นี่คือภาพวาดจากคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดย ลูคัส ครานัค ดิ เอลเตอร์ มันแสดงถึงนำ้พุแห่งความอ่อนวัยอันโด่งดัง หากคุณได้ดื่มหรืออาบน้ำนี้ คุณจะมีสุขภาพดีและอ่อนวัย ทุกวัฒนธรรม ทุกชนชาติ ล้วนแล้วแต่ฝันหาอ่อนวัยที่เป็นอมตะ มีคนอย่าง อเล็กซานเดอร์ มหาราช หรือนักสำรวจ พอนเซ่ เดอ เลออน ผู้ที่ใช้เวลาค่อนชีวิต ไปกับการตามล่าหานำ้พุแห่งความอ่อนเยาว์ พวกเขาไม่พบมัน แต่ ถ้าหากว่ามันมีอะไรบางอย่างที่นำไปสู่มันล่ะ หากว่ามีบางอย่าง ที่นำไปสู่นำ้พุแห่งความอ่อนเยาว์ล่ะ ผมจะเล่าถึงการพัฒนาที่สุดมหัศจรรย์ ในงานวิจัยด้านความชรา ซึ่งอาจปฏิวัติทัศคติของเรา เกี่ยวกับเรื่องความชรา และอาจจะเปลี่ยนวิธีการรักษา โรคที่เกี่ยวข้องกับความชราในอนาคตได้ มันเริ่มต้นมาจากการทดลอง จากงานวิจัยใหม่ ๆ จำนวนหนึ่ง ที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโต ที่แสดงให้เห็นว่าในสัตว์ทดลอง หนูแก่ได้รับการถ่ายเลือดจากหนูอายุน้อย สามารถที่จะกลับมาอ่อนวัยได้ มันมีความคล้ายคลึงกันกับในมนุษย์ เช่นในกรณีของแฝดสยาม และผมก็รู้ว่ามันฟังดูค่อนข้างน่าขนลุก แต่สิ่งที่ ทอม แรนโด้ นักวิจัยด้านเซลล์ต้นกำเนิด รายงานในปี ค.ศ. 2007 คือ กล้ามเนื้อจากหนูแก่ สามารถกลับมาอ่อนวัยได้อีกครั้ง หากมันได้รับเลือดจากหนูอายุน้อย ผ่านระบบไหลเวียนเลือดตามปกติ การทดลองนี้ถูกทำซ้ำโดย เอมี่ แวเจอร์ จากมหาวิทยาลัย ฮาเวิร์ด ในไม่กี่ปีต่อมา และอีกหลาย ๆ งานวิจัย ก็รายงานปรากฏการณ์ความอ่อนวัยที่คล้ายกันนี้ ในตับอ่อน ตับ และหัวใจ แต่สิ่งที่ผมตื่นเต้นที่สุด เช่นเดียวกันกับนักวิจัยอีกหลาย ๆ กลุ่ม คือ งานทดลองนี้อาจสามารถใช้ได้กับสมอง นั่นคือ เราพบว่าหนูแก่ ซึ่งได้รับสภาวะของหนูอายุน้อย ในแบบจำลองที่เรียกว่า พาราไบโอซิส (parabiosis) มีสมองแบบหนูอายุน้อย และสมองมีการทำงานดีขึ้น และผมขอย้ำว่า หนูแก่ที่ใช้ระบบไหลเวียนเลือด ร่วมกับหนูอายุน้อย มีลักษณะที่ดูอ่อนเยาว์ และการทำงานของสมองคล้ายของหนูอายุน้อย ดังนั้นเมื่อเราแก่ลง เราสามารถพิจาณาเรื่องความจำ ได้จากหลายแง่มุ่ม และคุณสามารถเห็นได้จากสไลด์นี้ เราสามารถดูได้จาก การใช้เหตุผล การพูด และอื่น ๆ ราว ๆ อายุ 50 หรือ 60 ปี ความสามารถเหล่านี้ยังสมบูรณ์ดี และเท่าที่ผมมองไปยังผู้ฟังอ่อนวัยในห้องนี้ พวกเรายังสบายดีกันอยู่ (เสียงหัวเราะ) แต่มันเป็นเรื่องน่ากลัวที่เส้นกราฟเหล่านี้ มีแนวโน้มที่จะลดลง และเมื่อเราแก่ลง โรค เช่น อัลไซเมอร์ และอื่น ๆ จะเกิดขึ้น เรารู้ว่า ด้วยอายุที่มากขึ้น ความเชื่อมโยงของเซลล์ประสาท ซึ่งเป็นวิธีที่เซลล์ประสาทพูดคุยกัน เรียกว่า ไซแนป จะแย่ลง เซลล์ประสาทตาย และสมองเริ่มฝ่อ และมีการเพิ่มขึ้นของแนวโน้ม ที่จะเกิดการเสื่อมของระบบประสาทต่าง ๆ ปัญหาใหญ่ของเรา ในการพยายามที่จะเข้าใจ ว่าสิ่งเหล่านี้ทำงานอย่างไร ในกลไกการทำงานระดับโมเลกุล คือ เราไม่สามารถศึกษาสมองอย่างละเอียด ในคนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ เราสามารถตรวจสอบการทำงานของสมอง เราสามารถถ่ายภาพ และการทดสอบอันซับซ้อนทั้งหลาย แต่เราต้องรอจนกว่าคนคนนั้นจะเสียชีวิต แล้วก็นำสมองมาตรวจดูว่าอายุและโรค ทำให้มันความเปลี่ยนเเปลงไปอย่างไร นี่คือตัวอย่างของสิ่งที่นักประสาทวิทยาทำกัน ดังนั้น จะเป็นอย่างไงถ้าเราคิดว่า สมองเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กว่า เราจะสามารถเข้าใจมันมากขึ้นหรือไม่ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในสมองในระดับโมเลกุล หากเรามองว่าสมองเป็นทั้งหมดของร่างกาย แล้วเมื่อร่างกายเราแก่ลงหรือเป็นโรค มันส่งผลต่อสมองไหม และในทางกลับกัน ถ้าสมองแก่ตัวลง มันจะส่งผลต่อร่างกายส่วนอื่นไหม และสิ่งที่เชื่อมโยงเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ก็คือ เลือด เลือดเป็นเนื้อเยื่อที่ไม่แต่เพียงนำเซลล์ ที่เเลกเปลี่ยนออกซิเจน อย่างเช่น เซลล์เม็ดเลือดแดง หรือต่อสู้กับโรคติดเชื้อ แต่เลือดยังนำโมเลกุลที่เป็นสารสื่อข้อมูล ซึ่งเป็นสารที่มีลักษณะคล้ายฮอร์โมน ซึ่งส่งข้อมูล จากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง จากเนื้อเยื่อหนึ่งไปยังอีกเนื้อเยื่อหนึ่ง รวมไปถึงสมองด้วย ดังนั้นหากเราสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเลือด ในผู้เป็นโรคหรือคนแก่ เราจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสมองได้ไหม เรารู้ว่าเมื่อเราแก่ตัวลง เลือดเปลี่ยนไปเช่นกัน ดังนั้นพวกสารที่มีลักษณะคล้ายฮอร์โมนเหล่านี้ เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเราแก่ตัวลง และโดยส่วนมากเรารู้ว่าสารเหล่านี้จำเป็น ต่อการพัฒนาของเนื้อเยื่อ และต่อการคงสภาพของเนื้อเยื่อ สารเหล่านี้เริ่มลดลงเมื่อเราแก่ตัวลง ในขณะที่สารที่เกี่ยวข้องในการซ่อมแซม การบาดเจ็บและการอักเสบ สารพวกนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเราแก่ ดังนั้น มันมีความไม่สมดุลของ สารที่ดีและไม่ดีเหล่านี้ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ และเพื่อแสดงให้คุณเห็นถึงศักยภาพ ที่เป็นไปได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากจะพูดให้คุณฟังอย่างละเอียด เกี่ยวกับการทดลองที่เราทำ เราได้เก็บตัวอย่างเลือด จากคนมีสุขภาพดีเกือบ 300 คน อายุระหว่าง 20 ถึง 89 ปี และพวกเราก็ได้ตรวจวัดค่าสารสื่อข้อมูลต่าง ๆ มากกว่า 100 ชนิด