1 00:00:04,831 --> 00:00:08,237 จอห์นและชาร์ลอต บลอนสกีส์ ผู้ซึ่ง 2 00:00:08,237 --> 00:00:11,609 เป็นคู่สมรสที่อาศัยอยู่ที่ บรอนซ์ ในนิวยอร์ค ซิตี้ 3 00:00:11,609 --> 00:00:12,854 สร้างอะไรบางอย่าง 4 00:00:12,854 --> 00:00:16,833 พวกเขาได้สิทธิบัตรในปี 1965 สำหรับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า 5 00:00:16,833 --> 00:00:22,508 "อุปกรณ์สำหรับช่วยผู้หญิงในการคลอด" 6 00:00:22,508 --> 00:00:26,438 อุปกรณ์นี้ประกอบด้วยโต๊ะกลมขนาดใหญ่ 7 00:00:26,438 --> 00:00:28,191 และส่วนกลไก 8 00:00:28,191 --> 00:00:31,400 เมื่อผู้หญิงพร้อมที่จะคลอดลูก 9 00:00:31,400 --> 00:00:32,801 เธอนอนหงาย 10 00:00:32,801 --> 00:00:35,232 เธอถูกตรึงไว้กับโต๊ะ 11 00:00:35,232 --> 00:00:38,311 และโต๊ะก็ถูกหมุนด้วยความเร็วสูง 12 00:00:38,311 --> 00:00:41,736 เด็กก็จะลอยออกมา 13 00:00:41,736 --> 00:00:48,767 ด้วยแรงสู่ศูนย์กลาง 14 00:00:49,717 --> 00:00:54,246 ถ้าคุณดูที่สิทธิบัตรนี้ดีๆ 15 00:00:54,246 --> 00:00:58,115 โดยเฉพาะถ้าคุณมีพื้นฐานทางวิศวกรรม หรือมีพรสวรรค์แล้วล่ะก็ 16 00:00:58,115 --> 00:00:59,574 คุณอาจคิดว่าคุณเห็น 17 00:00:59,574 --> 00:01:06,261 หนึ่งหรือสองจุดที่ซึ่งการออกแบบนั้น ไม่คอยจะสมบูรณ์เท่าไหร่ (เสียงหัวเราะ) 18 00:01:06,261 --> 00:01:09,030 คุณหมอ ไอวาน ชเวป ในแคลิฟอเนีย 19 00:01:09,030 --> 00:01:10,984 เป็นคนหนึ่ง ที่เป็นตัวตั้งตัวตี 20 00:01:10,984 --> 00:01:12,570 ในการช่วยตอบคำถามว่า 21 00:01:12,570 --> 00:01:18,281 "ทำไมนกหัวขวานไม่ปวดหัว" 22 00:01:18,281 --> 00:01:19,498 คำตอบสำหรับคำถามนี้คือ 23 00:01:19,498 --> 00:01:21,722 เพราะสมองของพวกมัน 24 00:01:21,722 --> 00:01:23,493 ถูกบรรจุอยู่ในกระโหลก 25 00:01:23,493 --> 00:01:25,993 ในแบบที่แตกต่าง 26 00:01:25,993 --> 00:01:28,497 จากสมองของเรา เราที่เป็นมนุษย์ 27 00:01:28,497 --> 00:01:32,456 จริงอยู่ มีสมองที่ถูกบรรจุเอาไว้ 28 00:01:32,456 --> 00:01:34,839 นกหัวขวาน ตามปกติพวกมัน 29 00:01:34,839 --> 00:01:37,027 จะจิก พวกมันจะโขกหัว 30 00:01:37,027 --> 00:01:42,318 กับชิ้นไม้เป็นพันๆ ครั้งต่อวัน ทุกวัน 31 00:01:42,318 --> 00:01:44,231 เท่าที่ใครสักคนจะทราบ 32 00:01:44,231 --> 00:01:45,437 นั่นไม่ได้กวนใจอะไรมันสักนิด 33 00:01:45,437 --> 00:01:47,703 มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน 34 00:01:47,703 --> 00:01:50,629 