ในฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ 2016 การต่อสู้ทางกฎหมายระหว่างบริษัทแอปเปิลกับ ตำรวจกองสืบสวนกลางของสหรัฐ เป็นสิ่งที่โลกจับตามอง แอปเปิลได้สร้างระบบรักษาความปลอดภัย เข้าไว้ในผลิตภัณฑ์มือถือ ซึ่งนอกจากเจ้าของเครื่องแล้ว ระบบจะปกป้องข้อมูลภายในเครื่องจากคนอื่น ๆ ได้ นั่นก็หมายความว่า อาชญากร แฮ็กเกอร์ แล้วก็ ใช่ครับ รัฐบาล ทั้งหมดถูกปิดล็อกเข้าไม่ได้ สำหรับลูกค้าของแอปเปิล นี่เป็นสิ่งที่เยี่ยมยอด แต่รัฐบาลคงไม่มีความสุขนัก ครับ แอปเปิลได้ทำการตัดสินใจอย่างมีสติ เพื่อหนีจากการสอดส่องสอดแนม แอปเปิลได้พยายามทำให้การสอดแนม ทำได้ยากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สำหรับรัฐบาล และตัวการอื่นใดก็ตาม จริง ๆ แล้ว สมาร์ทโฟนมีระบบปฏิบัติการอยู่สองระบบ ในตลาดสมาร์ทโฟนของโลก คือ ไอโอเอส (iOS) และ แอนดรอยด์ (Android) ไอโอเอสสร้างขึ้นโดยแอปเปิล ส่วนแอนดรอยด์สร้างขึ้นมาโดยกูเกิล แอปเปิลได้ใช้เวลาและเงินเป็นจำนวนมาก เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขานั้น จะปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แอปเปิลเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมด ซึ่งถูกเก็บอยู่ในมือถือได้เอง และข้อความที่ส่งจากลูกค้าแอปเปิลคนหนึ่ง ไปถึงลูกค้าที่ใช้แอปเปิลอีกคนหนึ่งนั้น ก็ตั้งไว้แล้วให้เข้ารหัสได้เอง โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องทำการอื่นใดเลย เรื่องนี้หมายถึงว่า ถ้าตำรวจยึดโทรศัพท์ไอโฟนไป และมีรหัสผ่าน พวกตำรวจก็จะต้องใช้ความพยายามมาก เพื่อที่จะเอาข้อมูลใด ๆ ก็ตามออกมา ถ้าหากว่าพวกเขาทำได้นะครับ ตรงกันข้าม ความปลอดภัยของแอนดรอยด์นั้น จริง ๆ แล้ว ก็ไม่ได้ดีเหมือนอย่างแอปเปิล โทรศัพท์แอนดรอยด์ หรืออย่างน้อยที่สุด ก็โทรศัพท์แอนดรอยด์จำนวนมาก ที่ขายให้กับลูกค้านั้น ไม่ได้ลงรหัสข้อมูล ให้ถูกเก็บไว้ในเครื่องได้เอง แอปรับส่งข้อความซึ่งมีการติดตั้งไว้ในแอนดรอยด์ ก็ไม่ได้ใช้การลงรหัส ดังนั้น ถ้าตำรวจยึดโทรศัพท์แอนดรอยด์ไป ก็เป็นไปได้ที่ตำรวจจะสามารถ ได้ข้อมูลทั้งหมดที่ต้องการไป จากมือถือเครื่องนั้น โทรศัพท์สมาร์ทโฟนสองเครื่อง จากบริษัทใหญ่ที่สุดของโลกสองบริษัท เครื่องหนึ่งปกป้องข้อมูลได้เอง อีกเครื่องไม่ปกป้อง แอปเปิลนั้น เป็นผู้ขายสินค้าฟุ่มเฟือยหรูหรา ที่ครองตลาดระดับบนสำหรับลูกค้าที่ร่ำรวย และเราก็จะคาดหวังว่า ผู้ผลิตสินค้าหรูหราจะมีผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณสมบัติที่มากกว่า แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีเงินซื้อหาไอโฟนมาใช้ได้ นั่นทำให้แอนดรอยด์ ครอบครองตลาดได้อย่างแท้จริง นั่นคือตลาดระดับกลางและระดับล่าง เป็นสมาร์ทโฟนสำหรับคนพันห้าร้อยล้านคน ที่ไม่สามารถซื้อไอโฟนได้ หรือไม่ต้องการจะจ่ายเงิน 600 ดอลลาร์เพื่อซื้อโทรศัพท์สักเครื่อง แต่การครอบครองตลาดของแอนดรอยด์นั้น ได้นำไปสู่สิ่งที่ผมเรียกว่า "ช่องว่างด้านความปลอดภัยเชิงดิจิตอล" นั่นก็คือ ปัจจุบันมีช่องว่างเพิ่มขยายขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ของคนที่รํ่ารวย ผู้ซึ่งสามารถซื้อเครื่อง ที่ทำให้ข้อมูลของตนปลอดภัยมาใช้ได้ และสำหรับคนที่ยากจน ผู้ซึ่งเครื่องของพวกเขา ปกป้องข้อมูลได้เองบ้างเล็กน้อย ครับ ลองคิดถึงลูกค้าของแอปเปิลทั่ว ๆ ไป ซึ่งได้แก่ นายธนาคาร นักกฎหมาย แพทย์ นักการเมือง ในปัจจุบันนี้ บุคคลเหล่านี้มีสมาร์ทโฟน เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ในกระเป๋า ซึ่งเข้ารหัสการโทรศัพท์ และข้อความของพวกเขาได้เอง, และข้อมูลทั้งหมดในเครื่องได้เอง โดยผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเลย เพื่อที่จะทำให้ข้อมูลของเขาปลอดภัย ในทางตรงกันข้าม คนยากจน และด้อยโอกาสที่สุดในสังคมของเรานั้น กำลังใช้เครื่องที่ทำให้พวกเขา มีความเสี่ยงสูงสุดต่อการสอดส่องสอดแนม ในสหรัฐฯ ประเทศที่ผมอยู่นั้น คนแอฟริกันอเมริกันนั้น น่าจะถูกมองว่าเป็นผู้ต้องสงสัยมากกว่า หรือไม่ก็น่าจะถูกเก็บประวัติไว้มากกว่า และมีแนวโน้มจะเป็นเป้าของรัฐ ในการสอดส่องสอดแนมมากกว่าผู้อื่น แต่คนแอฟริกันอเมริกัน ก็ยังดูเหมือนจะมีสัดส่วนอยู่มาก ที่ใช้เครื่องแอนดรอยด์ซึ่งไม่ทำอะไรเลย เพื่อที่จะปกป้องพวกเขาจากการสอดส่องสอดแนม นี่คือปัญหา ต้องจำไว้ว่า การสอดส่องสอดแนม คือเครื่องมืออย่างหนึ่ง มันเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้โดยผู้ที่มีอำนาจ เพื่อสู้รบกับคนที่ไม่มีอำนาจ และในขณะที่ผมคิดว่า มันเยี่ยมยอดอย่างยิ่ง ที่บริษัท เช่น แอปเปิลทำให้เป็นเรื่องง่าย สำหรับผู้คนในการเข้ารหัส ถ้าหากว่า คนที่สามารถปกป้องตนเองได้ จากการจับตามองของรัฐบาลนั้น คือ คนรํ่ารวยและมีอำนาจเท่านั้น นั่นแหละ คือ ปัญหา และมันไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาความเป็นส่วนตัว หรือความปลอดภัยออนไลน์เท่านั้น มันเป็นปัญหาเรื่องสิทธิพลเมือง ดังนั้น การที่ไม่มีระบบความปลอดภัย ในเครื่องแอนดรอยด์ จึงไม่เป็นเพียงปัญหาสำหรับผู้ใช้ ที่ยากจนและด้อยโอกาส ซึ่งต้องพึ่งพาเครื่องเหล่านี้เท่านั้น แท้จริงแล้ว นี่เป็นปัญหาต่อประชาธิปไตยของเรา ผมจะอธิบายว่า ผมหมายถึงอะไร การเคลื่อนไหวทางสังคมสมัยใหม่นั้น พึ่งพาเทคโนโลยี -- จากการประท้วงแบล็กไลฟ์แมทเทอร์ของคนผิวดำ ไปถึง อาหรับสปริง จนถึง ออกคิวพายวอลสตรีท การเคลื่อนไหวขององค์กร และสมาชิกเหล่านี้ สื่อสารและประสานงานกันผ่านสมาร์ทโฟน เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น โดยธรรมชาติแล้ว รัฐบาลที่รู้สึกว่าถูกคุกคามจากการเคลื่อนไหวเหล่านี้ จะพุ่งเป้าไปที่องค์กร