1 00:00:00,258 --> 00:00:03,216 บางคนอาจคิดว่า TED Talk มีสูตรสำเร็จ 2 00:00:03,216 --> 00:00:05,129 "พูดบนพรมแดงกลม ๆ " 3 00:00:05,129 --> 00:00:06,621 "เล่าเรื่องราววัยเด็ก" 4 00:00:06,621 --> 00:00:08,586 "เผยความลับส่วนตัว" 5 00:00:08,586 --> 00:00:11,417 "ปิดท้ายด้วยการสร้างแรงบันดาลใจ ให้ลงมือทำอะไรบางอย่าง" 6 00:00:11,441 --> 00:00:12,591 ไม่ใช่เลย 7 00:00:12,615 --> 00:00:14,712 คิดถึง TED Talk แบบนี้ไม่ถูกครับ 8 00:00:14,736 --> 00:00:16,745 ที่จริง ถ้าคุณใช้สูตรพวกนี้มากไป 9 00:00:16,745 --> 00:00:20,836 มีแต่จะทำให้คุณดูเฝือ หรือจงใจเล่นกับอารมณ์ผู้ฟังมากไป 10 00:00:20,836 --> 00:00:24,770 แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่ TED Talk ที่ยอดเยี่ยม ทุกเรื่องมีเหมือนกัน 11 00:00:24,770 --> 00:00:27,499 และผมอยากจะแบ่งปันสิ่งนั้นกับคุณ 12 00:00:27,499 --> 00:00:30,198 เพราะกว่า12 ปีมาแล้ว ที่ผมได้นั่งชิดขอบเวที 13 00:00:30,222 --> 00:00:34,915 ได้ฟังผู้พูดที่น่าทึ่งหลายร้อยคน เช่นพวกเขาเหล่านี้ 14 00:00:34,915 --> 00:00:37,386 ผมช่วยเขาเตรียมปาฐกถา เพื่อช่วงเวลาสำคัญ 15 00:00:37,386 --> 00:00:38,862 และเรียนรู้จากพวกเขาโดยตรง 16 00:00:38,862 --> 00:00:41,232 ว่าเคล็ดลับของปาฐกถาที่ยอดเยี่ยมคืออะไร 17 00:00:41,236 --> 00:00:43,860 และแม้ว่าผู้พูดเหล่านี้ กับหัวข้อปาฐกถาของเขา 18 00:00:43,860 --> 00:00:45,231 จะดูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง 19 00:00:45,231 --> 00:00:48,961 แต่จริง ๆ แล้ว ล้วนมีส่วนผสมหลักอย่างหนึ่งเหมือนกัน 20 00:00:49,318 --> 00:00:50,547 และนั่นก็คือ 21 00:00:51,254 --> 00:00:53,865 งานสำคัญอันดับหนึ่งที่คุณต้องทำ ในฐานะผู้พูด 22 00:00:53,889 --> 00:00:58,476 คือถ่ายโอนของขวัญสุดพิเศษ ไปสู่จิตใจของผู้ฟัง 23 00:00:58,500 --> 00:01:03,079 สิ่งแปลกประหลาดและสวยงาม ที่เราเรียกว่า "ความคิด" 24 00:01:04,034 --> 00:01:05,369 ผมจะอธิบายให้ฟัง 25 00:01:05,393 --> 00:01:06,544 นี่คือเฮลีย์ 26 00:01:06,568 --> 00:01:08,544 เธอกำลังจะขึ้นพูดบนเวที TED Talk 27 00:01:08,544 --> 00:01:10,401 เอาจริง ๆ นะ เธอกลัวแทบตาย 28 00:01:10,425 --> 00:01:12,074 (วิดีโอ) พิธีกร: เฮลีย์ แวน ไดค์ 29 00:01:12,098 --> 00:01:15,098 (เสียงปรบมือ) 30 00:01:18,537 --> 00:01:20,373 ตลอดเวลา 18 นาที 31 00:01:20,397 --> 00:01:24,361 คน 1,200 คน ซึ่งหลายคนไม่เคยเจอกันมาก่อน 32 00:01:24,385 --> 00:01:28,505 กลับพบว่า สมองของเขา กำลังเริ่มสอดประสานกับสมองของเฮลีย์ 33 00:01:28,529 --> 00:01:29,967 และสมองของกันและกัน 34 00:01:29,991 --> 00:01:33,385 แบบแผนของคลื่นสมองของพวกเขา เริ่มเหมือนกันขึ้นมาจริง ๆ 35 00:01:33,409 --> 00:01:36,275 