สมองของพวกมันไม่ได้กระเฉาะไปมาอย่างของเรา 35 00:01:50,629 --> 00:01:53,341 สมองของพวกมันถูกบรรจุได้ไว้อย่างแน่นหนามาก 36 00:01:53,341 --> 00:01:56,197 อย่างน้อยก็สำหรับการอัดที่มาจากข้างหน้า 37 00:01:56,197 --> 00:01:58,140 มีไม่กี่คนที่ให้ความสนใจ 38 00:01:58,140 --> 00:02:01,224 กับการวิจัยนี้จนกระทั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมา 39 00:02:01,224 --> 00:02:03,839 โดยเฉพาะในประเทศนี้ 40 00:02:03,839 --> 00:02:05,227 เมื่อคนสงสัยเกี่ยวกับว่า 41 00:02:05,227 --> 00:02:07,422 มันเกิดอะไรขึ้นกับสมองของนักฟุตบอล 42 00:02:07,422 --> 00:02:10,150 ที่เอาหัวโขกกันซ้ำๆ 43 00:02:10,150 --> 00:02:15,218 และนกหัวขวานอาจเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น 44 00:02:15,218 --> 00:02:17,311 มีเอกสารถูกตีพิมพ์ 45 00:02:17,311 --> 00:02:19,056 ในวารสารทางการแพทย์ เดอะ แลนเซท (The Lancet) 46 00:02:19,056 --> 00:02:20,486 ในอังกฤษไม่กี่ปีก่อน ชื่อว่า 47 00:02:20,486 --> 00:02:27,903 "ชายผู้ซึ่งแทงนิ้วตัวเอง และดมกลิ่นเน่าๆ เป็นเวลา 5 ปี" 48 00:02:27,903 --> 00:02:29,711 ดร. คาโรไลน์ มิลส์ และคณะ 49 00:02:29,711 --> 00:02:33,810 รับคนไข้คนนี้ และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี 50 00:02:33,810 --> 00:02:35,670 นิ้วของชายคนนี้ถูกบาด 51 00:02:35,670 --> 00:02:39,143 เขาทำงานในการแปรรูปไก่ 52 00:02:39,143 --> 00:02:41,579 และหลังจากที่เขาเริ่มมีกลิ่นแย่ๆ 53 00:02:41,579 --> 00:02:42,798 จนเมื่อเขาเข้าไปในห้อง 54 00:02:42,798 --> 00:02:44,115 กับหมอและพยาบาล 55 00:02:44,115 --> 00:02:46,874 พวกเขาทนอยู่ร่วมกับชายคนนี้ไม่ได้ 56 00:02:46,874 --> 00:02:48,675 มันสุดจะทานทน 57 00:02:48,675 --> 00:02:50,174 พวกเขาลองใช้ยาทุกอย่าง 58 00:02:50,174 --> 00:02:51,992 ทุกการรักษาที่คิดออก 59 00:02:51,992 --> 00:02:54,223 หนึ่งปีหลังจากนั้น เขายังคงมีกลิ่นเน่า 60 00:02:54,223 --> 00:02:56,032 สองปีหลังจากนั้น ก็มีกลิ่นเหม็นเน่า 61 00:02:56,032 --> 00:02:59,262 สามปี สี่ปี ก็ยังมีกลิ่มเน่า 62 00:02:59,262 --> 00:03:02,299 หลังจากห้าปี กลิ่นก็หายไปเองของมัน 63 00:03:02,299 --> 00:03:05,998 มันเป็นปริศนา 64 00:03:05,998 --> 00:03:08,347 ในนิวซีแลนด์ ดร.