WEBVTT 00:00:07.210 --> 00:00:11.560 มีการบริโภคคาเฟอีน มากกว่าหนึ่งแสนเมตริกตัน 00:00:11.570 --> 00:00:13.499 ในแต่ละปีจากทั่วโลก 00:00:13.499 --> 00:00:17.615 ซึ่งนั่นเท่ากับน้ำหนัก ของหอไอเฟลถึง 14 หอเลยทีเดียว 00:00:17.615 --> 00:00:21.440 ส่วนใหญ่คาเฟอีนจะอยู่ในกาแฟและชา 00:00:21.440 --> 00:00:24.050 แต่ยังถูกผสมอยู่ในน้ำอัดลม 00:00:24.050 --> 00:00:24.972 ช็อกโกแลต 00:00:24.972 --> 00:00:25.762 ยาเม็ดคาเฟอีน 00:00:25.772 --> 00:00:29.352 หรือแม้แต่เครื่องดื่มที่ติดฉลากไว้ว่าไม่มีคาเฟอีน 00:00:29.402 --> 00:00:33.273 คาเฟอีนทำให้ร่างกายตื่นตัว มีสมาธิจดจ่อ มีความสุข และกระฉับกระเฉง 00:00:33.303 --> 00:00:36.154 แม้ว่าเราจะไม่ได้นอนหลับพักผ่อน อย่างเพียงพอก็ตาม 00:00:36.154 --> 00:00:40.014 แต่มันยังทำให้ความดันของเราพุ่งสูงขึ้น และกระสับกระส่าย 00:00:40.014 --> 00:00:43.295 มันเป็นสารเสพติดที่มีคนใช้กันมากที่สุด 00:00:43.315 --> 00:00:45.836 แล้วมันทำให้ร่างกายเราตื่นตัวได้อย่างไร 00:00:46.606 --> 00:00:50.756 คาเฟอีนนั้นเป็นสารที่มาจากพืช ซึ่งมีประโยชน์หลากหลาย 00:00:50.786 --> 00:00:55.056 คาเฟอีนปริมาณสูง ที่พบได้ในใบ และเมล็ดของพืชบางชนิด 00:00:55.069 --> 00:00:57.799 มันเป็นพิษต่อแมลง 00:00:57.799 --> 00:01:01.799 แต่เมื่อพวกมันถูกบริโภคในปริมาณน้อย อย่างเช่นที่พบในน้ำหวานจากเกสร 00:01:01.799 --> 00:01:05.755 มันช่วยให้แมลงจดจำและกลับมา ยังดอกไม้นั้นอีก 00:01:06.425 --> 00:01:11.235 ในร่างกายของมนุษย์ คาเฟอีนทำหน้าที่ เป็นตัวกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง 00:01:11.285 --> 00:01:15.815 มันทำให้เราตื่นตัว โดยการขัดขวาง หนึ่งในโมเลกุลที่เหนี่ยวนำการนอนหลับ 00:01:15.817 --> 00:01:19.493 ที่เรียกว่า อะดีโนซีน 00:01:19.493 --> 00:01:22.275 ร่างกายของเราต้องการพลังงานอย่างสม่ำเสมอ 00:01:22.275 --> 00:01:26.869 ซึ่งได้มาจากการสลายโมเลกุลพลังงานสูง ที่เรียกว่าช เอทีพี 00:01:27.009 --> 00:01:28.329 ในกระบวนการนั้น 00:01:28.383 --> 00:01:31.953 ร่างกายจะปล่อยอะดีโนซีน ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของเอทีพีออกมา 00:01:32.185 --> 00:01:36.845 เซลล์ประสาทในสมองของคุณมีรีเซปเตอร์ ที่ถูกสร้างมาเพื่อโมเลกุลนี้โดยเฉพาะ 00:01:36.845 --> 00:01:39.915 เมื่อ อะดีโนซีน มาจับเข้ากับรีเซปเตอร์ 00:01:39.915 --> 00:01:43.595 มันก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางชีวเคมี 00:01:43.595 --> 00:01:46.164 ทำให้เซลล์ประสาททำงานได้ช้าลง 00:01:46.164 --> 00:01:50.504 และก็ชะลอการปล่อย