1 00:00:00,190 --> 00:00:01,720 โรคติดต่อน่ะหรือครับ 2 00:00:01,720 --> 00:00:03,870 โรคติดต่อยังเป็นสาเหตุหลัก 3 00:00:03,870 --> 00:00:06,197 ของความเจ็บและความตายของคนทั่วโลก 4 00:00:06,197 --> 00:00:11,367 ทุก ๆ ปี คนนับล้านเสียชีวิตจากโรค อย่างเช่น วัณโรค มาลาเรีย เอชไอวี 5 00:00:11,367 --> 00:00:13,713 ทั่วโลก หรือแม้แต่ในสหรัฐเองก็ตาม 6 00:00:13,713 --> 00:00:17,319 คนอเมริกันหลายพันคนเสียชีวิต ด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลทุกปี 7 00:00:17,319 --> 00:00:19,474 แน่นอน มนุษย์นั้นมีความคิดสร้างสรรค์ใช่ไหมครับ 8 00:00:19,474 --> 00:00:22,799 เราคิดค้นหนทางป้องกันจากโรคเหล่านี้ 9 00:00:22,799 --> 00:00:24,104 เรามียาและวัคซีน 10 00:00:24,104 --> 00:00:27,489 เราตื่นตัวเสมอ -- เราเรียนรู้จากประสบการณ์ 11 00:00:27,489 --> 00:00:29,416 และคิดวิธีแก้ไขที่สร้างสรรค์ 12 00:00:29,416 --> 00:00:32,481 เราเคยคิดว่ามีแต่เราที่ทำแบบนี้ได้ แต่ที่จริงแล้ว ไม่ใช่อย่างนั้น 13 00:00:32,481 --> 00:00:34,300 ไม่ได้มีแค่เราที่มีหมอ 14 00:00:34,300 --> 00:00:37,706 ตอนนี้เรารู้แล้วว่า ยังมีสัตว์อีกมากมาย ที่ทำได้อย่างเรา 15 00:00:37,706 --> 00:00:39,330 ที่ขึ้นชื่อที่สุดคงจะเป็นชิมแปนซี 16 00:00:39,330 --> 00:00:40,831 ไม่ได้ต่างกับเราเท่าไหร่ 17 00:00:40,831 --> 00:00:43,696 พวกมันรู้จักใช้พืชจัดการปรสิตในลำไส้ 18 00:00:43,696 --> 00:00:47,143 แต่ในช่วงไม่กี่ศตวรรษมานี้ เราพบว่าสัตว์ชนิดอื่นก็ทำได้เช่นกัน 19 00:00:47,143 --> 00:00:50,522 ช้าง เม่น แกะ แพะ ว่ามาเถอะครับ 20 00:00:50,522 --> 00:00:54,161 และที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ การค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ ได้บอกเราว่า 21 00:00:54,161 --> 00:00:59,603 แมลงและสัตว์เล็ก ๆ ชนิดอื่นที่มี สมองขนาดเล็กก็รู้จักการรักษาเช่นเดียวกัน 22 00:00:59,603 --> 00:01:02,132 อย่างที่ทราบกัน ปัญหาเกี่ยวกับโรคติดต่อ 23 00:01:02,132 --> 00:01:04,081 คือเชื้อโรคมีวิวัฒนาการไปเรื่อย ๆ 24 00:01:04,081 --> 00:01:06,317 และยาหลายตัวที่เราได้พัฒนาไว้ 25 00:01:06,317 --> 00:01:07,976 ก็ด้อยประสิทธิภาพลงเรื่อย ๆ 26 00:01:07,976 --> 00:01:12,209 ดังนั้น เราจึงต้องการวิธีการใหม่ๆ เป็นอย่างมาก ในการที่จะค้นพบยา 27 00:01:12,209 --> 00:01:14,113 ที่สามารถใช้ต่อกรกับโรคต่างๆ 28 00:01:14,113 --> 00:01:16,667 ผมคิดว่า เราควรจะสังเกตสัตว์พวกนี้ 29 00:01:16,667 --> 00:01:19,801 และเราสามารถเรียนรู้จากพวกมันได้ ว่าจะรักษาโรคของเราอย่างไร 30 00:01:20,331 --> 00:01:24,631 ในฐานะนักชีววิทยา ผมได้ศึกษาผีเสื้อจักรพรรดิ มาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา 31 00:01:24,631 --> 00:01:27,999 พวกมันโด่งดังมาก จากการอพยพย้ายถิ่นที่น่าตื่นตา 32 