ลินน์ เพอร์คิน 65 00:03:08,347 --> 00:03:13,909 และคณะ ได้ทดสอบประเพณีเก่าแก่ ในเมืองของเธอ 66 00:03:13,909 --> 00:03:16,636 พวกเขาอยู่ในเมืองที่มีภูเขาขนาดใหญ่ 67 00:03:16,636 --> 00:03:18,255 เขาแบบในซานฟรานซิสโก 68 00:03:18,255 --> 00:03:20,372 และในฤดูหนาวที่นั่น มันก็หนาวมาก 69 00:03:20,372 --> 00:03:21,556 และมีน้ำแข็งเต็มไปหมด 70 00:03:21,556 --> 00:03:23,150 มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากมาย 71 00:03:23,150 --> 00:03:25,415 ประเพณีที่พวกเขาทดสอบ 72 00:03:25,415 --> 00:03:27,047 ทดสอบโดยขอให้ผู้คน 73 00:03:27,047 --> 00:03:29,446 ผู้ที่กำลังเดินทางไปทำงานในตอนเช้า 74 00:03:29,446 --> 00:03:31,389 ให้หยุดและลองทำอะไรบางอย่าง 75 00:03:31,389 --> 00:03:33,392 ลองหนึ่งในสองข้อกำหนด 76 00:03:33,392 --> 00:03:36,145 ประเพณีก็คือ ในฤดูหนาว 77 00:03:36,145 --> 00:03:40,861 ในเมืองนั้น คุณสวมถุงเท้า ไว้ข้างนอกรองเท้าบูท 78 00:03:40,861 --> 00:03:44,260 และที่พวกเขาค้นพบโดยการทดลองคือ 79 00:03:44,260 --> 00:03:46,429 และมันก็ค่อนข้างชัดเจนเมื่อพวกเขามองมัน 80 00:03:46,429 --> 00:03:47,844 มันเป็นจริงหรือไม่ 81 00:03:47,844 --> 00:03:51,163 ถ้าคุณสวมถุงเท้าไว้ข้างนอก แทนที่จะเป็นข้างใน 82 00:03:51,163 --> 00:03:56,516 คุณจะมีโอกาสรอดและไม่ลื่นหกล้ม มากกว่า 83 00:03:56,516 --> 00:04:01,894 ทีนี้ ผมหวังว่าคุณจะเห็นด้วยกับผม ว่าสิ่งเหล่านี้ 84 00:04:01,894 --> 00:04:04,109 ที่ผมบรรยายให้คุณฟัง 85 00:04:04,109 --> 00:04:10,289 แต่ละเรื่อง สมควรได้รับรางวัลอะไรสักอย่าง (เสียงหัวเราะ) 86 00:04:10,289 --> 00:04:11,924 และนั่นเป็นเหตุว่าทำไมพวกเขาจึงได้ 87 00:04:11,924 --> 00:04:15,199 พวกเขาแต่ละคนได้รับรางวัลอิ๊กโนเบล (Ig Nobel prize) 88 00:04:15,199 --> 00:04:19,191 ในปี 1991 ผมกับคนอื่นๆ 89 00:04:19,191 --> 00:04:22,094 ริเริ่มงานประกาศรางวัลอิ๊กโนเบล 90 00:04:22,094 --> 00:04:25,026 ทุกปี เรามอบรางวัล 10 รางวัล 91 00:04:25,026 --> 00:04:32,009 รางวัลพวกนี้ขึ้นอยู่กับแค่เกณฑ์เดียว มันง่ายมากครับ 92 00:04:32,009 --> 00:04:37,993 ซึ่งก็คือ คุณได้ทำอะไรสักอย่าง ที่ทำให้คนขำ แล้วก็ฉุดคิด 93 00:04:37,993 --> 00:04:41,837 สิ่งที่คุณได้ทำทำให้คนขำ แล้วก็ฉุดคิด 94 00:04:41,837 --> 00:04:43,845 ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันมีอะไรบางอย่าง 95 00:04:43,845 --> 00:04:46,582 ที่เมื่อคนเผชิญกับมันตอนแรก 96 00:04:46,582 --> 00:04:49,893 การตอบสนองเดียวของพวกเขาคือขำ 97 00:04:49,893 --> 00:04:51,816 และจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ 98 00:04:51,816 --> 00:04:53,507 มันยังคงวนอยู่ในหัวของพวกเขา 99 00:04:53,507 --> 00:04:56,267 และที่พวกเขาอยากจะทำก็คือ เล่าให้เพื่อนๆ ฟัง 100 00:04:56,267 --> 00:04:58,465 นั่นเป็นคุณสมบัติที่เรามองหา 101 00:04:58,465 --> 00:05:01,250 ทุกปี เราเข้าไปยังเพื่อนบ้าน 102 00:05:01,250 --> 00:05:05,692 ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อใหม่ราว 9,000 ราย สำหรับอิ๊กโนเบล 103 00:05:05,692 --> 00:05:08,521 แน่ละ ระหว่าง 10 เปอร์เซ็นต์ 104 00:05:08,521 --> 00:05:11,004 และ 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ได้รับการเสนอขื่อ 105 00:05:11,004 --> 00:05:14,914 คือคนที่เสนอชื่อตัวเอง 106 00:05:14,914 --> 00:05:18,881 คนที่เสนอตัวเองเหล่านั้นแทบจะไม่เคยชนะ 107 00:05:18,881 --> 00:05:23,200 ตามตัวเลขแล้ว มันยากมาก ที่คุณจะชนะรางวัล ถ้าคุณอยากได้มัน 108 00:05:23,200 --> 00:05:25,045 แม้ว่าคุณจะไม่ต้องการ 109 00:05:25,045 --> 00:05:27,761 มันก็ยากมากๆ ในทางสถิติ 110 00:05:27,761 --> 00:05:31,411 คุณควรรู้ไว้ว่าเมื่อเราเลือกใครสักคน 111 00:05:31,411 --> 00:05:32,683 ให้ชนะรางวัลอิ๊กโนเบล 112 00:05:32,683 --> 00:05:36,259 พวกเราติดต่อกับคนคนนั้นอย่างเงียบๆ 113 00:05:36,259 --> 00:05:38,820 พวกเราให้โอกาสพวกเขาในการปฏิเสธ 114 00:05:38,820 --> 00:05:42,202 เกียรติอันยิ่งใหญ่นี้ ถ้าพวกเขาต้องการ 115 00:05:42,202 --> 00:05:45,526 พวกเรายินดีมาก ที่แทบจะทุกคนที่ได้รับเสนอรางวัล 116 00:05:45,526 --> 00:05:49,035 ตัดสินใจที่จะรับรางวัล 117 00:05:49,035 --> 00:05:51,976 คุณจะได้อะไรถ้าคุณชนะรางวัลอิ๊กโนเบล 118 00:05:51,976 --> 00:05:53,553 คุณจะได้สองสามอย่างครับ 119 00:05:53,553 --> 00:05:57,083 คุณได้รางวัลอิ๊กโนเบล 120 00:05:57,083 --> 00:05:59,414 การออกแบบนั้นจะแตกต่างกันไปทุกปี 121 00:05:59,414 --> 00:06:04,220 มันจะเป็นงานทำมือจากวัสดุราคาถูกๆ เสมอ 122 00:06:04,220 --> 00:06:05,881 คุณกำลังมองภาพ 123 00:06:05,881 --> 00:06:09,910 ของรางวัลที่เราให้เมื่อปีที่แล้ว 2013 124 00:06:09,910 --> 00:06:11,946 รางวัลทั่วไปในโลกนี้ยังให้เงิน 125 00:06:11,946 --> 00:06:16,644 กับผู้ชนะอีกด้วย 126 00:06:16,644 --> 00:06:17,707 เราไม่มีเงิน 127 00:06:17,707 --> 00:06:19,218 เราก็เลยให้พวกเขาไม่ได้ 128 00:06:19,218 --> 00:06:22,094 อันที่จริง ผู้ชนะต้องจ่ายค่าเดินทางเอง 129 00:06:22,094 --> 00:06:24,898 เพื่อมารับรางวัลอิ๊กโนเบล 130 