1 00:00:01,317 --> 00:00:03,087 คุณจะค้นหาไดโนเสาร์ได้อย่างไร 2 00:00:03,928 --> 00:00:05,753 ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ใช่ไหมครับ 3 00:00:06,650 --> 00:00:07,945 มันไม่จริงเลย 4 00:00:07,969 --> 00:00:12,195 และคำตอบก็ขึ้นอยู่กับสูตรคำนวณ ที่นักบรรพชีวินวิทยาใช้ 5 00:00:12,722 --> 00:00:14,674 และผมกำลังจะบอกคุณเกี่ยวกับความลับนั้น 6 00:00:15,350 --> 00:00:18,290 อย่างแรก หาหินที่มีอายุที่เหมาะสม 7 00:00:19,226 --> 00:00:23,320 อย่างที่สอง หินพวกนั้น ต้องเป็นหินตะกอนหรือหินชั้น 8 00:00:23,863 --> 00:00:28,303 และอย่างที่สาม ชั้นต่าง ๆในหินพวกนั้น ต้องปรากฏออกมาตามธรรมชาติ 9 00:00:28,768 --> 00:00:29,919 แค่นี้เองครับ 10 00:00:29,943 --> 00:00:33,354 หาสามสิ่งนั้น และพาตัวคุณเองไปที่นั่น 11 00:00:33,378 --> 00:00:35,783 โอกาสที่คุณจะพบฟอสซิลนั้นมีมากที่เดียว 12 00:00:36,313 --> 00:00:38,403 เอาล่ะ ผมจะบอกถึงรายละเอียดของสูตรนี้ 13 00:00:38,812 --> 00:00:43,183 สิ่งมีชีวิตจะปรากฏอยู่ ในบางช่วงเวลาทางธรณีวิทยาเท่านั้น 14 00:00:43,207 --> 00:00:45,637 ดังนั้น คุณต้องหาหินที่มีอายุที่เหมาะสม 15 00:00:45,661 --> 00:00:47,829 ขึ้นอยู่กับว่าคุณสนใจอะไร 16 00:00:47,853 --> 00:00:49,363 ถ้าคุณต้องการหา "ไทรโลไปท์" (trilobite) 17 00:00:49,387 --> 00:00:52,538 คุณต้องหาหินที่เก่ามาก ๆในยุค "พาลีโอโซอิก" -- 18 00:00:52,562 --> 00:00:55,867 หินที่มีอายุระหว่าง 500 และ 250 ล้านปี 19 00:00:56,306 --> 00:00:58,394 ทีนี้ ถ้าคุณต้องการค้นหาไดโนเสาร์ 20 00:00:58,418 --> 00:01:00,775 อย่าไปหาที่ยุคพาลิโอโซอิก คุณไม่เจอมันหรอก 21 00:01:00,799 --> 00:01:02,280 พวกมันยังไม่เกิดเลย 22 00:01:02,304 --> 00:01:05,391 คุณต้องหาหินที่มีอายุน้อยกว่า อย่างหินในยุค "มีโสโซอิก" 23 00:01:05,415 --> 00:01:06,812 และในกรณีของไดโนเสาร์ 24 00:01:06,836 --> 00:01:10,561 ต้องเป็นหินที่มีอายุระหว่าง 235 และ 66 ล้านปีก่อน 25 00:01:11,495 --> 00:01:14,670 เอาล่ะ มันค่อนข้างง่าย ที่จะหาหินที่มีอายุที่เหมาะสม 26 00:01:14,694 --> 00:01:17,826 เพราะในหลาย ๆ แง่มุม โลกของเรา 27 00:01:17,850 --> 00:01:19,180 ได้ถูกทำการสำรวจทางธรณีวิทยาไว้แล้ว 28 00:01:19,578 --> 00:01:21,761 มันเป็นข้อมูลที่ได้มาจากความพยายาม 29 00:01:22,323 --> 00:01:25,127 ประวัติของโลกในแต่ละปีถูกบันทึกเอาไว้ในหิน 30 00:01:25,151 --> 00:01:26,452 บทแล้วบทเล่าต่อเนื่องกันไป 31 00:01:26,476 --> 00:01:29,080 โดยหน้าที่เก่าที่สุดจะอยู่ด้านล่าง 32 00:01:29,104 --> 00:01:30,758 และหน้าที่ใหม่ที่สุดจะอยู่ด้านบน 33 00:01:31,583 --> 00:01:35,636 ครับ มันค่อนที่จะง่าย และนักธรณีวิทยาคงจะรู้สึกยินดี 34 00:01:35,660 --> 00:01:36,918 แต่ว่ามันไม่เป็นอย่างนั้น 35 00:01:36,942 --> 00:01:38,996 ห้องสมุดของโลกมันเก่ามาก 36 00:01:39,020 --> 00:01:41,659 ไม่มีบรรณารักษ์ที่คอยดูแลจัดเรียงมัน 37 00:01:42,111 --> 00:01:45,241 เนื่องจากมันทำการมาอย่างยาวนาน 38 00:01:45,265 --> 00:01:49,398 กระบวนการทางธรณีวิทยามากมาย ทำให้เกิดการรบกวนต่าง ๆ นานา 39 00:01:50,136 --> 00:01:51,505 ต่อหินที่มีอายุเก่าแก่พวกนี้ 40 00:01:52,277 --> 00:01:54,946 หน้าส่วนมากถูกทำลาย หลังจากที่ถูกบันทึกได้ไม่นาน 41 00:01:55,410 --> 00:01:57,162 บางหน้าก็ถูกเขียนทับ 42 00:01:57,186 --> 00:02:01,756 