และผมไม่ได้หมายความแค่ว่า เขามีอารมณ์เหมือนกันเท่านั้น 36 00:01:36,299 --> 00:01:38,798 แต่กำลังมีบางอย่าง ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นเกิดขึ้น 37 00:01:38,822 --> 00:01:41,719 เรามาดูภายในสมองของเฮลีย์กันสักนิด 38 00:01:42,190 --> 00:01:46,421 มีเซลล์ประสาทหลายพันล้านเซลล์ เชื่อมต่อกันยุ่งเหยิง 39 00:01:46,445 --> 00:01:48,252 แต่ดูนี่ครับ ตรงนี้ 40 00:01:48,276 --> 00:01:51,037 มีกลุ่มเซลล์สองสามล้านเซลล์ ที่เชื่อมโยงกันอยู่ 41 00:01:51,061 --> 00:01:54,500 เป็นแบบแผนแทนความคิดอย่างหนึ่ง 42 00:01:54,524 --> 00:01:58,564 และไม่น่าเชื่อครับ แบบแผนเดียวกันนี้ กำลังถูกสร้างขึ้นพร้อมกัน 43 00:01:58,588 --> 00:02:01,666 ในสมองของแต่ละคนที่กำลังฟังอยู่ 44 00:02:01,690 --> 00:02:03,850 ใช่ครับ ภายในไม่กี่นาที 45 00:02:03,874 --> 00:02:06,237 แบบแผนที่เกิดจากเซลล์สมองหลายล้านเซลล์ 46 00:02:06,261 --> 00:02:09,046 กำลังถูกส่งผ่านไปสู่สมองของคน 1,200 คน 47 00:02:09,070 --> 00:02:12,199 เพียงแค่พวกเขาฟังเสียง และดูสีหน้าของใครคนหนึ่ง 48 00:02:12,682 --> 00:02:15,491 แต่เดี๋ยวนะ ว่าแต่ "ความคิด" คืออะไรนะ 49 00:02:15,515 --> 00:02:18,999 อืม คุณสามารถมองว่า มันคือแบบแผนของข้อมูล 50 00:02:19,023 --> 00:02:22,411 ที่ช่วยให้คุณเข้าใจ และใช้ชีวิตบนโลกนี้ก็ได้ 51 00:02:22,435 --> 00:02:24,395 ความคิดมีหลายรูปร่างและขนาด 52 00:02:24,395 --> 00:02:26,465 จากซับซ้อน เชิงวิเคราะห์ 53 00:02:26,465 --> 00:02:28,538 ไปจนถึงแบบเรียบง่าย เชิงสุนทรีย์ 54 00:02:28,562 --> 00:02:31,435 นี่คือตัวอย่างความคิดที่แบ่งปันบนเวที TED 55 00:02:31,816 --> 00:02:35,521 เซอร์ เคน โรบินสัน -- ความคิดสร้างสรรค์ คือกุญแจสำคัญสู่อนาคตของลูกหลานเรา 56 00:02:35,545 --> 00:02:38,310 (วิดีโอ) เซอร์ เคน โรบินสัน: ผมเชื่ออย่างหนักแน่นว่า ความคิดสร้างสรรค์ 57 00:02:38,310 --> 00:02:41,601 มีความสำคัญในการศึกษา พอ ๆ กับการอ่านออกเขียนได้ 58 00:02:41,625 --> 00:02:44,115 และเราควรปฏิบัติต่อมันอย่างเท่าเทียมกัน 59 00:02:44,139 --> 00:02:47,259 คริส แอนเดอร์สัน: เอลอรา ฮาร์ดี -- อาคารไม้ไผ่นั้นสวยงาม 60 00:02:47,283 --> 00:02:49,607 (วิดีโอ) เอลอรา ฮาร์ดี้: ไม้ไผ่เติบโตอยู่รอบตัวเรา 61 00:02:49,631 --> 00:02:53,791 มันแข็งแรง งามสง่า และทนทานต่อแผ่นดินไหว 62 00:02:53,815 --> 00:02:57,656 คริส: ชิมามานดา อดิชี -- คนเราไม่ได้มีอัตลักษณ์ด้านเดียว 63 00:02:57,680 --> 00:03:00,782 (วิดีโอ) ชิมามานดา อดิชี: เรื่องราวด้านเดียวทำให้เกิดภาพเหมารวม 64 00:03:00,806 --> 00:03:05,203 และภาพเหมารวมนั้นมีปัญหา ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่จริง 65 00:03:05,227 --> 00:03:07,211 