00:06:24,898 --> 00:06:26,761 ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำกัน 131 00:06:26,761 --> 00:06:29,754 ปีที่แล้ว เราได้เงินมา 132 00:06:29,754 --> 00:06:34,265 ปีที่แล้วผู้ชนะรางวัลอิ๊กโนเบลทุก 10 คน 133 00:06:34,265 --> 00:06:40,043 จะได้รับเงิน 10 ล้านล้านดอลลาร์ 134 00:06:40,043 --> 00:06:45,476 10 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์ซิมบับเวย์น่ะครับ (เสียงหัวเราะ) 135 00:06:45,476 --> 00:06:48,300 คุณอาจจำได้ว่าซิมบับเวย์ต้องผจญภัยนิดหน่อย 136 00:06:48,300 --> 00:06:50,895 เป็นเวลาสองสามปีกับภาวะเงินเฟ้อ 137 00:06:50,895 --> 00:06:52,515 พวกเขาพิมพ์ธนบัตร 138 00:06:52,515 --> 00:06:56,371 ที่มีหน่วยเงินใหญ่มากถึง 100 ล้านล้านดอลล่าร์ 139 00:06:56,371 --> 00:06:59,156 ชายผู้รับผิดชอบดูแลแบงค์ชาติ 140 00:06:59,156 --> 00:07:01,929 เขาชนะรางวัลอิ๊กโนเบลสาขาคณิตศาสตร์ด้วย 141 00:07:01,929 --> 00:07:03,681 อีกอย่างที่คุณได้ คือคำเชิญ 142 00:07:03,681 --> 00:07:05,184 ให้มางานประกาศรางวัล 143 00:07:05,184 --> 00:07:06,926 ซึ่งมีขึ้นที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาด 144 00:07:06,926 --> 00:07:08,061 และเมื่อคุณไปที่นั่น 145 00:07:08,061 --> 00:07:10,778 คุณจะไปที่ที่ชุมนุมที่ใหญ่ทึ่สุดของฮาวาร์ด 146 00:07:10,778 --> 00:07:12,063 มันจุคนได้ 1,100 คน 147 00:07:12,063 --> 00:07:13,189 คนที่แน่นเป็นแผง 148 00:07:13,189 --> 00:07:14,020 ยาวไปจนถึงเวที 149 00:07:14,020 --> 00:07:15,814 รอที่จะได้สัมผัสมือคุณ 150 00:07:15,814 --> 00:07:18,086 รอที่จะได้มอบรางวัลอิ๊กโนเบลให้กับคุณ 151 00:07:18,086 --> 00:07:20,735 คือผู้ชนะรางวัลโนเบล 152 00:07:20,735 --> 00:07:22,034 มันเป็นหัวใจของงานประกาศรางวัล 153 00:07:22,034 --> 00:07:24,184 ชื่อผู้ชนะถูกเก็บเป็นความลับจนถึงวินาทีนี้น 154 00:07:24,184 --> 00:07:26,611 แม้แต่ผู้ได้รับรางวัลโนเบลที่มาจับมือด้วย 155 00:07:26,611 --> 00:07:29,854 ก็ไม่รู้ว่าผู้ชนะเป็นใครจนกว่าจะมีการประกาศ 156 00:07:29,854 --> 00:07:32,974 ผมจะบอกคุณเกี่ยวกับ 157 00:07:32,974 --> 00:07:36,028 รางวัลสองสามอย่างที่เราให้ ที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ 158 00:07:36,028 --> 00:07:38,284 จำไว้นะครับว่าเราให้ 230 รางวัล 159 00:07:38,284 --> 00:07:40,578 มีคนมากมายเหล่านี้ที่ปะปนอยู่กับคุณ 160 00:07:40,578 --> 00:07:42,698 บางทีคุณอาจเป็นหนึ่งในนั้น 