ทำให้เกิดหลักฐานที่ยากแก่การแปลรหัส ของภูมิประเทศที่สาบสูญไปเป็นระยะเวลานาน 43 00:02:02,384 --> 00:02:06,525 หน้าที่เราจะพบสัตว์ในอดีตพวกนั้น 44 00:02:07,173 --> 00:02:08,768 ก็ไม่ได้ถูกรักษาไว้อย่างปลอดภัยจริง ๆ 45 00:02:09,410 --> 00:02:12,754 ไม่เหมือนดวงจันทร์ -- ดาวเคราะห์หินที่ไม่มีชีวิต -- 46 00:02:12,778 --> 00:02:16,418 โลกมีชีวิต มีชีพจรของการให้กำเนิด และการทำลาย 47 00:02:16,442 --> 00:02:18,893 ที่ทำให้เกิดกระบวนการสร้างและสลาย ทางธรณีวิทยา 48 00:02:19,864 --> 00:02:22,237 หินทั้งหมดจากดวงจันทร์ที่ถูกนำกลับมา โดยนักบินอวกาศของยานอะพอลโล 49 00:02:22,261 --> 00:02:25,228 มีอายุประมาณเท่ากับ อายุของระบบสุริยะจักรวาล 50 00:02:25,609 --> 00:02:27,849 หินจากดวงจันทร์จะอยู่อย่างนั้นตลอดไป 51 00:02:28,960 --> 00:02:33,086 ในทางกลับกัน หินบนโลก ต้องเผชิญกับภัยอันตรายจากเปลือกโลกที่มีชีวิต 52 00:02:33,110 --> 00:02:34,694 ทั้งหมดจะได้รับผลกระทบจากทำลาย 53 00:02:34,718 --> 00:02:37,544 ผ่านจากการทำให้เปลี่ยนแปลง การบีบอัด 54 00:02:37,568 --> 00:02:40,074 การพับ การฉีก การถูกแผดเผา และการอบด้วยความร้อน 55 00:02:41,140 --> 00:02:46,192 ดังนั้น บันทึกประวัติของโลก จึงไม่สมบูรณ์และยุ่งเหยิง 56 00:02:47,079 --> 00:02:50,694 ห้องสมุดนี้ใหญ่และอลังการ -- 57 00:02:51,964 --> 00:02:53,258 แต่มันหมดสภาพ 58 00:02:54,273 --> 00:02:57,139 และความซับซ้อนที่ขาดรุ่งริ่ง ในบันทึกหินเหล่านี้เอง 59 00:02:57,163 --> 00:03:00,194 ที่บดบังความหมายของมัน จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ 60 00:03:01,031 --> 00:03:03,357 ธรรมชาติไม่ได้ให้บัตรบัญชีรายชื่อ แก่นักธรณีวิทยา -- 61 00:03:03,381 --> 00:03:05,094 เราจำเป็นต้องจัดทำมันขึ้นมา 62 00:03:06,079 --> 00:03:09,710 5,000 ปี หลังจากที่ชาวซูเมอเรียน เรียนรู้วิธีจดบันทึกความคิดของพวกเขา 63 00:03:09,734 --> 00:03:10,886 บนกระดานชนวน 64 00:03:10,910 --> 00:03:13,993 ประวัติศาสตร์โลกยังคงเป็นสิ่งลึกลับสำหรับมนุษย์ 65 00:03:14,495 --> 00:03:16,959 พวกเราไม่มีความรู้ด้านธรณีวิทยา 66 00:03:17,637 --> 00:03:20,819 ไม่เข้าใจในความเก่าแก่ของโลกของเรา 67 00:03:20,843 --> 00:03:22,352 และเขลาต่อความสัมพันธ์ของพวกเรา 68 00:03:22,376 --> 00:03:23,573 กับเวลาอันยาวไกล 69 00:03:25,040 --> 00:03:28,216 จนกระทั่งช่วงต้นศตวรรตที่ 19 70 00:03:28,240 --> 00:03:30,636 ความไม่รู้ของเราถูกกำจัดออกไป 71 00:03:30,660 --> 00:03:35,054 อย่างแรก ด้วยบทความของ เจมส์ ฮัตตัน เรื่อง "ทฤษฎีของโลก" 72 00:03:35,078 --> 00:03:38,950 ในบทความนั้น เขาบอกกับเราว่า มันไม่มีร่องรอยของจุดกำเนิดโลก 73 00:03:38,974 --> 00:03:40,752 และไม่มีการคาดคะเนถึงจุดจบ 74 00:03:41,545 --> 00:03:45,491 และแผนที่เกาะอังกฤษโดยวิลเลียม สมิธ 75 00:03:45,515 --> 00:03:47,700 แผนที่แรกทางธรณีวิทยาระดับประเทศ 76 00:03:47,724 --> 00:03:49,090 ที่ให้ข้อมูลกับเราเป็นครั้งแรก 77 00:03:49,114 --> 00:03:53,042 ถึงรายละเอียดที่คาดคะเนได้ ว่าอาจมีหินประเภทต่าง ๆ อยู่ที่บริเวณไหน 78 00:03:53,504 --> 00:03:55,527 หลังจากนั้น คุณน่าจะบอกได้ว่า 79 00:03:55,551 --> 00:03:58,554 "ถ้าพวกเราไปตรงนั่น พวกเราน่าจะเจอกับยุคจูราสิก" 80 00:03:58,578 --> 00:04:02,329 หรือ "ถ้าพวกเราขึ้นไปบนเขานั่น พวกเราควรจะเจอกับยุคครีเทเชียส" 81 00:04:03,129 --> 00:04:05,984 ดังนั้น ถ้าคุณต้องการหาไทรโลไบท์ 82 00:04:06,008 --> 00:04:08,137 หาแผนที่ทางธรณีวิทยาดี ๆ สักฉบับ 83 00:04:08,161 --> 00:04:10,412 และไปยังที่มีหินในยุคพาเลโอโซอิก 84 00:04:11,023 --> 00:04:13,342 ถ้าคุณต้องการหาไดโนเสาร์อย่างที่ผมทำ 85 00:04:13,366 --> 00:04:16,420 มองหาหินในยุคเมโสโซอิกและไปที่นั่น 86 00:04:17,217 --> 00:04:20,316 แน่นอน คุณจะพบฟอสซิลในหินชั้นเท่านั้น 87 00:04:20,340 --> 00:04:21,989 ซึ่งเป็นหินที่เกิดจากทรายและโคลน 88 00:04:22,489 --> 00:04:23,656 คุณจะไม่พบฟอสซิล 89 00:04:23,680 --> 00:04:27,004 ในหินอัคนีที่เกิดจากแมกม่า อย่างเช่น หินแกรนิต 90 00:04:27,028 --> 00:04:30,090 หรือในหินแปรที่ได้รับความร้อนและหดตัว 91 00:04:30,773 --> 00:04:32,908 และคุณต้องไปที่ทะเลทราย 92 00:04:33,378 --> 00:04:36,459 มันไม่ได้หมายความว่าไดโนเสาร์ อาศัยจำเพาะอยู่แต่ในทะเลทราย 93 00:04:36,483 --> 00:04:38,047 มันอาศัยอยู่ในทุกพี้นที่ 94 00:04:38,071 --> 00:04:40,128 และในทุกสภาพแวดล้อมที่คุณจะคิดออก 95 00:04:40,596 --> 00:04:43,541 คุณต้องไปยังสถานที่ที่เป็นทะเลทรายในปัจจุบัน 96 00:04:43,565 --> 00:04:46,739 ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่มีต้นไม้ปกคลุมหินมากนัก 97 00:04:46,763 --> 00:04:50,643 และที่ที่มีกัดกร่อนจะทำให้กระดูก ปรากฏออกมาบนหน้าหินเสมอ 98 00:04:51,302 --> 00:04:52,835 ดังนั้น ตามหาสามสิ่งนั้น 99 00:04:52,859 --> 00:04:54,414 หินที่มีอายุที่เหมาะสม 100 00:04:54,438 --> 00:04:57,487 ที่ตกตะกอนเป็นชั้นหิน อยู่ในทะเลทราย 101 00:04:57,511 --> 00:04:59,068 และพาตัวคุณไปที่นั่น 102 00:04:59,092 --> 00:05:00,604 และคุณต้องเข้าไปเดินอยู่ที่นั่นจริง ๆ 103 00:05:00,628 --> 00:05:03,216 จนกระทั่งคุณเห็นกระดูกโผล่ออกมาจากหิน 104 00:05:04,562 --> 00:05:07,664 นี่คือรูปที่ผมถ่ายที่พาตาโกเนียทางตอนใต้ 105 00:05:08,347 --> 00:05:11,109 ก้อนกรวดทุกก้อนที่คุณเห็นบนพื้นนั่น 106 00:05:11,133 --> 00:05:12,656 คือชิ้นส่วนกระดูกของไดโนเสาร์ 107 00:05:13,478 --> 00:05:15,344 ดังนั้น เมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่เหมาะสมเช่นนั้น 108 00:05:15,368 --> 00:05:18,122 คำถามไม่ใช่ว่าคุณจะพบฟอสซิลหรือไม่ 109 00:05:18,146 --> 00:05:19,535 คุณกำลังจะพบฟอสซิลแน่นอน 110 00:05:19,559 --> 00:05:23,607 แต่คำถามก็คือ: คุณจะพบบางสิ่ง ที่มีความสำคัญทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ 111 00:05:23,631 --> 00:05:27,601 และเพื่อช่วยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ผมจะเพิ่มเติม ส่วนที่สี่ของสูตรของเราลงไป 112 00:05:27,625 --> 00:05:28,802 ซึ่งนั่นก็คือ 113 00:05:29,431 --> 00:05:32,891 อยู่ให้ไกลจากนักบรรพชีวินวิทยาคนอื่น ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 114 00:05:32,915 --> 00:05:34,886 (เสียงหัวเราะ) 115 00:05:34,910 --> 00:05:37,265 ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบ พวกนักบรรพชีวินวิทยาคนอื่น ๆ นะ 116 00:05:37,289 --> 00:05:39,814 เมื่อคุณไปในที่ที่ยังไม่เคยถูกสำรวจมาก่อน 117 00:05:39,838 --> 00:05:42,652 คุณมีโอกาสที่ดี ที่จะค้นพบไม่เฉพาะแต่ฟอสซิล 118 00:05:42,676 --> 00:05:45,185 แต่ยังมีโอกาสพบกับสิ่งใหม่ ในวงการวิทยาศาสตร์อีกด้วย 119 00:05:45,788 --> 00:05:47,899 นั่นแหละคือสูตรของผมในการหาไดโนเสาร์ 120 00:05:47,923 --> 00:05:49,956 และผมก็ประยุกต์ใช้มันทั่วโลก 121 00:05:49,980 --> 00:05:52,308 ในฤดูร้อน ปี ค.