และสมาร์ทโฟนของพวกเขาเหล่านั้น ครับ ขณะนี้ก็เป็นไปได้มากทีเดียว ว่า มาร์ติน ลูเทอร์ คิง หรือ แมนเดล่า หรือ คานธี ในอนาคตนั้น จะมีไอโฟน และได้รับการปกป้อง จากการสอดส่องสอดแนมของรัฐ แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ว่า พวกเขาอาจจะมีโทรศัพท์แอนดรอยด์ ราคาถูก 20 ดอลลาร์ อยู่ในกระเป๋า ดังนั้น หากเราไม่ทำอะไรเลย เพื่อแก้ปัญหา ช่องว่างด้านความปลอดภัยเชิงดิจิตอล หากเราไม่ทำอะไรเลย เพื่อทำให้แน่ใจได้ว่า ทุก ๆ คนในสังคมของเรานั้น ได้รับประโยชน์เหมือน ๆ กัน ในเรื่องของการเข้ารหัส และสามารถที่จะปกป้องตนเองจาก การสอดส่องสอดแนมของรัฐได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่เพียงแต่คนยากจนและด้อยโอกาสเท่านั้น ที่จะไร้การป้องกันจากการสอดส่องสอดแนม แต่การเคลื่อนไหวด้านสิทธิพลเมืองในอนาคต อาจจะถูกบดขยี้ลงไป ก่อนที่พวกเขาจะทำไปได้จนเต็มศักยภาพ ของพวกเขา ขอบคุณครับ (เสียงปรบมือ) เฮเลน วอลเทอร์ส: คริส ขอบคุณอย่างมากค่ะ ฉันมีคำถามสำหรับคุณค่ะ เร็ว ๆ นี้เราได้เห็นในข่าว ว่า มาร์ค ซักเกอร์เบริก จากเฟสบุ๊ค ให้ปิดคลุมกล้องถ่ายรูปของเขา และทำบางสิ่งบางอย่าง กับช่องต่อไมโครโฟนหูฟังของเขา ฉันจึงอยากจะถามคุณ เป็นคำถามส่วนตัวว่า คุณทำแบบนั้นหรือเปล่าคะ และในฐานะตัวแทนของทุกคนที่นี่ โดยเฉพาะตัวฉันเอง เราควรจะทำแบบนั้นหรือไม่คะ เราควรจะคลุมเครื่องเหล่านี้หรือไม่คะ คริสโตเฟอร์ โซโอเยียน: ติดสติกเกอร์ -- จริง ๆ แล้วผมชอบพลาสเตอร์ยาแบนด์-เอดส์ เพราะคุณแกะมันออกได้ และก็ติดมันเข้าไปใหม่ได้ เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการจะโทรศัพท์ หรือ สไกป์ ติดสติกเกอร์ปิดกล้องเว็บแคมไว้ น่าจะวิธีที่ดีที่สุดที่คุณทำได้ เพื่อความเป็นส่วนตัวของคุณ ในเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคา จริง ๆ แล้ว มีพวกมัลแวร์ ซึ่งก็คือ พวกซอฟท์แวร์ที่เป็นอันตราย ที่สามารถเข้าไปควบคุมกล้องเว็บแคมของคุณ แม้กระทั่งตอนที่ไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ พวกอาชญากรใช้สิ่งนี้ พวกย่องติดตามก็ใช้สิ่งนี้ครับ คุณซื้อโปรแกรม "spy on your ex-girlfriend" ในราคา 19.99 ดอลลาร์ ได้ทางออนไลน์ น่ากลัวจริง ๆ ครับ แล้วก็ แน่นอนครับ รัฐบาลก็ใช้มัน และมันก็ชัดเจนว่า มีเรื่องของความรุนแรงทางเพศในนี้ด้วย ซึ่งก็คือ การสอดส่องสอดแนมแบบนี้ ถูกนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดได้ กับผู้หญิงและคนอื่น ๆ ซึ่ง จะถูกทำให้เกิดความอับอายได้ในสังคมของเรา แม้คุณอาจจะคิดว่าคุณไม่มีอะไรที่จะปกปิด อย่างน้อยที่สุด หากว่าในชีวิตของคุณ คุณมีลูก ๆ ที่เป็นวัยรุ่น คุณควรจะแน่ใจว่าคุณปิดสติกเกอร์ ไว้บนกล้องของเขาและปกป้องเขา เฮเลน: ขอบคุณมากค่ะ คริสโตเฟอร์: ขอบคุณ เฮเลน: ขอบคุณ คริส (เสียงปรบมือ)