161 00:07:42,698 --> 00:07:44,842 เอกสารวิชาการที่ตีพิมพ์ ประมาณ 30 ปีก่อน 162 00:07:44,842 --> 00:07:47,352 มีชื่อว่า "การบาดเจ็บอันเนื่องมาจากมะพร้าวตกใส่" 163 00:07:47,352 --> 00:07:49,307 เขียนโดย ดร. ปีเตอร์ บาส์ 164 00:07:49,307 --> 00:07:51,518 ชาวแคนาดา 165 00:07:51,518 --> 00:07:53,704 ดร. บาส์ มางานประกาศรางวัล 166 00:07:53,704 --> 00:07:55,571 และอธิบายว่าตอนที่เขาเป็นหมอหนุ่ม 167 00:07:55,571 --> 00:07:57,052 เขาต้องการที่จะเห็นโลกกว้าง 168 00:07:57,052 --> 00:07:59,341 เขาจึงไปที่ปาปัวนิวกินี 169 00:07:59,341 --> 00:08:01,680 เมื่อเขาไปที่นั่น เขาไปทำงานที่โรงพยาบาล และสงสัย 170 00:08:01,680 --> 00:08:07,195 ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่เข้ามาที่โรงพยาบาล 171 00:08:07,195 --> 00:08:08,493 เขาดูบันทึกประวัติและพบว่า 172 00:08:08,493 --> 00:08:11,283 มีคนจำนวนมากจนน่าตกใจ 173 00:08:11,283 --> 00:08:12,449 ที่มาโรงพยาบาล 174 00:08:12,449 --> 00:08:15,996 เพราะบาดเจ็บจากการที่ลูกมะพร้าวตกใส่ 175 00:08:15,996 --> 00:08:17,782 สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ 176 00:08:17,782 --> 00:08:21,581 คนจะมาจากที่ดอน ที่ซึ่งมีต้นมะพร้าวไม่มาก 177 00:08:21,581 --> 00:08:23,829 เพื่อมาเยี่ยมญาติที่อยู่ทางชายฝั่ง 178 00:08:23,829 --> 00:08:25,289 ที่ซึ่งมีต้นมะพร้าวมากมาย 179 00:08:25,289 --> 00:08:26,679 และพวกเขาจะคิดว่า ใต้ต้นมะพร้าว 180 00:08:26,679 --> 00:08:29,348 ก็ดูน่ายึดเป็นที่นอนดี 181 00:08:29,348 --> 00:08:31,955 ต้นมะพร้าวที่สูง 90 ฟุต 182 00:08:31,955 --> 00:08:34,178 และมีมะพร้าวที่หนักสองปอนด์ 183 00:08:34,178 --> 00:08:38,230 ที่ตกลงมาได้ทุกเมื่อ 184 00:08:38,230 --> 00:08:40,023 คณะแพทย์ในยุโรป 185 00:08:40,023 --> 00:08:43,532 ตีพิมพ์บทความวิชาการออกมาชุดหนึ่ง เกี่ยวกับโคโลโนสโคปี 186 00:08:43,532 --> 00:08:45,562 คุณคุ้นเคยกับโคโลโนสโคปี 187 00:08:45,562 --> 00:08:46,854 ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง 188 00:08:46,854 --> 00:08:48,169 หรือในบางกรณี 189 00:08:48,169 --> 00:08:51,674 จากทางหนึ่ง สู่อีกทาง 190 00:08:51,674 --> 00:08:55,023 ในเอกสารพวกนี้ พวกเขา 191 00:08:55,023 --> 00:08:59,191 อธิบายถึงเพื่อนชาวแพทย์ ที่กระทำโคโลโนสโคปี 192 00:08:59,191 --> 00:09:01,162 ว่าจะทำได้อย่างไรเพื่อลดโอกาส 193 00:09:01,162 --> 00:09:03,823 