ศ. 2004 122 00:05:52,332 --> 00:05:54,157 ผมไปทางตอนใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ 123 00:05:54,181 --> 00:05:56,298 ไปทางตอนใต้สุดของพาตาโกเนีย อาร์เจนติน่า 124 00:05:56,322 --> 00:05:58,575 ไปตามหาไดโนเสาร์ 125 00:05:58,599 --> 00:06:01,972 มันเป็นสถานที่ ที่มีหินตะกอนในช่วงอายุที่เหมาะสม 126 00:06:01,996 --> 00:06:03,199 อยู่ในทะเลทราย 127 00:06:03,223 --> 00:06:06,485 เป็นสถานที่ที่ได้รับการสำรวจน้อยมาก จากนักบรรพชีวินวิทยา 128 00:06:07,166 --> 00:06:08,469 และพวกเราก็พบกับสิ่งนี้ 129 00:06:09,206 --> 00:06:11,319 นี่คือกระดูกฟีเมอร์ มันเป็นกระดูกต้นขา 130 00:06:11,343 --> 00:06:13,712 ของไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ 131 00:06:13,736 --> 00:06:16,570 กระดูกนั้นมีความกกว้าง 2.2 เมตร 132 00:06:16,594 --> 00:06:18,683 มีความยาวมากกว่าเจ็ดฟุต 133 00:06:19,807 --> 00:06:21,907 แต่ว่าโชคไม่ดีเลย ที่กระดูกนี้แยกออกจากส่วนอื่น ๆ 134 00:06:21,931 --> 00:06:24,970 พวกเราขุด ขุด และก็ขุด แต่ไม่เจอกระดูกอื่นรอบ ๆ เลย 135 00:06:24,994 --> 00:06:27,689 แต่มันทำให้เราอยากกลับไปที่นั่นในปีถัดไป เพื่อที่จะค้นหามัน 136 00:06:27,713 --> 00:06:30,316 และวันแรกของการสำรวจครั้งถัดไปของเรา 137 00:06:30,340 --> 00:06:33,709 ผมเจอสิ่งนี้: กระดูกต้นขาอีกชื้นหนึ่ง กว้าง 2 เมตร 138 00:06:33,733 --> 00:06:35,376 เพียงแต่ว่าครั้งนี้มันไม่ได้อยู่เดี่ยว ๆ 139 00:06:35,400 --> 00:06:38,495 ครั้งนี้มันอยู่ใกล้กับกระดูกอื่น ๆ ของสัตว์กินพืชขนาดใหญ่ 140 00:06:38,519 --> 00:06:40,319 อีก 145 ชิ้น 141 00:06:41,064 --> 00:06:45,160 และหลังจากอีกฤดูกาลของการสำรวจอันโหดร้าย 142 00:06:45,184 --> 00:06:47,136 ความพยายามอุตสาหะของเรามีหน้าตาแบบนี้ 143 00:06:47,597 --> 00:06:51,715 และคุณจะเห็นหางของเจ้ายักษ์ล้อมรอบตัวผม 144 00:06:51,739 --> 00:06:55,291 สัตว์ตัวใหญ่ในหลุมนี้ ไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ 145 00:06:55,315 --> 00:06:59,013 พวกเราเรียกมันว่า "เดรดนอทัส สครานี" 146 00:06:59,513 --> 00:07:02,509 เดรดนอทัส ยาว 85 ฟุต จากปลายจมูกถึงหาง 147 00:07:03,030 --> 00:07:05,708 มันมีความสูงถึงไหล่เท่ากับตึกสองชั้นครึ่ง 148 00:07:06,217 --> 00:07:10,401 และตอนที่มันมีชีวิต มันมีน้ำหนัก 65 ตัน 149 00:07:11,290 --> 00:07:14,872 บางครั้ง มีคนถามผมว่า "เดรดนอทัสตัวใหญ่กว่าทีเร็กซ์หรือเปล่า" 150 00:07:14,896 --> 00:07:17,680 มันมีมวลเป็นแปดหรือเก้าเท่าของทีเร็กซ์ 151 00:07:18,669 --> 00:07:21,709 เอาล่ะ การเป็นนักบรรพชีวินวิทยามันเจ๋งตรงที่ 152 00:07:21,733 --> 00:07:24,502 เมื่อคุณค้นพบสัตว์พันธุ์ใหม่ คุณจะได้ตั้งชื่อให้มัน 153 00:07:24,526 --> 00:07:28,360 และผมก็คิดเสมอว่า มันน่าเสียดาย ที่เจ้าพวกไดโนเสาร์กินพืชพวกนี้ 154 00:07:28,384 --> 00:07:32,863 มักจะถูกมองว่าเป็นกองก้อนเนื้อขนาดใหญ่ 155 00:07:32,887 --> 00:07:34,132 บนพื้นที่แห่งนั้น 156 00:07:34,156 --> 00:07:35,282 (เสียงหัวเราะ) 157 00:07:35,585 --> 00:07:36,884 พวกมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น 158 00:07:36,908 --> 00:07:39,927 สัตว์กินพืชขนาดใหญ่ หวงแหนเขตแดนของมัน -- 159 00:07:39,951 --> 00:07:44,474 คุณไม่อยากจะไปตอแยกับฮิปโป แรด หรือควายน้ำ หรอก 160 00:07:44,871 --> 00:07:49,822 กระทิงที่เยโลสโตนทำร้ายคน มากกว่าที่หมีกริซลีทำซะอีก 161 00:07:49,846 --> 00:07:54,987 คุณนึกภาพของวัวตัวใหญ่ ๆ ออกไหม เดรดนอทัสหนัก 65 ตัน 162 00:07:55,011 --> 00:07:56,714 ในฤดูผสมพันธุ์ 163 00:07:56,738 --> 00:07:58,238 กำลังปกป้องเขตแดนของมัน 164 00:07:58,990 --> 00:08:01,310 สัตว์พวกนั้นคงเป็นสัตว์ที่อันตรายมาก ๆ 165 00:08:01,334 --> 00:08:06,055 เป็นตัวอันตรายของทุกสิ่ง และตัวมันเองคงไม่ต้องกลัวสิ่งใด 166 00:08:06,507 --> 00:08:08,732 ฉะนั้นมันจึงได้ชื่อว่า "เดรดนอทัส" 167 00:08:08,756 --> 00:08:10,457 หรือ "ไม่กลัวสิ่งใด" 168 00:08:12,047 --> 00:08:13,213 เอาล่ะ เพื่อที่จะเติบโต จนมีขนาดใหญ่แบบนี้ 169 00:08:13,237 --> 00:08:15,849 สัตว์อย่างเช่นเดรดนอทัส น่าจะต้องเป็น 170 00:08:15,873 --> 00:08:17,030 ต้นแบบของความมีประสิทธิภาพ 171 00:08:17,054 --> 00:08:20,817 คอและหางที่ยาวของมัน ช่วยระบายความร้อนสู่สิ่งแวดล้อม 172 00:08:20,841 --> 00:08:23,379 เป็นการควบคุมอุณหภูมิร่างกายของมัน ในทางอ้อม 173 00:08:23,403 --> 00:08:26,908 และคอที่ยาวยังทำหน้าที่ในกลไก การหาอาหารอย่างทรงประสิทธิภาพ 174 00:08:26,932 --> 00:08:29,712 เดรดนอทัสสามารถยืนอยู่กับที่ และใช้คอของมัน 175 00:08:29,736 --> 00:08:32,028 จัดการกับพืชรอบ ๆ 176 00:08:32,052 --> 00:08:35,966 ได้รับพลังงานเป็นหมื่น ๆ แคลอรี่ ขณะที่ออกแรงน้อยมาก 177 00:08:36,621 --> 00:08:40,921 และสัตว์พวกนี้ที่มีวิวัฒนาการการเดิน คล้าย ๆ กับหมาบูลด็อกที่มีขาสั้น 178 00:08:40,945 --> 00:08:42,760 ทำให้มันทรงตัวได้ดีมาก 179 00:08:43,625 --> 00:08:47,701 เพราะว่า เมื่อคุณมีน้ำหนัก 65 ตัน เมื่อคุณตัวใหญ่เท่ากับบ้าน 180 00:08:47,725 --> 00:08:49,832 โทษของการล้ม 181 00:08:49,856 --> 00:08:51,013 คือความตาย 182 00:08:51,677 --> 00:08:53,582 ใช่แล้ว สัตว์พวกนี้ใหญ่และแข็งแรง 183 00:08:53,606 --> 00:08:55,383 แต่พวกมันคงจะไม่เสี่ยงกับเรื่องแบบนั้น 184 00:08:55,407 --> 00:08:57,988 เดรดนอทัสล้มลง กระดูกซี่โครงจะหัก และทิ่มปอด 185 00:08:58,012 --> 00:08:59,537 อวัยวะภายในแตก 186 00:08:59,561 --> 00:09:01,347 ถ้าคุณเป็นเดรดนอทัส ที่มีน้ำหนัก 65 ตัน 187 00:09:01,371 --> 00:09:03,948 คุณจะไม่อยากล้ม -- แม้สักครั้งในชีวิต 188 00:09:05,664 --> 00:09:09,230 เอาล่ะ หลังจากที่ร่าง ของเดรดนอทัสนี้ถูกฝัง 189 00:09:09,254 --> 00:09:13,974 และถูกกินเนื้อโดยการกัดกิน ของแบคทีเรีย หนอน และแมลง 190 00:09:13,998 --> 00:09:16,163 กระดูกของมันก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย 191 00:09:16,187 --> 00:09:18,203 มีการแลกเปลี่ยนโมเลกุลกับน้ำใต้ดิน 192 00:09:18,227 --> 00:09:20,845 และกลายเป็นสุสานหินมากขึ้นเรื่อย ๆ 193 00:09:21,603 --> 00:09:23,979 ในขณะที่หินตะกอนที่ทับถมกัน ทีละชั้นทีละชั้น 194 00:09:24,003 --> 00:09:26,829 แรงอัดจากทุกทิศทางก็จะกดเข้าหากัน เหมือนถุงมือหิน 195 00:09:26,853 --> 00:09:32,478 ที่กำกระดูกแต่ละชื้น ไว้อย่างมั่นคงเป็นเวลานาน 196 00:09:33,654 --> 00:09:35,304 และเวลาผ่านไปอีกนาน ... 