1 00:00:06,979 --> 00:00:11,559 ในสายตาของมนุษย์ โลกยามวิกาล เป็นเหมือนแผ่นผ้าใบไร้รูปทรงสีเทา 2 00:00:11,559 --> 00:00:14,313 ในทางตรงข้าม สัตว์กลางคืนหลายชนิด 3 00:00:14,313 --> 00:00:19,599 ได้ดูโลกที่หลากหลายมีอะไรมากมาย มีรายละเอียด รูปร่าง และสี 4 00:00:19,599 --> 00:00:23,490 อะไรกันที่ทำให้ผีเสื้อกลางคืนต่างจากมนุษย์ 5 00:00:23,490 --> 00:00:26,398 ผีเสื้อกลางคืนและสัตว์กลางคืนอื่น ๆ หลายชนิด มองเห็นยามค่ำคืน 6 00:00:26,398 --> 00:00:30,148 เพราะว่าตาของพวกมันปรับเปลี่ยนมา เพื่อให้เข้ากับบริเวณที่มีแสงน้อย 7 00:00:30,148 --> 00:00:32,909 ตาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นของสัตว์กลางคืนหรือไม่ 8 00:00:32,909 --> 00:00:36,757 ต้องพึ่งพาตัวรับแสงในจอตา ในการตรวจจับอนุภาคแสง 9 00:00:36,757 --> 00:00:38,938 ที่เรียกว่า โฟตอน 10 00:00:38,938 --> 00:00:42,969 ตัวรับแสงนี้จะรายงานข้อมูล เกี่ยวกับโฟตอนเหล่านี้ให้กับอีกเซลล์ 11 00:00:42,969 --> 00:00:44,869 ในจอตาและสมอง 12 00:00:44,869 --> 00:00:48,429 สมองรับข้อมูลเหล่านี้ และใช้มันเพื่อสร้างภาพ 13 00:00:48,429 --> 00:00:50,691 ของสิ่งแวดล้อมที่ตามมองเห็น 14 00:00:50,691 --> 00:00:54,399 ยิ่งมีแสงมากเท่าไร โฟตอนก็ยิ่งกระทบตามากเท่านั้น 15 00:00:54,399 --> 00:00:55,729 ในวันที่แดดดี 16 00:00:55,729 --> 00:01:00,259 โฟตอนเข้ากระทบตาของเรา มากถึง 100 ล้านครั้ง 17 00:01:00,259 --> 00:01:02,650 มากกว่าคืนที่มีเมฆมาก และไร้แสงจันทร์ 18 00:01:02,650 --> 00:01:05,420 โฟตอนไม่ได้แค่มีน้อยกว่าในที่มืด 19 00:01:05,420 --> 00:01:08,890 แต่พวกมันยังกระทบกับตา ในแบบที่แม่นยำน้อยกว่า 20 00:01:08,890 --> 00:01:11,839 นั่นหมายความว่าข้อมูล ที่ตัวรับแสงเก็บรวบรวมนั้น 21 00:01:11,839 --> 00:01:13,450 จะแตกต่างออกไปเมื่อเวลาผ่านไป 22 00:01:13,450 --> 00:01:15,600 เช่นเดียวกันกับคุณภาพของภาพที่ได้ 23 00:01:15,600 --> 00:01:20,620 ในความมืด การพยายามตรวจจับโฟตอน ที่เข้ามาอย่างสุ่มและกระจัดกระจาย 24 00:01:20,620 --> 00:01:24,010 ยากเกินไปสำหรับตาของสัตว์กลางวันทั่วไป 25 00:01:24,010 --> 00:01:27,841 แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตกลางคืน มันเป็นเรื่องของการปรับตัว 26 00:01:27,841 --> 00:01:31,391 หนึ่งในการปรับตัวนั้นคือขนาด 27 00:01:31,391 --> 00:01:35,980 ลองดูตัวอย่างเช่น ทาร์เซียร์ ที่มีลูกตาแต่ละดวงใหญ่เท่าสมอง 28 00:01:35,980 --> 00:01:39,990 ทำให้มันมีตาที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับขนาด ของหัวของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมด 29 00:01:39,990 --> 00:01:45,461 ถ้ามนุษย์มีอัตราส่วนสมองต่อตาเท่า ๆ กัน ตาของเราคงใหญ่เท่ากับเกรฟฟรุ๊ต 30 00:01:45,461 --> 00:01:48,830 ดวงตาขนาดใหญ่ของทาร์เซียร์ ไม่ได้วิวัฒนาการมาเพื่อให้ดูน่ารัก 31 00:01:48,830 --> 00:01:51,881 แต่เพื่อรับแสงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 32 00:01:51,881 --> 00:01:55,041 ตาที่ใหญ่กว่าสามารถที่จะมีรูปเปิด ที่เรียกว่า พิวพิล ที่ใหญ่กว่า 33 00:01:55,041 --> 00:01:56,561 และเลนส์ตาที่ใหญ่กว่า 34 00:01:56,561 --> 00:01:59,831 ซึ่งทำให้แสงถูกโฟกัสไปที่ตัวรับแสงได้มากกว่า 35 00:01:59,831 --> 00:02:04,223 ในขณะที่ทาร์เซียร์มองภาพยามวิกาล ด้วยตาขนาดใหญ่ 36 00:02:04,223 --> 00:02:08,432 