โปรตีนที่มีลักษณะคล้ายฮอร์โมนเหล่านี้ ซึ่งส่งสารข้อมูลระหว่างเนื้อเยื่อ และสิ่งที่พวกเราสังเกตเห็นอย่างแรก คือ ระหว่างกลุ่มที่อายุน้อยที่สุด และอายุมากที่สุด สารประมาณครึ่งหนึ่ง มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นร่างกายของเราจึงใช้ชีวิต อยู่ในสภาพที่แตกต่างกันมากเมื่อเราแก่ตัวลง เมื่อกล่าวถึงสารเหล่านี้ และเมื่อใช้โปรแกรมทางสถิติ และชีวสารสนเทศ เราสามารถที่จะหาสารที่ทำนายอายุได้ เหมือนกับการคำนวณอายุแบบคร่าว ๆ ของคน และมันก็ออกมาเป็นอย่างคุณเห็นในกราฟนี้ ในแกนหนึ่งคุณจะเห็นอายุจริง ที่คนคนนั้นใช้ชีวิต เรียกว่า อายุตามลำดับเวลา ซึ่งก็คือ จำนวนปีที่คนคนนั้นมีชีวิตอยู่ และเมื่อเราพิจารณาสารต่าง ๆ ที่ผมแสดงให้คุณเห็นก่อนหน้านี้ และคำนวณอายุเปรียบเทียบ หรืออายุทางชีวภาพ และสิ่งที่คุณเห็นคือ มันค่อนข้างมีความสัมพันธ์กัน ดังนั้นเราสามารถทำนาย อายุคร่าว ๆ ของคนได้ค่อนข้างดี แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นจริง ๆ ก็คือพวกนอกกลุ่ม ซึ่งพวกเขาก็เป็นกลุ่มที่น่าสนใจอยู่แล้ว ในชีวิตประจำวันของเรา คนคนนี้ที่ผมเน้นด้วยจุดสีเขียว มีอายุประมาณ 70 ปี แต่อายุทางชีวภาพของเขา หากว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี้ถูกต้อง คือเพียงแค่ 45 ปีเท่านั้น คนคนนี้อ่อนวัยกว่าอายุของเขาจริงหรือ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ คนคนนี้จะเป็นคนที่มีความเสี่ยงต่ำ ต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับความชรา และมีชีวิตที่ยืนยาวหรือไม่ เขาจะอยู่ถึง 100 ปีหรือมากกว่าไหม ในอีกด้านหนึ่ง คนคนนี้ที่ผมเน้นด้วยจุดสีแดง เขาอายุยังไม่ถึง 40 ปี แต่อายุทางชีวภาพคือ 65 ปี เขามีความเสี่ยง ต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับความชราไหม ดังนั้นในห้องทดลองของเรา เราพยายามที่จะเข้าใจสารเหล่านี้ให้ดีขึ้น และนักวิจัยกลุ่มอื่น ๆ ก็พยายามทำความเข้าใจ ว่าอะไรคือสารที่ก่อให้เกิดความชราที่แท้จริง แล้วเราจะสามารถศึกษาเพื่อทำนายโรค ที่เกี่ยวข้องกับความแก่ชราได้ไหม สิ่งที่ผมได้นำเสนอคุณมาทั้งหมดนี้ เป็นแค่เพียงความสัมพันธ์ง่าย ๆ จริงไหมครับ คุณอาจบอกได้แค่ว่า "สารเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปตามอายุ" แต่คุณไม่รู้แน่ว่าพวกมันส่งผลอะไรกับความชรา ดังนั้นสิ่งที่ผมกำลังจะนำเสนอคุณนี้ เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก และมันบ่งบอกว่าสารเหล่านี้ สารสามารถปรับอายุของเนื้อเยื่อได้ และนี่คือเหตุผลที่เรากลับไปยังแบบจำลอง ที่เรียกว่า พาราไบโอซิส พาราไบโอซิสจึงถูกทำขึ้นในหนู โดยการผ่าตัดเชื่อมหนูสองตัวเข้าด้วยกัน