197 00:09:36,044 --> 00:09:37,273 ไม่มีอะไรไปรบกวนมัน 198 00:09:37,868 --> 00:09:41,186 ยุคแล้วยุคเล่าของการทับถมตะกอน 199 00:09:41,210 --> 00:09:43,154 เหตุการณ์อะไรต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย 200 00:09:43,501 --> 00:09:46,923 หลังจากช่วงเวลานั้น กระดูกก็ยังคงสภาพ และไม่มีความเปลี่ยนแปลง 201 00:09:46,947 --> 00:09:49,310 ในภาวะที่สมดุล 202 00:09:49,334 --> 00:09:51,047 ภายในสุสานหินของมัน 203 00:09:51,995 --> 00:09:54,012 ระหว่างนั้น ประวัติศาสตร์โลก ก็ได้คลี่ตัวออกทางด้านบน 204 00:09:54,036 --> 00:09:56,683 ไดโนเสาร์คงจะอยู่อย่างนั้น ไปอีก 120 ล้านปี 205 00:09:56,707 --> 00:10:00,971 ก่อนที่ความสมดุลของมันจะถูกทำลาย ด้วยเพลิงล้างโลก 206 00:10:01,542 --> 00:10:04,220 ทวีปต่าง ๆ เคลื่อนตัว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมถือกำเนิดขึ้น 207 00:10:04,244 --> 00:10:05,615 ยุคน้ำแข็งก็มาถึง 208 00:10:06,623 --> 00:10:08,870 และต่อมา ในแอฟริกาตะวันออก 209 00:10:08,894 --> 00:10:14,506 ลิงที่ไม่หางที่เกิดขึ้นพัฒนาวิธีแปลก ๆ เกี่ยวกับความรู้สึกนึกความคิด 210 00:10:15,752 --> 00:10:19,204 ไพรเมตสมองใหญ่นี้ ไม่ค่อยเร็วหรือแข็งแรงเท่าไร 211 00:10:20,062 --> 00:10:22,268 แต่พวกมันเป็นเลิศ ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ 212 00:10:22,292 --> 00:10:24,161 และในการย้ายถิ่นฐานตั้งรกราก 213 00:10:24,185 --> 00:10:27,327 ซึ่งทำสถิติการครองเขตแดน ได้เหนือกว่าที่ไดโนเสาร์เคยทำไว้ 214 00:10:27,351 --> 00:10:29,281 พวกมันกระจายไป ทั่วทุกหนทุกแห่งบนโลก 215 00:10:29,305 --> 00:10:32,485 ปรับปรุงทุกระบบนิเวศน์ที่พวกมันพบ 216 00:10:32,509 --> 00:10:35,690 ตลอดเวลานั้น ก็สร้างวัฒนธรรม งานโลหะ และการวาดภาพระบายสี 217 00:10:35,714 --> 00:10:37,056 การเต้น และดนตรี 218 00:10:37,786 --> 00:10:39,000 และวิทยาศาสตร์ 219 00:10:39,793 --> 00:10:44,322 และยานอวกาศที่ถึงจุดหนึ่งสามารถ นำลิงไม่มีหางเจ๋ง ๆ 12 ตัว 220 00:10:44,346 --> 00:10:46,197 ไปยังพื้นผิวดวงจันทร์ 221 00:10:48,900 --> 00:10:52,539 ด้วยโฮโม เซเปียนเจ็ดพันล้านตัว ที่เดินไปเดินมาบนโลก 222 00:10:53,253 --> 00:10:54,470 บางทีมันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ 223 00:10:54,494 --> 00:10:58,532 ที่หนึ่งในจำนวนนั้น จะเคยเหยียบบนสุสานของเจ้ายักษ์นี้ 224 00:10:58,556 --> 00:11:01,508 ที่ถูกฝังอยู่ภายใต้ที่รกร้างว่างเปล่า ทางตอนใต้ของพาตาโกเนีย 225 00:11:02,614 --> 00:11:03,865 ผมเคยเป็นลิงไม่มีหางนั่น 226 00:11:05,038 --> 00:11:07,981 และยืนอยู่ที่นั่น คนเดียวในทะเลทราย 227 00:11:08,640 --> 00:11:09,791 ผมไม่ได้ลืมว่า 228 00:11:09,815 --> 00:11:13,445 โอกาสที่ใครคนหนึ่ง จะได้พบกับหลักฐานฟอสซิลนั้น 229 00:11:13,469 --> 00:11:15,142 มีอยู่น้อยมาก ๆ 230 00:11:16,039 --> 00:11:18,087 แต่โลกของเราก็เก่าแก่มาก 231 00:11:18,111 --> 00:11:22,371 และตลอดกาลเวลาที่ยาวนาน สิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ก็กลับเป็นไปได้ 232 00:11:22,395 --> 00:11:25,086 นั่นคือสิ่งมหัศจรรย์ ของบันทึกทางธรณีวิทยา 233 00:11:25,110 --> 00:11:28,292 ดังนั้น สัตว์จำนวนมากนั้น มีชีวิตและตายบนดาวเคราะห์เก่าแก่นี้ 234 00:11:28,316 --> 00:11:30,243 และทิ้งฟอสซิลเอาไว้เป็นจำนวนมาก 235 00:11:30,267 --> 00:11:31,909 การพบฟอสซิลแต่ละอัน เป็นเหมือนความมหัศจรรย์อันเล็ก ๆ 236 00:11:32,691 --> 00:11:35,224 แต่โดยรวมแล้ว มันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ที่จะไม่พบพวกมัน 237 00:11:36,572 --> 00:11:39,445 หกสิบหกล้านปีก่อน อุกาบาตได้พุ่งชนโลก 238 00:11:39,953 --> 00:11:41,636 และทำลายล้างไดโนเสาร์ 239 00:11:42,771 --> 00:11:44,699 มันอาจจะไม่ง่ายอย่างที่เราคิด 240 00:11:45,312 --> 00:11:48,167 แต่มันเป็นเพียงประวัติศาสตร์เดียว ที่เรารู้ 241 00:11:48,191 --> 00:11:50,467 แต่ความจริงนี้อาจไม่ใช่เรื่อง ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ 242 00:11:50,491 --> 00:11:53,293 การก่อกวนที่เล็กที่สุดของดาวอุกาบาตนั้น ที่อยู่ไกลจากโลก 243 00:11:53,317 --> 00:11:56,318 อาจจะทำให้มันพลาดเป้า ห่างจากโลกของเราไปไกล 244 00:11:56,754 --> 00:12:00,107 ณ จุดเปลี่ยน วันแห่งหายนะฝย ช่วงเวลาที่ไดโนเสาร์ถูกทำลาย 245 00:12:00,131 --> 00:12:03,342 ทำให้เกิดเวทีใหม่บนโลกใหม่ที่เรารู้จัก 246 00:12:03,366 --> 00:12:04,898 ว่ามันไม่จำเป็ฯต้องเป็นอย่างนั้น 247 00:12:04,922 --> 00:12:06,887 มันอาจจะแค่วันหนึ่ง -- 248 00:12:07,443 --> 00:12:08,784 อาจเป็นแค่วันพฤหัสบดีก็ได้ -- 249 00:12:09,856 --> 00:12:14,783 ท่ามกลาง 63 พันล้านวัน ที่มีไดโนเสาร์อยู่บนโลก 250 00:12:15,313 --> 00:12:16,698 แต่ตลอดกาลเวลาทางธรณีวิทยา 251 00:12:16,722 --> 00:12:19,607 สิ่งที่ไม่น่าจะเกิด 252 00:12:19,631 --> 00:12:20,782 ก็ได้เกิดขึ้น 253 00:12:20,806 --> 00:12:23,729 ตลอดระยะทางจากบรรพบุรุษหนอนของเรา จากยุคพาลิโอโซอิก 254 00:12:23,753 --> 00:12:26,156 จนถึงไพรเมตที่แต่งองค์ทรงเครื่อง 255 00:12:26,180 --> 00:12:31,061 ฝูงชนที่นับไม่ถ้วนบนท้องถนน ที่ทำให้พวกเรามีทุกวันนี้ 256 00:12:31,982 --> 00:12:36,074 กระดูกของเดรดนอทัส ที่อยู่ใต้ดินมา 77 ล้านปี 257 00:12:36,899 --> 00:12:38,070 ใครจะไปคิด 258 00:12:38,094 --> 00:12:41,058 ว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หน้าตาคล้ายสัตว์กินแมลงจมูกยาว 259 00:12:41,082 --> 00:12:43,126 ที่แอบอาศัยในยุคของไดโนเสาร์ 260 00:12:43,150 --> 00:12:45,202 จะวิวัฒนาการเป็นสิ่งที่มีชิวิต ที่ความรู้สึกนึกคิด 261 00:12:45,226 --> 00:12:47,582 สามารถจัดจำแนกและเข้าใจ 262 00:12:47,606 --> 00:12:50,613 ไดโนเสาร์ตัวนั้น ที่พวกมันในอดีตเคยกลัวแทบตาย 263 00:12:52,775 --> 00:12:55,798 ผมยืนอยู่ที่ต้นแม่น้ำมิซซูรีอีกครั้ง 264 00:12:57,107 --> 00:12:58,488 และยืนคร่อมมัน 265 00:12:59,123 --> 00:13:01,325 ที่นั้น ไม่มีอะไรนอกจากเสียงน้ำไหลริน 266 00:13:01,349 --> 00:13:05,960 ซึ่งมาจากใต้หินของหินก้อนโต ในทุ่งเลี้ยงสัตว์ 267 00:13:05,984 --> 00:13:07,681 ที่อยู่สูงขึ้นไปในภูเขาบิทเทอร์รูท 268 00:13:08,165 --> 00:13:10,557 ลำธารที่อยู่ถัดไปจากมัน มีความยาวสองสามร้อยหลา 269 00:13:11,407 --> 00:13:12,859 และสิ้นสุดที่บึงเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง 270 00:13:13,970 --> 00:13:16,867 ลำธารสองสายนี้ -- มันดูเหมือน ๆ กัน 271 00:13:17,732 --> 00:13:20,271 แต่ลำธารสายหนึ่ง เป็นสายน้ำที่ไม่มีชื่อ 272 00:13:20,295 --> 00:13:22,564 และอีกสายหนึ่งคือแม่น้ำมิซซูรี 273 00:13:23,667 --> 00:13:27,164 ทีนี้ ลงไปยังปากแม่น้ำมิซซูรี ใกล้กับเซนต์หลุยส์ 274 00:13:27,188 --> 00:13:29,905 มันค่อนข้างชัดเจนว่าแม่น้ำนั้นสำคัญ 275 00:13:30,640 --> 00:13:33,354 ถ้าขึ้นไปตามภูเขาบิทเทอร์รูท และมองลงมาที่แม่น้ำมิซซูรี 