แมวใช้ตาที่แพรวพราวของมันทำในสิ่งเดียวกัน 37 00:02:08,432 --> 00:02:12,352 ตาของแมวได้ความเงามาจากโครงสร้าง ที่เรียกว่า เทปตัม ลูซิดัม 38 00:02:12,352 --> 00:02:14,791 ที่อยู่หลังตัวรับแสง 39 00:02:14,791 --> 00:02:18,733 โครงสร้างนี้ทำจากชั้นเซลล์ คล้ายกระจกที่มีคริสตัล 40 00:02:18,733 --> 00:02:22,336 ที่ส่งแสงที่เข้ามา ให้สะท้อนกลับไปยังตัวรับแสง 41 00:02:22,336 --> 00:02:24,062 และออกมานอกดวงตา 42 00:02:24,062 --> 00:02:25,812 นั่นเป็นผลให้เกิดการเรืองแสงที่ดูน่ากลัว 43 00:02:25,812 --> 00:02:30,342 และมันยังให้โอกาสกับตัวรับแสดงเป็นหนที่สอง ในการตรวจจับโฟตอน 44 00:02:30,342 --> 00:02:35,973 อันที่จริง ระบบนี้ได้ให้แรงบันดาลใจ ต่อตาจำลองของแมวซึ่งเราใช้กันบนถนน 45 00:02:35,973 --> 00:02:39,653 ตรงกันข้าม คางคกปรับตัวที่จะทำอะไรช้า ๆ 46 00:02:39,653 --> 00:02:41,376 พวกมันสามารถสร้างภาพขึ้นได้ 47 00:02:41,376 --> 00:02:45,701 แม้ว่าจะมีโฟตอนเดียว กระทบกับตัวรับแสงในหนึ่งวินาที 48 00:02:45,701 --> 00:02:47,846 พวกมันทำได้ด้วยตัวรับแสง 49 00:02:47,846 --> 00:02:51,353 ที่ทำงานช้ากว่าตัวรับแสงของมนุษย์ มากกว่า 25 เท่า 50 00:02:51,353 --> 00:02:54,486 นี่หมายความว่าคางคกสามารถเก็บโฟตอน ได้นานถึงสี่วินาที 51 00:02:54,486 --> 00:02:57,362 ทำให้พวกมันรวบรวมได้ มากกว่าที่ตาของเราทำได้ 52 00:02:57,362 --> 00:02:59,743 ในแต่ละช่วงเวลาการมองเห็น 53 00:02:59,743 --> 00:03:03,762 ข้อเสียก็คือ มันทำให้คางคก ตอบสนองได้ช้ามาก ๆ 54 00:03:03,762 --> 00:03:08,034 เพราะว่าพวกมันได้รับภาพใหม่ทุก ๆ สี่วินาที 55 00:03:08,034 --> 00:03:11,474 โชคดี พวกมันคุ้นเคยต่อการจับเหยื่อที่งุ่นง่าน 56 00:03:11,474 --> 00:03:14,793 ในขณะเดียวกัน กลางคืนยังเต็มไปด้วยแมลง 57 00:03:14,793 --> 00:03:16,792 เช่นผีเสื้อกลางคืนเหยี่ยว 58 00:03:16,792 --> 00:03:21,254 ซึ่งสามารถมองเห็นดอกไม้โปรด เป็นสี แม้ว่าในคืนที่มีแต่เพียงแสงดาว 59 00:03:21,254 --> 00:03:23,383 พวกมันทำเช่นนี้ได้โดยความมหัศจรรย์ - 60 00:03:23,383 --> 00:03:26,213 คือการกำจัดเอารายละเอียด ในการรับภาพของพวกมันออก 61 00:03:26,213 --> 00:03:29,754 ข้อมูลจากตัวรับแสงรอบ ๆ ถูกจัดวางเป็นกลุ่ม ในสมองของพวกมัน 62 00:03:29,754 --> 00:03:32,244 ฉะนั้นการจับโฟตอนในแต่ละกลุ่มจึงสูงขึ้น 63 00:03:32,244 --> 00:03:34,745 เมื่อเทียบกับตัวรับแสงตัวเดียว 64 00:03:34,745 --> 00:03:38,422 อย่างไรก็ตาม การจับกลุ่มตัวรับแสง สูญเสียรายละเอียดของภาพไป 65 00:03:38,422 --> 00:03:42,014 เนื่องจากรายละเอียดที่คมชัด ต้องการความคมชัดจากตัวรับแสง 66 00:03:42,014 --> 00:03:45,784 จากแต่ละการตรวจจับโฟตอน จากจุดเล็ก ๆ ในพื้นที่หนึ่ง 67 00:03:45,784 --> 00:03:49,574 เคล็ดลับก็คือเพื่อสร้างความสมดุล ความต้องการโฟตอนกับการสูญเสียรายละเอียด 68 00:03:49,574 --> 00:03:51,243 เพื่อยังจะสามารถหาดอกไม้ของพวกมันได้ 69 00:03:51,243 --> 00:03:54,194 ไม่ว่าตาจะช้า ใหญ่ แพรวพราว หรือว่าขาดรายละเอียด 70 00:03:54,194 --> 00:03:57,245 มันเป็นการรวมกันของการปรับตัวทางชีววิทยา 71 00:03:57,245 --> 00:04:00,956 ที่ทำให้สัตว์กลางคืน มีพลังการมองเห็นที่เป็นเอกลักษณ์ 72 00:04:00,956 --> 00:04:03,907 ลองนึกดูว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าเราได้มองผ่านตาของมัน 73 00:04:03,907 --> 00:04:06,676 ดูโลกที่ตื่นขึ้นมาเมื่อดวงตะวันลับฟ้า