แต่เพราะว่ามันไม่ครบรอบด้าน 66 00:03:07,607 --> 00:03:09,821 คริส: สมองของคุณเต็มไปด้วยความคิด 67 00:03:09,845 --> 00:03:11,196 ซึ่งไม่ได้อยู่กันสะเปะสะปะ 68 00:03:11,220 --> 00:03:13,426 แต่มันเชื่อมโยงกันอย่างมีระบบ 69 00:03:13,450 --> 00:03:16,355 และเมื่อรวมกันเข้า ก็เกิดโครงสร้างที่ซับซ้อนอย่างน่าทึ่ง 70 00:03:16,379 --> 00:03:18,553 นั่นคือโลกทัศน์ส่วนตัวของคุณ 71 00:03:18,577 --> 00:03:20,863 มันคือระบบปฏิบัติการของสมองคุณ 72 00:03:20,887 --> 00:03:22,759 มันคือแนวทางที่คุณใช้ชีวิตบนโลก 73 00:03:22,783 --> 00:03:26,568 และมันถูกสร้างขึ้นมาจาก ความคิดต่าง ๆ หลายล้านหน่วย 74 00:03:26,592 --> 00:03:30,061 อย่างเช่น ถ้าส่วนประกอบเล็ก ๆ ของโลกทัศน์ของคุณ 75 00:03:30,085 --> 00:03:32,911 คือความคิดว่าลูกแมวนั้นน่ารัก 76 00:03:32,935 --> 00:03:35,330 เมื่อคุณเห็นสิ่งนี้ 77 00:03:35,354 --> 00:03:36,934 คุณก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ 78 00:03:36,958 --> 00:03:39,035 แต่ถ้าส่วนประกอบอีกชิ้นหนึ่ง ของโลกทัศน์ของคุณ 79 00:03:39,059 --> 00:03:41,322 คือความคิดว่าเสือดาวอันตราย 80 00:03:41,346 --> 00:03:42,591 ดังนั้น เมื่อคุณเห็นเจ้านี่ 81 00:03:42,615 --> 00:03:44,876 คุณก็จะตอบสนองต่างออกไป 82 00:03:45,524 --> 00:03:47,112 เข้าใจไม่ยากเลยใช่ไหมครับ 83 00:03:47,136 --> 00:03:51,049 ว่าทำไมความคิดที่ประกอบกันขึ้น เป็นโลกทัศน์ของคุณจึงสำคัญมาก 84 00:03:51,073 --> 00:03:54,069 คุณต้องการให้เครื่องนำทางนี้ มีความเชื่อถือได้มากที่สุด 85 00:03:54,093 --> 00:03:57,881 เพื่อนำทางคุณในโลกแห่งความจริง ที่น่ากลัวแต่งดงามข้างนอกนั่น 86 00:03:57,905 --> 00:04:01,652 ทีนี้ โลกทัศน์ของคนเรา อาจต่างกันเยอะมาก 87 00:04:02,198 --> 00:04:03,384 อย่างเช่น 88 00:04:03,408 --> 00:04:07,246 จากโลกทัศน์ของคุณ คุณจะตอบสนองอย่างไร เมื่อคุณเห็นภาพนี้ 89 00:04:07,919 --> 00:04:10,887 (วิดีโอ) ดาเลีย โมโกเฮด: เวลาคุณมองฉัน คุณคิดอะไรคะ 90 00:04:10,911 --> 00:04:15,353 "หญิงผู้มีศรัทธาในศาสนา" "ผู้เชี่ยวชาญ" หรือแม้แต่ "น้องสาว" 91 00:04:16,292 --> 00:04:20,111 หรือ "คนที่ถูกกดขี่" "คนที่ถูกล้างสมอง" 92 00:04:20,135 --> 00:04:21,300 หรือ "ผู้ก่อการร้าย" 93 00:04:21,955 --> 00:04:23,349 คริส: ไม่ว่าคุณจะตอบว่าอะไร 94 00:04:23,373 --> 00:04:26,770 ก็จะมีคนหลายล้านคน ที่จะตอบแตกต่างจากคุณไปมาก 95 00:04:26,794 --> 00:04:28,870 นั่นคือเหตุผลว่าทำไมความคิดจึงสำคัญ 96 00:04:28,894 --> 00:04:32,572 ถ้าสื่อสารอย่างเหมาะสม ความคิดก็สามารถเปลี่ยนแปลง 97 00:04:32,596 --> 00:04:34,645 วิธีคิดที่คนเรามีต่อโลกไปตลอดกาล 98 00:04:34,669 --> 00:04:39,054 และปรับเปลี่ยนการกระทำของเขา ทั้งตอนนี้และในอนาคตอีกยาวไกล 