00:01:27,999 --> 00:01:31,109 จากสหรัฐฯ และแคนาดา ลงไปเม็กซิโกทุกปี 33 00:01:31,109 --> 00:01:33,129 ที่ซึ่งพวกมันหลายล้านตัวมาอยู่รวมกัน 34 00:01:33,129 --> 00:01:35,660 แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมเริ่มศึกษาพวกมัน 35 00:01:35,660 --> 00:01:38,051 ผมศึกษาเพราะพวกมันป่วยได้ 36 00:01:38,051 --> 00:01:40,513 ป่วยเหมือนคุณ เหมือนผม 37 00:01:40,513 --> 00:01:43,200 และผมคิดว่าสิ่งที่พวกมันทำ บอกเราเกี่ยวกับยา 38 00:01:43,200 --> 00:01:45,412 ที่เราสามารถพัฒนาเพื่อใช้กับคนได้ 39 00:01:45,412 --> 00:01:47,847 ทีนี้ปรสิตของผีเสื้อจักรพรรดิ 40 00:01:47,847 --> 00:01:51,726 มีชื่อว่า ไฟริโอซิสทิส อีเลคโทรชิเรีย (ophryocystis elektroscirrha) 41 00:01:51,726 --> 00:01:53,492 ปรสิตพวกนี้สร้างสปอร์ 42 00:01:53,492 --> 00:01:55,884 เป็นล้าน ๆ ด้านนอกตัวผีเสื้อ 43 00:01:55,884 --> 00:01:59,261 ซึ่งจะเห็นเป็นจุดเล็ก ๆ ระหว่างเกล็ดผีเสื้อ 44 00:01:59,261 --> 00:02:01,619 และมันก็ส่งผลร้ายแรงมากต่อผีเสื้อ 45 00:02:01,619 --> 00:02:03,267 มันทำให้อายุของผีเสื้อสั้นลง 46 00:02:03,267 --> 00:02:05,372 มันลดความสามารถในการบินของผีเสื้อ 47 00:02:05,372 --> 00:02:07,879 มันสามารถฆ่าผีเสื้อ ก่อนที่พวกมันจะเป็นเต็มวัยเสียอีก 48 00:02:07,879 --> 00:02:09,760 เป็นปรสิตที่ร้ายแรงมาก 49 00:02:09,760 --> 00:02:13,916 ในงานผมส่วนหนึ่งของผม ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปกับการปลูกพืชในเรือนกระจก 50 00:02:13,916 --> 00:02:17,469 ด้วยเหตุผลที่ว่า ผีเสื้อจักพรรดิเรื่องมากเรื่องการกิน 51 00:02:17,469 --> 00:02:19,464 ตัวอ่อนจะกินแต่ต้นมิลก์วีด (milkweed) 52 00:02:19,464 --> 00:02:22,549 โชคดีที่มันกินมิลก์วีดได้หลายสปีชีส์ 53 00:02:22,549 --> 00:02:24,905 มิลก์วีดเหล่านี้ มีสารคาร์เดโนไลต์ (cardenolides) อยู่ 54 00:02:24,905 --> 00:02:28,269 สารเคมีกลุ่มนี้มีพิษ 55 00:02:28,269 --> 00:02:29,094 พวกมันเป็นพิษต่อสัตว์ส่วนมาก แต่ไม่ใช่กับผีเสื้อจักรพรรดิ 56 00:02:29,094 --> 00:02:31,316 จริง ๆ แล้ว พวกมันสามารถรับสารนี้ 57 00:02:31,316 --> 00:02:33,724 นำเข้าไปในร่างกายได้ ทำให้ตัวเป็นพิษ 58 00:02:33,724 --> 00:02:36,003 ต่อสัตว์นักล่าของพวกมันอย่างพวกนก 59 00:02:36,003 --> 00:02:38,377 และจากนั้น พวกมันก็ป่าวประกาศความเป็นพิษนี้ 60 00:02:38,377 --> 00:02:40,398 ผ่านลวดลายสีสวย ๆ แทนคำเตือน 61 00:02:40,398 --> 00:02:42,476 ที่มีสีส้ม ดำ และขาว 62 00:02:42,476 --> 00:02:47,278 สิ่งที่ผมทำระหว่างงานคือการปลูกพืชในเรือนกระจก 63 00:02:47,278 --> 00:02:48,094 พืชหลายชนิด มิลก์วีดหลายชนิด 64 00:02:48,094 --> 00:02:50,848 บางชนิดมีพิษ เช่น มิลก์วีดเขตร้อน 65 00:02:50,848 --> 00:02:54,137 ที่มีความเข้มข้นของคาร์เดโนไลต์สูง 66 