และนั่นนำไปสู่ระบบการใช้เลือดร่วมกัน ตอนนี้พวกเราสามารถถามได้ว่าว่า "สมองแก่ได้รับผลกระทบได้อย่างไร เมื่อได้รับเลือดของหนูอายุน้อย" และเพื่อวัตถุประสงค์นี้ พวกเราใช้หนูอายุน้อย ซึ่งมีอายุเทียบเท่ากับคนอายุ 20 ปี และหนูแก่ซึ่งมีอายุเทียบเท่ากับคนอายุ 65 ปี สิ่งที่เราค้นพบมันค่อนข้างน่าทึ่ง เราพบว่ามันมีเซลล์ต้นกำเนิด ที่ให้กำเนิดเซลล์ประสาทมากขึ้น ในสมองของหนูแก่ มีการเพิ่มการทำงานของไซเเนป การเชื่อมต่อของเซลล์ประสาท มีการแสดงออกของยีนมากมาย ซึ่งพวกเรารู้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ในการสร้างความจำใหม่ ๆ และมีการอักเสบแบบไม่ดีน้อยลง แต่เราพบว่า ไม่มีเซลล์เข้าสู่สมองของหนูเหล่านี้ ดังนั้นเมื่อเราเชื่อมพวกมัน มันไม่มีเซลล์เข้าสู่สมองของหนูแก่ ด้วยเหตุนี้ เราจึงให้เหตุผลว่า มันต้องเป็นสารที่ละลายได้ ดังนั้นเราจึงแยกส่วนละลายน้ำของเลือด ที่เรียกว่า พลาสมา ออกมา และฉีดพลาสมาของหนูอายุน้อยหรือหนูแก่ เข้าไปให้กับหนูพวกนี้ และมันก็แสดงปรากฏการณ์อ่อนวัยนี้ได้เช่นกัน แต่ตอนนี้ สิ่งที่เราสามารถทำได้อีก คือทดสอบความจำของหนูพวกนี้ เมื่อหนูอายุมากขึ้น เหมือนกับมนุษย์ พวกมันจะมีปัญหาความจำ มันเป็นเรื่องยากที่จะทดสอบ แต่ผมจะแสดงให้คุณเห็นในอีกสักครู่ ว่าเราศึกษามันอย่างไร แต่ผมต้องการที่จะก้าวไปให้ไกลกว่านั้นอีกขั้น ซึ่งเป็นขั้นที่ใกล้การพัฒนามาใช้กับมนุษย์ สิ่งที่ผมกำลังจะนำเสนอนี้ยังไม่ได้ตีพิมพ์ เราใช้พลาสมาจากคนอายุน้อย และสารควบคุมคือน้ำเกลือ แล้วฉีดเข้าไปในหนูแก่ และถามคำถามว่า เราสามารถที่จะทำให้หนูแก่ กลับมาอ่อนวัยได้อีกครั้งไหม เราสามารถทำให้มันฉลาดขึ้นได้ไหม เพื่อจะตอบคำถามเหล่านี้ เราได้ใช้การทดสอบ ที่เรียกว่า เขาวงกตของบาร์เนส นี่คือโต๊ะขนาดใหญ่ที่มีหลุมอยู่มากมาย และมีเครื่องหมายแสดงทางรอบ ๆ หลุม และมีแสงสว่างคล้าย ๆ กับบนเวทีแห่งนี้ พวกหนูจะไม่ชอบแสงพวกมันจึงพยายามหนี และพบกับหลุมหนึ่งซึ่งถูกชี้ด้วยลูกศร ซึ่งหลุมนี้มีท่อต่ออยู่ด้านล่าง ซึ่งพวกมันสามารถหนีไปได้ และอยู่อย่างสบายในรูมืด ๆ พวกเราสอนมัน เป็นเวลาสองสามวัน ให้พวกมันหาหลุมให้นั้นเจอ โดยอาศัยสัญลักษณ์นำทางต่าง ๆ และคุณสามารถเปรียบเทียบสิ่งนี้กับมนุษย์ได้ เหมือนกับการที่คุณพยายามหารถในลานจอดรถ หลังจากการซื้อของที่สุดวุ่นวาย (เสียงหัวเราะ) พวกเราหลายคนน่าจะมีปัญหาอย่างนั้น ในบางครั้งนะครับ มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนูแก่ นี่คือหนูแก่ที่มีปัญหาความจำ อย่างที่คุณจะสังเกตเห็นในอีกสักครู่ มันมองลงไปดูทุกหลุม แต่ไม่ได้สร้างแผนที่ความจำ ซึ่งจะช่วยเตือนความจำว่ามันอยู่ตรงไหน ในการทดสอบครั้งก่อนหรือวันสุดท้าย