตมาจะกลับไปทางทิศตะวันออก 233 00:14:00,137 --> 00:14:03,597 เรารักษาคนไข้ 100,000 ต่อปี ในโครงการของเรา 234 00:14:03,597 --> 00:14:07,346 เรามีเด็ก 25,000 คนในโรงเรียน 4% โดยเฉลี่ย 235 00:14:07,346 --> 00:14:09,921 บางคนบอกว่าสิ่งของคุณใช้ได้ในเชิงปฏิบัติ 236 00:14:09,921 --> 00:14:11,945 แต่มันใช้ได้ในเชิงทฤษฎีรึปล่าว? 237 00:14:11,945 --> 00:14:15,287 มันมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนที่ดีตลอดเวลา 238 00:14:15,287 --> 00:14:17,706 ฉะนั้นอาตมาจะกลับไปยังอาศรม 239 00:14:17,706 --> 00:14:20,995 เพื่อหาทรัพยากรภายใน เพื่อบริการผู้อื่น 240 00:14:20,995 --> 00:14:24,182 แต่ในระดับโลก เราทำอะไรได้บ้าง? 241 00:14:24,182 --> 00:14:25,973 เราต้องการสามสิ่ง 242 00:14:25,973 --> 00:14:28,325 การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน 243 00:14:28,325 --> 00:14:32,041 การเรียนโดยร่วมมือกันเรียน แทนที่จะแข่งกันเรียน 244 00:14:32,041 --> 00:14:35,612 การร่วมมือกันอย่างไม่มีข้อแม้ ระหว่างบริษัทต่างๆ 245 00:14:35,612 --> 00:14:40,019 จะมีการแข่งขันกันระหว่างผู้ที่ร่วมมือกันก็ได้ แต่ห้ามมีภายใน 246 00:14:40,019 --> 00:14:43,971 เราต้องการความสามัคคีอย่างยั่งยืน อาตมาชอบคำนี้ 247 00:14:43,971 --> 00:14:45,914 ไม่ใช่การเติบโตอย่างยั่งยืน 248 00:14:45,914 --> 00:14:49,500 ความสามัคคีอย่างยั่งยืนหมายถึงตอนนี้ เราลดความไม่เท่าเทียม 249 00:14:49,500 --> 00:14:53,826 ต่อไปข้างหน้าเราจะทำน้อย ได้มาก 250 00:14:53,826 --> 00:14:58,310 เราเติบโตต่อไปอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่เติบโตแต่ในเชิงปริมาณ 251 00:14:58,310 --> 00:15:00,615 เราต้องการเศรษฐกิจที่มีการเอาใจใส่ 252 00:15:00,615 --> 00:15:06,446 เศรษฐกิจเบี่ยงเบน ไม่สามารถ แก้ปัญหาความอดอยาก ทั้งที่เรามีเกินพอได้ 253 00:15:06,446 --> 00:15:08,798 ไม่สามารถแก้ปัญหาสินค้าทั่วไป 254 00:15:08,798 --> 00:15:11,096 ของอากาศและมหาสมุทร 255 00:15:11,096 --> 00:15:12,679 เราต้องการเศรษฐกิจที่มีการเอาใจใส่ 256 00:15:12,679 --> 00:15:14,788 ถ้าคุณพูดว่าเศรษฐกิจ ควรเป็นความเห็นอกเห็นใจ 257 00:15:14,788 --> 00:15:16,273 พวกเขาพูดว่า "นั่นไม่ใช่งานของเรา" 258 00:15:16,273 --> 00:15:19,588 แต่ถ้าคุณพูดว่าพวกเขาไม่สนใจ นั่นดูไม่ดี 259 00:15:19,588 --> 00:15:22,967 เราต้องการการผูกมัดในชุมชน ความรับผิดชอบระดับโลก 260 00:15:22,967 --> 00:15:28,307 เราต้องแพร่การเห็นแก่คนอื่น ไปสู่สายพันธ์ุทั้ง 1.6 ล้านสายพันธ์ุ 261 00:15:28,307 --> 00:15:31,732 สิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก ที่อาศัยอยู่ร่วมกับเราบนโลกใบนี้ 262 00:15:31,732 --> 00:15:34,724 เราต้องกล้าเห็นแก่ผู้อื่น 263 00:15:34,724 --> 00:15:38,605 ขอให้การปฏิวัติเพื่อการเห็นแก่ผู้อื่น จงคงอยู่ตลอดไป 264 00:15:38,605 --> 00:15:43,155 วีวา ลา รีโวลูเชียน เดอ อัลทรูอิสโม 265 00:15:43,155 --> 00:15:48,515 (เสียงปรบมือ) 266 00:15:48,515 --> 00:15:50,496 ขอบคุณครับ 267 00:15:50,496 --> 00:15:52,448 (เสียงปรบมือ)