โมเลกุลการส่งสัญญาณในสมองที่สำคัญ 00:01:50.504 --> 00:01:53.420 กล่าวคือ มันทำให้คุณง่วงนั่นเอง 00:01:53.420 --> 00:01:57.540 คาเฟอีน ได้ชื่อว่า เป็นแอนทาโกนิสต์ ของรีเซปเตอร์ของอะดีโนซีน 00:01:57.702 --> 00:02:01.982 นั่นหมายความว่า กระบวนนี้ชะลอเซลล์ประสาทของคุณ 00:02:02.087 --> 00:02:05.572 โดยการขัดขวางรีเซปเตอร์ของอะดีโนซีน 00:02:05.572 --> 00:02:08.881 คาเฟอีน และ อะดีโนซีน มีโครงสร้างโมเลกุลที่คล้ายกัน 00:02:08.881 --> 00:02:12.461 ใกล้เคียงมากจนคาเฟอีนสามารถที่จะเข้าไปอยู่ ในรีเซปเตอร์ของอะดีโนซีนได้ 00:02:12.461 --> 00:02:15.361 แต่มันไม่ได้เหมือนกันเพียงพอ ที่จะกระตุ้นพวกมันให้ทำงานได้ 00:02:15.377 --> 00:02:18.964 โดยสรุปอะดีโนซีน ยับยั้งการทำงานของเซลล์ประสาท 00:02:18.964 --> 00:02:23.054 คาเฟอีนยับยั้งการทำงานของตัวยับยั้ง ฉะนั้นมันจึงกระตุ้นคุณ 00:02:24.763 --> 00:02:27.563 คาเฟอีนกระตุ้นให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ 00:02:27.563 --> 00:02:30.123 ในเซลล์ประสาทบางตัว รีเซปเตอร์ของอะดีโนซีน 00:02:30.123 --> 00:02:34.123 ถูกเชื่อมกับรีเซปเตอร์สำหรับโมเลกุลอื่น เรียกว่าโดปามีน 00:02:34.123 --> 00:02:38.123 หน้าที่ของโดปามีนในสมองก็คือ ส่งเสริมความรู้สึกที่ดี 00:02:38.232 --> 00:02:41.892 เมื่ออะดีโนซีนเข้าไปอยู่ในรีเซปเตอร์ที่อยู่เป็นคู่ 00:02:41.892 --> 00:02:45.932 นั่นทำให้โดปามิน เข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมของมันได้ยากขึ้น 00:02:45.932 --> 00:02:48.992 ซึ่งขัดขวางการทำงานที่เกี่ยกับการส่งเสริมความสุข 00:02:48.992 --> 00:02:53.402 แต่ถ้าเป็นคาเฟอีนเข้ามาในที่ของอะดีโนซีน มันไม่ได้ให้ผลอย่างเดียวกัน 00:02:53.402 --> 00:02:55.002 และโดปามินก็สามารถเข้าไปในตำแหน่งของมันได้ 00:02:56.667 --> 00:03:00.817 มีหลักฐานสนับสนุนว่าผลของคาเฟอีน ที่มีต่อรีเซปเตอร์ของอะดีโนซีนและโดปามิน 00:03:00.844 --> 00:03:04.844 สามารถมีผลดีในระยะยาว เช่นกัน ในการลดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ 00:03:04.873 --> 00:03:08.873 อย่างเช่น โรคพากินสัน, อัลไซเมอร์ และมะเร็งบางชนิด 00:03:10.353 --> 00:03:14.353 คาเฟอีนยังสามารถช่วยเร่ง ความสามารถในการเผาผลาญไขมันของร่างกาย 00:03:14.522 --> 00:03:17.542 อันที่จริง องค์กรการกีฬาบางแห่งคิดว่า 00:03:17.542 --> 00:03:21.022 คาเฟอีนทำให้นักกีฬาได้เปรียบซึ่งถือว่าไม่ยุติธรรม 00:03:21.022 --> 00:03:23.992 และได้กำหนดข้อจำกัดในการบริโภคคาเฟอีน 00:03:23.992 --> 00:03:27.152 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1972 จนถึง 2004 