276 00:13:33,378 --> 00:13:37,848 และด้วยสายตาของมนุษย์ มันไม่ได้ให้ โอกาสเรามองเห็นสิ่งพิเศษอะไร 277 00:13:39,030 --> 00:13:40,984 ตอนนี้ ย้อนกลับไปที่ยุคครีทาเชียส 278 00:13:41,008 --> 00:13:43,453 และลองพิจารณา บรรพบุรุษตัวเล็ก ๆ มีขนของพวกเรา 279 00:13:43,477 --> 00:13:44,914 คุณคงไม่คิดหรอกว่า 280 00:13:44,938 --> 00:13:47,015 พวกมันจะมีค่าพิเศษอะไร 281 00:13:47,039 --> 00:13:48,687 และพวกมันอาจไม่มีอะไรด้วยซ้ำ 282 00:13:48,711 --> 00:13:50,948 ต่ออุกาบาตน่ารังเกียจที่พุ่งเข้ามานั้น 283 00:13:51,797 --> 00:13:55,158 เอาล่ะ สร้างโลกขึ้นอีกสักพันโลก และระบบสุริยะเจักรวาลอีกพันระบบ 284 00:13:55,182 --> 00:13:56,468 และปล่อยให้มันทำงาน 285 00:13:57,047 --> 00:13:59,201 คุณไม่มีวันจะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน 286 00:13:59,225 --> 00:14:02,630 ไม่ต้องสงสัยเลย โลกเหล่านั้น จะน่าทึ่งอย่างน่าเหลือเชื่อ 287 00:14:02,654 --> 00:14:05,962 แต่มันจะไม่มีทางเป็นโลกของเรา และไม่ประวัติศาสตร์ของเรา 288 00:14:05,986 --> 00:14:08,965 มีประวัติศาสตร์มากมาย ที่เราไม่อาจจะมีได้ 289 00:14:08,989 --> 00:14:11,515 เรามีมันแค่แบบเดียว และว้าว มันเป็นอันที่ดีซะด้วย 290 00:14:11,539 --> 00:14:14,377 ไดโนเสาร์อย่างเดรดนอทัสนั้นมีจริง 291 00:14:15,058 --> 00:14:18,423 สัตว์ประหลาดในทะเล อย่างพวกโมซาซอร์นั้นมีจริง 292 00:14:19,216 --> 00:14:23,312 แมลงปอที่มีปีกกว้างเหมือนปีกเหยี่ยว และแมลงกลม ๆ ที่มีความยาวเท่ารถยนต์ 293 00:14:23,336 --> 00:14:24,899 เคยมีตัวตนอยู่จริง 294 00:14:27,192 --> 00:14:28,795 ทำไมเราต้องศึกษาอดีต 295 00:14:30,652 --> 00:14:32,319 เพราะว่ามันทำให้เรามีทัศนวิสัย 296 00:14:33,065 --> 00:14:34,319 และความนอบน้อมถ่อมตน 297 00:14:34,977 --> 00:14:38,409 ไดโนเสาร์ตายจากเหตุการณ์ การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของโลกครั้งที่ห้า 298 00:14:38,433 --> 00:14:42,201 ถูกกวาดล้างจากเหตุการณ์ทางอวกาศ โดยที่พวกมันไม่ได้ทำผิดอะไร 299 00:14:43,114 --> 00:14:46,573 พวกมันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และพวกมันไม่มีทางเลือก 300 00:14:48,009 --> 00:14:51,475 ในทางกลับกัน พวกเรามีทางเลือก 301 00:14:51,943 --> 00:14:55,934 และธรรมชาติของบันทึกฟอสซิล บอกเราว่าบ้านของเราบนดาวเคราห์นี้ 302 00:14:55,958 --> 00:14:58,757 ทั้งอยู่ในภาวะเสี่ยงและ มีความเป็นไปได้ที่มันจะไม่คงทน 303 00:14:59,127 --> 00:15:02,895 ตอนนี้ เผ่าพันธุ์ของเรา กำลังทำให้ เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ 304 00:15:02,919 --> 00:15:06,502 ด้านธรณีวิทยามากขึ้น ซึ่งผลกระทบ จะกว้างขวางและรุนแรง 305 00:15:06,526 --> 00:15:09,151 มันอาจจะเรียกได้ว่า เป็นเหตุการณ์ การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของโลกครั้งที่หก 306 00:15:10,429 --> 00:15:12,245 สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนไดโนเสาร์ 307 00:15:13,128 --> 00:15:14,619 พวกเราเห็นว่ามันกำลังมาถึง 308 00:15:15,438 --> 00:15:17,111 และไม่เหมือนไดโนเสาร์ 309 00:15:17,708 --> 00:15:19,444 พวกเราสามารถทำอะไรบางอย่างได้ 310 00:15:20,406 --> 00:15:22,815 ทางเลือกนั้นอยู่กับพวกเราแล้ว 311 00:15:23,490 --> 00:15:24,641 ขอบคุณครับ 312 00:15:24,665 --> 00:15:36,763 (เสียงปรบมือ)