99 00:04:39,603 --> 00:04:43,484 ความคิดเป็นแรงที่ทรงพลังที่สุด ที่รังสรรค์วัฒนธรรมของมนุษย์ 100 00:04:43,508 --> 00:04:44,659 ดังนั้น ถ้าคุณยอมรับว่า 101 00:04:44,683 --> 00:04:47,413 งานสำคัญอันดับหนึ่งของคุณในฐานะผู้พูด 102 00:04:47,437 --> 00:04:49,483 คือการสร้างความคิดขึ้นในสมองของผู้ฟัง 103 00:04:49,507 --> 00:04:52,801 นี่คือแนวทางสี่ข้อ ว่าคุณจะทำงานนี้สำเร็จได้อย่างไร 104 00:04:52,825 --> 00:04:56,646 หนึ่ง จำกัดขอบเขตปาฐกถาของคุณ ให้มีความคิดหลักเพียงเรื่องเดียว 105 00:04:57,157 --> 00:04:58,990 ความคิดเป็นสิ่งซับซ้อน 106 00:04:59,014 --> 00:05:02,379 คุณต้องตัดเนื้อหาลง เพื่อมุ่งความสนใจ 107 00:05:02,403 --> 00:05:05,156 ไปที่ความคิดหนึ่งเดียว ที่คุณคลั่งไคล้มากที่สุด 108 00:05:05,180 --> 00:05:08,814 และให้โอกาสตัวคุณเอง อธิบายสิ่งสิ่งเดียวนั้นให้ดี 109 00:05:08,838 --> 00:05:12,591 คุณต้องปูพี้น เล่าตัวอย่าง ทำให้มันชัดเจนแจ่มแจ้ง 110 00:05:12,615 --> 00:05:13,862 ดังนั้น เลือกหนึ่งความคิด 111 00:05:13,886 --> 00:05:17,087 ทำให้มันเป็นเส้นเรื่องที่ร้อยผ่าน ตลอดทั้งปาฐกถาของคุณ 112 00:05:17,111 --> 00:05:20,589 เพื่อให้ทุกอย่างที่คุณพูด เชื่อมโยงกลับไปยังความคิดนั้น 113 00:05:21,182 --> 00:05:24,557 สอง ให้เหตุผลแก่ผู้ฟัง ว่าเขาทำไมเขาจึงควรใส่ใจ 114 00:05:25,523 --> 00:05:29,554 ก่อนคุณจะเริ่มสร้างอะไรบางอย่าง ในสมองของผู้ฟัง 115 00:05:29,578 --> 00:05:31,983 คุณต้องได้รับอนุญาตจากเขา ให้เขาต้อนรับคุณเข้าไป 116 00:05:32,007 --> 00:05:33,840 และเครื่องมือหลักที่จะทำได้ 117 00:05:34,181 --> 00:05:35,524 ก็คือ ความอยากรู้อยากเห็น 118 00:05:35,548 --> 00:05:37,796 กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้ฟัง 119 00:05:37,820 --> 00:05:40,041 ใช้คำถามที่ปลุกเร้า น่าฉงน 120 00:05:40,065 --> 00:05:44,246 เพื่อชี้ให้เห็นว่ามีอะไรบางอย่างไม่ลงตัว และต้องการคำอธิบาย 121 00:05:44,698 --> 00:05:48,659 ถ้าคุณสามารถเผยให้เห็น ส่วนที่ขาดหายไปในโลกทัศน์ของเขา 122 00:05:48,683 --> 00:05:52,000 เขาก็จะเกิดความรู้สึก อยากปิดช่องว่างของความรู้นั้น 123 00:05:52,024 --> 00:05:54,063 และเมื่อคุณจุดประกายความปรารถนานั้นแล้ว 124 00:05:54,087 --> 00:05:57,371 การเริ่มสร้างความคิดในหัวของเขา มันจะง่ายขึ้นมาก 125 00:05:58,032 --> 00:06:01,405 สาม สร้างความคิดของคุณ ทีละเล็กทีละน้อย 126 00:06:01,429 --> 00:06:05,143 จากแนวคิดต่าง ๆ ที่ผู้ฟังของคุณเข้าใจอยู่แล้ว 127 00:06:05,167 --> 00:06:06,814 คุณต้องใช้พลังของภาษา 128 00:06:06,838 --> 00:06:09,767 เพื่อถักทอความคิดขึ้นมา จากแนวคิดต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว 129 00:06:09,791 --> 