ที่เมื่อคุณกระทำโคโลโนสโคปี 194 00:09:03,823 --> 00:09:07,413 แล้วคนไข้จะระเบิด (เสียงหัวเราะ) 195 00:09:07,413 --> 00:09:09,373 ดร. เอ็มมานูเอง เบน-โซลซัน 196 00:09:09,373 --> 00:09:10,547 หนึ่งในผู้เขียน 197 00:09:10,547 --> 00:09:13,706 บินมาจากปารีสเพื่อมางานประกาศรางวัล 198 00:09:13,706 --> 00:09:15,597 เมื่อเขาได้อธิบายประวัติศาสตร์ของสิ่งนี้ 199 00:09:15,597 --> 00:09:16,773 ว่าในยุค 1950 200 00:09:16,773 --> 00:09:22,101 เมื่อโคโลโนสโคปีกลายมาเป็น เทคนิคที่ใช้กันแพร่หลายเป็นครั้งแรก 201 00:09:22,101 --> 00:09:24,740 คนพยายามหาวิธีที่ดีในการใช้ 202 00:09:24,740 --> 00:09:27,500 และก็มีปัญหาบ้างในตอนแรก 203 00:09:27,500 --> 00:09:31,471 ปัญหาที่พบบ่อย ที่ผมคิดว่าคุณคุ้นเคย 204 00:09:31,471 --> 00:09:36,800 ก็คือ คุณมองเข้าไปในช่องแคบๆ ยาวๆ มืดๆ 205 00:09:36,800 --> 00:09:40,355 และคุณก็อยากจะได้ที่กว้างๆ กว่านี้ 206 00:09:40,355 --> 00:09:42,486 คุณก็ใส่ก๊าซเข้าไปเพื่อขยายมัน 207 00:09:42,486 --> 00:09:44,400 เพื่อให้มีที่ให้ดูได้มากขึ้น 208 00:09:44,400 --> 00:09:47,127 เอาล่ะ นั่นเป็นการเติมก๊าซมีเทน 209 00:09:47,127 --> 00:09:48,635 ซึ่งมีอยู่ข้างในอยู่แล้ว 210 00:09:48,635 --> 00:09:51,635 ก๊าซที่พวกเขาใช้ตอนแรก ในหลายๆ กรณี เป็นก๊าซออกซิเจน 211 00:09:51,635 --> 00:09:54,084 พวกเขาเติมออกซิเจนใส่ก๊าซมีเทน 212 00:09:54,084 --> 00:09:55,799 และจากนั้นพวกเขาต้องการที่จะเห็น 213 00:09:55,799 --> 00:09:57,047 พวกเขาต้องการแสง 214 00:09:57,047 --> 00:09:58,452 ดังนั้น พวกเขาจึงนำแหล่งแสงเข้าไป 215 00:09:58,452 --> 00:10:00,228 ซึ่งในยุค 1950 มันร้อนมาก 216 00:10:00,228 --> 00:10:03,546 พวกเขามีก๊าซมีเทนที่ติดไฟได้ 217 00:10:03,546 --> 00:10:06,338 ออกซิเจนและความร้อน 218 00:10:06,338 --> 00:10:11,476 พวกเขาหยุดใช้ออกซิเจนอย่างด่วนเลยครับ (เสียงหัวเราะ) 219 00:10:11,476 --> 00:10:13,997 ทีนี้มันก็ยากแล้วที่ผู้ป่วยจะระเบิด 220 00:10:13,997 --> 00:10:19,736 แต่มันก็ยังเกิดขึ้น 221 00:10:19,736 --> 00:10:23,311 สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากบอกคุณก็คือ 222 00:10:23,311 --> 00:10:25,742 รางวัลที่เรามอบให้ ดร. เอเลนา บอตเนอร์ 223 00:10:25,742 --> 00:10:29,867 ดร. เอเลนา บอตเนอร์ ประดิษฐ์ยกทรง 224 00:10:29,867 --> 00:10:31,425 ที่ในยามฉุกเฉิน 225 00:10:31,425 --> 00:10:32,618 สามารถถอดแยกออกได้อย่างรวดเร็ว 