00:03:27.773 --> 00:03:30.773 นักกีฬาโอลิมปิคต้องคุมระดับคาเฟอีน ให้อยู่ในระดับหนึ่งเท่านั้น 00:03:31.944 --> 00:03:34.554 ถึงจะร่วมแข่งได้ 00:03:34.554 --> 00:03:37.704 แน่นอนล่ะว่า ไม่ใช่คาเฟอีนจะให้แต่ผลดี 00:03:37.704 --> 00:03:41.024 มันอาจทำให้คุณรู้สึกดี และกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น 00:03:41.024 --> 00:03:43.454 แต่มันอาจยังเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และความดันเลือดของคุณ 00:03:43.454 --> 00:03:46.034 ทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้นหรือมีอาการท้องเสีย 00:03:46.058 --> 00:03:49.618 และส่งผลต่อการนอนไม่หลับ และอาการกระสับกระส่าย 00:03:50.212 --> 00:03:53.160 นอกจากนี้ อาหารและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอยู่นั้น NOTE Paragraph 00:03:53.160 --> 00:03:57.450 มีผลต่อร่างกายของคุณในแบบของมันเอง ซึ่งคุณจะต้องพิจารณาด้วย 00:03:58.534 --> 00:04:01.734 สมองของเราสามารถปรับตัว ให้เข้ากับการบริโภคคาเฟอีนเป็นประจำได้ 00:04:01.734 --> 00:04:05.414 ถ้ารีเซปเตอร์ของอะดีโนซีนของคุณ ถูกขวางกั้นบ่อย ๆ เข้า 00:04:05.414 --> 00:04:07.954 ร่างกายของคุณก็จะผลิตมันขึ้นมาเพิ่ม 00:04:07.954 --> 00:04:10.154 ด้วยวิธีนี้ ถึงแม้ว่าจะมีคาเฟอีนเข้ามา 00:04:10.154 --> 00:04:14.414 อะดีโนซีนก็ยังสามารถทำงานได้ปกติ ในการส่งสัญญาณให้สมองของคุณทำงานลดลง 00:04:15.256 --> 00:04:18.778 นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคุณจึงรู้สึกว่า ต้องการบริโภคคาเฟอีนมากขึ้นไปเรื่อย ๆ 00:04:18.778 --> 00:04:20.958 เพื่อยังคงทำให้กระปรี้กระเปร่าอยู่ 00:04:20.958 --> 00:04:24.118 เนื่องจากมีตัวขัดขวาง รีเซปเตอร์ของอะดีโนซีนมากขึ้น 00:04:24.586 --> 00:04:27.226 นั่นยังเป็นเหตุผลว่าทำไม เมื่อคุณหยุดคาเฟอีนกระทันหัน 00:04:27.226 --> 00:04:30.095 คุณอาจจะรู้สึกไม่สบายตัว 00:04:30.095 --> 00:04:32.915 เมื่อมีรีเซปเตอร์อยู่มากมายแต่ไม่มีตัวแข่งขัน 00:04:32.915 --> 00:04:35.225 อะดีโนซีนจึงอาจทำงานล่วงเวลา 00:04:35.225 --> 00:04:36.603 ทำให้เกิดอาการปวดหัว 00:04:36.603 --> 00:04:37.705 เหนื่อย 00:04:37.705 --> 00:04:40.345 และรู้สึกหดหู่ 00:04:40.345 --> 00:04:44.765 แต่ในสองถึงสามวัน รีเซปเตอร์ของอะดีโนซีนที่มากเกินไปก็จะหายไป 00:04:44.765 --> 00:04:47.112 ร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัว 00:04:47.112 --> 00:04:49.802 แล้วคุณก็จะรู้สึกตื่นตัวเหมือนเคย 00:04:49.802 --> 00:04:53.412 แม้จะไม่มีสารกระตุ้นที่เป็นที่นิยมที่สุดในโลกนี้ก็ตาม