00:06:11,428 ในหัวของผู้ฟังของคุณ 130 00:06:11,452 --> 00:06:13,746 แต่ไม่ใช่ภาษาของคุณนะ ต้องเป็นภาษาของเขา 131 00:06:13,770 --> 00:06:15,206 คุณต้องเริ่มต้นตรงจุดที่เขายืน 132 00:06:15,230 --> 00:06:18,928 ผู้พูดหลายคนมักลืมว่าคำ หรือแนวคิดต่าง ๆ ที่เขาใช้อยู่ทุกวัน 133 00:06:18,952 --> 00:06:21,563 เป็นคำที่ผู้ฟังไม่คุ้นเคยเลย 134 00:06:21,587 --> 00:06:26,761 อุปมาอุปไมยมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เห็นว่า ชิ้นส่วนต่าง ๆ ประกอบเข้ากันอย่างไร 135 00:06:26,785 --> 00:06:30,459 เพราะมันเผยให้เห็น แบบแผนรูปร่างที่พึงปรารถนา 136 00:06:30,483 --> 00:06:33,991 จากความคิดที่ผู้ฟังเข้าใจอยู่แล้ว 137 00:06:34,015 --> 00:06:36,000 ตัวอย่างเช่น เมื่อเจนนิเฟอร์ คาห์น 138 00:06:36,024 --> 00:06:39,673 ต้องการอธิบายเทคโนโลยีชีวภาพ ตัวใหม่ที่น่าทึ่ง ชื่อ CRISPR 139 00:06:39,697 --> 00:06:41,983 เธอพูดว่า "มันเหมือนกับ 140 00:06:42,007 --> 00:06:45,038 คุณมีโปรแกรมเวิร์ดโพรเซสเซอร์ สำหรับตัดต่อดีเอ็นเอเป็นครั้งแรก 141 00:06:45,062 --> 00:06:49,689 CRISPR ช่วยให้คุณตัดและวาง ข้อมูลทางพันธุกรรมได้ง่ายมาก" 142 00:06:50,165 --> 00:06:54,443 นี่ล่ะครับ คำอธิบายที่แจ่มแจ้งแบบนี้ ทำให้เกิดวินาทีปิ๊งแว๊บ 143 00:06:54,467 --> 00:06:56,800 เมื่อความคิดนั้นวิ่งเข้าไปอยู่เป็นที่เป็นทาง ในสมองของเรา 144 00:06:56,824 --> 00:07:00,744 มันจึงสำคัญมาก ที่คุณต้องทดลอง กล่าวปาฐกถาให้เพื่อนที่ไว้ใจได้ฟัง 145 00:07:00,768 --> 00:07:03,372 และค้นหาว่าส่วนไหนที่ทำให้เขาสับสน 146 00:07:03,396 --> 00:07:05,704 สี่ นี่คือเทคนิคสุดท้าย 147 00:07:05,728 --> 00:07:08,505 ทำให้ความคิดของคุณ มีค่าควรแก่การเผยแพร่ 148 00:07:09,242 --> 00:07:11,895 ซึ่งผมหมายถึง ให้คุณถามตัวเองว่า 149 00:07:11,919 --> 00:07:13,737 "ใครจะได้ประโยชน์จากความคิดนี้" 150 00:07:14,489 --> 00:07:17,450 และขอให้คุณตอบอย่างซื่อสัตย์ จริงใจ 151 00:07:17,474 --> 00:07:20,386 ถ้าความคิดนั้นเป็นประโยชน์ แค่กับคุณ หรือองค์กรของคุณ 152 00:07:20,410 --> 00:07:23,687 ผมเสียใจด้วยนะ ที่ต้องบอกว่า มันคงไม่มีค่าควรแก่การเผยแพร่ 153 00:07:23,711 --> 00:07:25,822 ผู้ฟังเขาดูเจตนาคุณออกครับ 154 00:07:25,846 --> 00:07:28,528 แต่ถ้าคุณเชื่อว่าความคิดนั้นมีศักยภาพ 155 00:07:28,552 --> 00:07:30,450 ที่จะทำให้วันของใครสักคนสดใสขึ้น 156 00:07:30,474 --> 00:07:33,290 หรือเปลี่ยนมุมมองของผู้คนไปในทางที่ดีขึ้น 157 00:07:33,314 --> 00:07:36,178 หรือบันดาลใจให้ใครสักคน ทำอะไรที่แตกต่าง 158 00:07:36,202 --> 00:07:39,822 นั่นคือคุณมีส่วนผสมหลัก ของปาฐกถาที่ยอดเยี่ยม 159 00:07:39,447 --> 00:07:43,447 ที่จะเป็นของขวัญแก่ผู้ฟัง และพวกเราทุกคนแล้ว