226 00:10:32,618 --> 00:10:36,137 มาเป็นหน้ากากป้องกัน 227 00:10:36,137 --> 00:10:37,904 อันหนึ่งไว้ช่วยตัวคุณเอง 228 00:10:37,904 --> 00:10:43,228 อีกอันเอาไว้ช่วยคนใกล้ตัวผู้โชคดี (เสียงหัวเราะ) 229 00:10:43,228 --> 00:10:46,255 คุณอาจสงสัยว่า ทำไมต้องมีใครมาประดิษฐ์สิ่งนี้ด้วย 230 00:10:46,255 --> 00:10:48,387 ดร. บอตเนอร์ มางานประกาศรางวัล 231 00:10:48,387 --> 00:10:51,348 และเธออธิบายว่า เธอเติบโตในยูเครน 232 00:10:51,348 --> 00:10:53,064 เธอเป็นหมอคนหนึ่งที่รักษาคนเหยื่อ 233 00:10:53,064 --> 00:10:55,108 ของโรงงานไฟฟ้า เซอร์โนบิล 234 00:10:55,108 --> 00:10:57,692 ต่อมาพวกเขาพบว่า 235 00:10:57,692 --> 00:10:59,617 ปัญหาทางสุขภาพแย่ๆ มากมาย 236 00:10:59,617 --> 00:11:01,739 มาจากอนุภาคที่คนสูดดมเข้าไป 237 00:11:01,739 --> 00:11:03,667 เธอคิดถึงสิ่งนี้มาตลอด 238 00:11:03,667 --> 00:11:05,294 ว่าน่าจะมีหน้ากากง่ายๆ 239 00:11:05,294 --> 00:11:09,990 ที่มีอยู่ทุกที่ เมื่อสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น 240 00:11:09,990 --> 00:11:11,603 หลายปีต่อมา เธอย้ายไปยังอเมริกา 241 00:11:11,603 --> 00:11:12,447 เธอมีลูก 242 00:11:12,447 --> 00:11:14,203 วันหนึ่งเธอมอง และบนพื้นนั่น 243 00:11:14,203 --> 00:11:17,274 ทารกชายของเธอหยิบยกทรงของเธอขึ้นมา 244 00:11:17,274 --> 00:11:19,133 และปะมันไว้บนหน้า 245 00:11:19,133 --> 00:11:20,814 และนั่นแหละที่เธอได้ความคิดนี้มา 246 00:11:20,814 --> 00:11:22,817 เธอมายังงานประกาศรางวัลอิ๊กโนเบล 247 00:11:22,817 --> 00:11:25,157 ด้วยยกทรงต้นแบบอันแรก 248 00:11:25,157 --> 00:11:29,511 ที่เธอสาธิต 249 00:11:29,511 --> 00:11:53,275 (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ) 250 00:11:58,265 --> 00:12:06,694 ["พอล ครักแมน ผู้ได้รางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ (2008)] 251 00:12:28,574 --> 00:12:35,583 ["โวฟกัง เคทเทอเรล ผู้ได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ (2001)] 252 00:12:43,663 --> 00:12:47,283 ผมเองก็มียกทรงฉุกเฉินนะครับ (เสียงหัวเราะ) 253 00:12:47,283 --> 00:12:49,621 มันเป็นยกทรงโปรดเลยครับ 254 00:12:49,621 --> 00:12:52,273 แต่ผมก็ยินดีที่จะแบ่งปันมันกับพวกคุณ 255 00:12:52,273 --> 00:12:54,122 ถ้าเกิดมันเป็นที่ต้องการครับ 256 00:12:54,122 --> 00:12:55,078 ขอบคุณครับ 257 00:12:55,078 --> 00:13:00,075 (เสียงปรบมือ)