ในทางตรงกันข้าม หนูตัวนี้ เป็นพี่น้องที่มีอายุเท่ากัน แต่มันได้รับการฉีดพลาสมาของคนอายุน้อย เป็นเวลาสามอาทิตย์ ด้วยปริมาณเล็กน้อยทุกสามวัน อย่างที่คุณสังเกตได้ มันดูเหมือนกำลังคิดว่า "ฉันอยู่ตรงไหน" หลังจากนั้นมันก็เดินตรงไปยังหลุมนั้น และหนีลงรูไป ดังนั้นมันน่าจะจำได้ว่าหลุมนั้นอยู่ที่ไหน จากทั้งหมดนี้ เหมือนว่าหนูแก่ตัวนี้จะกลับมาอ่อนวัยอีกครั้ง มันทำงานได้คล้ายกับหนูอายุน้อย และนี่ยังบอกว่ามันมีอะไรบางอย่าง ที่ไม่ใช่แค่ในพลาสมาของหนูอายุน้อยเท่านั้น แต่ยังพบได้ในพลาสมาของคนอายุน้อยด้วย ที่มีความสามารถ ในการช่วยสมองแก่ ๆ ให้ดีขึ้นได้ โดยสรุปแล้ว พวกเราพบว่าหนูแก่ และโดยเฉพาะสมองของมัน มีความยืดหยุ่น สมองของพวกมันไม่ได้อยู่นิ่งเป็นหิน แต่มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ มันสามารถกลับมาอ่อนวัยได้อีกครั้ง สารจากเลือดอายุน้อยสามารถย้อนวัยได้ และสิ่งที่ผมไม่ได้นำเสนอคุณ คือในแบบจำลองนี้ที่หนูอายุน้อย รับผลจากการใช้เลือดร่วมกับหนูแก่ มีสารบางอย่างในเลือดหนูแก่ที่เร่งความแก่ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ มนุษย์ก็น่าจะมีสารคล้ายกันนี้ เพราะว่าเราสามารถใช้เลือดจากคนอายุน้อย และเห็นผลในทำนองเดียวกัน เลือดจากคนแก่ซึ่งผมไม่ได้นำแสดงให้คุณดู ไม่ได้มีผลแบบนี้ คือไม่ได้ทำให้หนูอ่อนวัยลง แล้วความมหัศจรรย์นี้สามารถใช้กับคนได้ไหม พวกเรากำลังทำศึกษาทางคลินิค ที่มหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด ซึ่งพวกเรากำลังรักษาผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ที่มีอาการในระดับอ่อน โดยฉีดพลาสมาจากกอาสาสมัครอายุน้อย ที่มีอายุประมาณ 20 ปี และทำแบบนี้สัปดาห์ละครั้ง เป็นเวลาสี่สัปดาห์ และจากนั้นพวกเราจะตรวจดูสมองของผู้ป่วย ด้วยการถ่ายภาพ พวกเราทดสอบความจำ และสอบถามผู้ดูแล ถึงเรื่องกิจกรรมในชีวิตประจำวันของพวกเขา สิ่งที่พวกเราหวังคือ การเห็นสัญญาณของอาการไปในทางที่ดี จากการรักษา และหากมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ มันอาจจะให้ความหวังกับพวกเรา ว่าสิ่งที่ผมนำแสดงให้คุณดูซึ่งได้ผลในหนู อาจจะได้ผลเช่นเดียวกันในมนุษย์ ถึงตอนนี้ ผมไม่คิดว่าคนเราจะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดกาล แต่เราอาจจะค้นพบ นำ้พุแห่งความเยาว์วัย ซึ่งจริง ๆ แล้วอยู่ในตัวเรา และมันค่อย ๆ แห้งหายไป และหากเราสามารถทำให้มัน กลับมาทำงานได้อีกครั้ง บางทีเราอาจจะเจอสาร ที่ควบคุมปรากฏการณ์เหล่านี้ พวกเราสามารถผลิตสารเหล่านี้ได้ จากการสังเคราะห์ และเราสามารถรักษาโรคชรา อย่าง อัลไซเมอร์ หรือ ภาวะสมองเสื่อมอื่น ๆ ได้ ขอบคุณมากครับ (เสียงปรบมือ)