00:02:54,137 --> 00:02:55,315 และบางชนิดไม่มีพิษ 67 00:02:55,315 --> 00:02:57,635 จากนั้นผมใข้พืชพวกนี้เลี้ยงผีเสื้อ 68 00:02:57,635 --> 00:03:00,258 ผีเสื้อจักรพรรดิบางตัวสุขภาพดี พวกมันไม่มีโรคเลย 69 00:03:00,258 --> 00:03:02,033 แต่ผีเสื้อบางตัวก็ป่วย 70 00:03:02,033 --> 00:03:05,056 และผมก็พบว่า มิลก์วีดบางชนิดมีฤทธิ์เป็นยาได้ 71 00:03:05,056 --> 00:03:08,293 ซึ่งหมายความว่ามันลดอาการของโรค ในผีเสื้อจักรพรรดิได้ 72 00:03:08,293 --> 00:03:11,410 นั่นหมายถึง ผีเสื้อที่ติดเชื้อจะอายุยืนยาวขึ้น 73 00:03:11,410 --> 00:03:13,324 เมื่อมันได้กินพืชที่มีฤทธิ์ทางยา 74 00:03:13,324 --> 00:03:16,035 พอเจออย่างนี้เข้า ผมก็ได้ความคิดขึ้นมา 75 00:03:16,035 --> 00:03:18,343 เป็นความคิดที่หลายคนบอกว่าบ้า 76 00:03:18,343 --> 00:03:20,817 แต่ผมคิดว่า ถ้าผีเสื้อพวกนี้ใช้นี่ได้ล่ะ 77 00:03:20,817 --> 00:03:23,876 ถ้าหากพวกมันใช้พืชพวกนี้ เป็นยารักษาโรคในแบบของมันล่ะ 78 00:03:23,876 --> 00:03:26,478 ถ้าพวกมันมีบทบาทเป็นหมอได้ล่ะ 79 00:03:26,828 --> 00:03:28,854 ดังนั้น ผมและคณะก็เริ่มทำการทดลอง 80 00:03:28,854 --> 00:03:30,655 ในการทดลองรูปแบบแรก ๆ 81 00:03:30,655 --> 00:03:32,825 เราให้หนอนผีเสื้อเลือกว่า 82 00:03:32,825 --> 00:03:35,566 จะกินมิลก์วีดที่เป็นยา หรือมิลก์วีดที่ไม่ใช่ยา 83 00:03:35,566 --> 00:03:39,186 ดูปริมาณมิลก์วีดแต่ละชนิด ที่มันกินตลอดชีวิตของมัน 84 00:03:39,186 --> 00:03:42,200 และผลที่ได้นั้นน่าเบื่อ ตามแบบปกติในวิทยาศาสตร์ 85 00:03:42,200 --> 00:03:46,451 ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของอาหารเป็นมิลก์วีดยา ส่วนอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่ 86 00:03:46,451 --> 00:03:49,721 พวกหนอนไม่ได้ทำอะไร เพื่อสวัสดิภาพของตัวเองเลย 87 00:03:50,611 --> 00:03:52,686 เราก็เลยมาดูผีเสื้อตัวเต็มวัยแทน 88 00:03:52,686 --> 00:03:54,577 และเราก็เริ่มตั้งคำถาม 89 00:03:54,577 --> 00:03:57,735 ว่าเป็นตัวแม่รึเปล่า ที่ใช้การรักษาลูกของพวกมัน 90 00:03:57,735 --> 00:04:00,509 ตัวแม่สามารถวางไข่บนมิลก์วีดที่เป็นยา 91 00:04:00,509 --> 00:04:03,708 ทำให้ลูกในอนาคตป่วยน้อยลงได้หรือเปล่า 92 00:04:03,708 --> 00:04:06,236 เราทำการทดลองนี้มาหลายปี 93 00:04:06,236 --> 00:04:08,024 และได้ผลอย่างเดิมตลอด 94 00:04:08,024 --> 00:04:10,186 สิ่งที่เราทำก็คือ เราเอาผีเสื้อจักรพรรดิ์ใส่ในกรงใหญ่ 95 00:04:10,186 --> 00:04:13,669 วางมิลก์วีดที่เป็นยาไว้ฝั่งหนึ่ง มิลก์วีดปกติไว้อีกฝั่ง 96 00:04:13,669 --> 00:04:18,245 จากนั้นเรานับจำนวนไข่ ที่ผีเสื้อจักรพรรดิวางบนแต่ละต้น 97 00:04:18,245 --> 00:04:21,354 และเมื่อเราทำอย่างนั้น ผลก็ออกมาเหมือนกันทุกครั้ง 98 00:04:21,354 --> 00:04:24,947 ผีเสื้อจักรพรรดิชอบวางไข่ บนต้นที่เป็นยามากกว่า 99 00:04:24,947 --> 00:04:27,048 พูดให้ชัดเจนคือ ตัวเมียพวกนี้ 100 00:04:27,048 --> 00:04:30,392 วางไข่ 68 เปอร์เซ็นต์บนมิลก์วีดที่เป็นยา 101 00:04:30,392 --> 00:04:34,612 ที่น่าสนใจมาก ๆ คือ พวกมันต้องแพร่ปรสิตไปยังลูก 102 00:04:34,612 --> 00:04:36,077 เมื่อมันวางไข่ 103 00:04:36,077 --> 00:04:37,512 พวกมันป้องกันไม่ได้ 104 00:04:37,512 --> 00:04:39,443 แล้วพวกมันก็ยังรักษาตัวเองไม่ได้ด้วย 105 00:04:39,443 --> 00:04:41,680 แต่การทดลองพวกนี้บอกเราว่า 106 00:04:41,680 --> 00:04:46,509 ผีเสื้อจักรพรรดิตัวแม่พวกนี้ สามารถวางไข่บนมิลก์วีดที่เป็นยา 107 00:04:46,509 --> 00:04:49,148 ที่จะทำให้ลูก ๆ มันป่วยน้อยลงได้ 108 00:04:51,058 --> 00:04:53,581 ผมคิดว่า การค้นพบนี้สำคัญมาก 109 00:04:53,581 --> 00:04:56,415 ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็น ความเจ๋งของธรรมชาติ 110 00:04:56,415 --> 00:05:00,101 แต่เพราะมันอาจช่วยบอกเราว่า เราควรหายาอย่างไร 111 00:05:00,101 --> 00:05:02,101 สัตว์พวกนี้ตัวเล็กมาก ๆ 112 00:05:02,101 --> 00:05:04,200 และเรามักคิดว่ามันไม่ซับซ้อน 113 00:05:04,200 --> 00:05:05,757 พวกมันมีสมองเล็กนิดเดียว 114 00:05:05,757 --> 00:05:08,181 แต่กลับมีวิธีการรักษาพยาบาลที่ซับซ้อนได้ 115 00:05:08,811 --> 00:05:11,389 ทุกวันนี้ เรารู้ว่ายาส่วนใหญ่ของเรา 116 00:05:11,389 --> 00:05:14,148 ก็มาจากผลผลิตธรรมชาติ รวมถึงพวกพืชด้วย 117 00:05:14,148 --> 00:05:15,760 ในวัฒนธรรมชนเผ่าเอง 118 00:05:15,760 --> 00:05:18,595 หมอพื้นบ้านจะสังเกตสัตว์เพื่อหายาใหม่ ๆ 119 00:05:18,595 --> 00:05:22,002 ด้วยวิธีการนี้ ช้างได้บอกกับเรา ถึงวิธีรักษาอาการท้องไส้ปั่นป่วน 120 00:05:22,002 --> 00:05:25,291 และเม่นก็ได้บอกกับคน ถึงวิธีรักษาอาการถ่ายเป็นเลือด 121 00:05:25,291 --> 00:05:27,946 ผมคิดว่าที่สำคัญคือ การก้าวให้ไกล 122 00:05:27,946 --> 00:05:32,734 กว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสมองใหญ่ และเชื่อถือสัตว์เรียบง่ายพวกนี้ 123 00:05:32,734 --> 00:05:34,656 แมลงพวกนี้ที่เรามักจะคิดว่า 124 00:05:34,656 --> 00:05:37,905 เป็นสัตว์ที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และมีสมองเล็ก 125 00:05:37,905 --> 00:05:41,876 การค้นพบว่าสัตว์เหล่านี้รู้วิธีการรักษา 126 00:05:41,876 --> 00:05:44,355 ได้เปิดพื้นที่ใหม่ ๆ ให้กับเรา 127 00:05:44,355 --> 00:05:49,069 และผมคิดว่า สักวันหนึ่ง เราอาจรักษาโรคของมนุษย์ 128 00:05:49,069 --> 00:05:52,178 ด้วยยาที่ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกโดยผีเสื้อ 129 00:05:52,178 --> 00:05:56,153 และผมเห็นว่า นี่เป็นโอกาสยอดเยี่ยม ที่คุ้มค่าที่จะลอง 130 00:05:56,153 --> 00:05:57,406 ขอบคุณครับ 131 00:05:57,406 --> 00:06:02,858 (เสียงปรบมือ)