1 00:00:06,728 --> 00:00:09,368 เราได้ยินคำว่าแคลอรี่อยู่บ่อยๆ 2 00:00:09,368 --> 00:00:11,264 เช่น ในคุ๊กกี้มีแคลอรี่เท่าไร 3 00:00:11,264 --> 00:00:13,862 เราเผาผลาญมันได้เท่าไร ในการกระโดดตบ 100 ครั้ง 4 00:00:13,862 --> 00:00:15,305 หรือการวิ่งระยะไกล 5 00:00:15,305 --> 00:00:16,497 หรือการขยับไปมา 6 00:00:16,497 --> 00:00:21,408 แต่จริงๆ แล้วแคลอรี่คืออะไร และจริงๆ แล้วเราต้องการเท่าไรกันนะ 7 00:00:21,408 --> 00:00:25,460 แคลอรี่เป็นวิธีการติดตามงบ ของการใช้พลังงานของร่างกาย 8 00:00:25,460 --> 00:00:30,795 สมดุลที่ดีเกิดเขึ้นเมื่อเราได้พลังงานมา มากพอๆ กับที่สูญไป 9 00:00:30,795 --> 00:00:34,703 ถ้าเราเติมพลังงานเข้าไปอย่างสม่ำเสมอ ในร่างกายของเรา มากกว่าที่เราเผาผลาญ 10 00:00:34,703 --> 00:00:38,854 ส่วนเกิดก็จะค่อยๆ สะสมในรูปไขมันในเซลล์ 11 00:00:38,854 --> 00:00:40,419 และเราก็จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 12 00:00:40,419 --> 00:00:44,377 ถ้าเราเผาผลาญพลังงาน มากกว่าที่เติมเข้าไปใหม่ น้ำหนักก็จะลดลง 13 00:00:44,377 --> 00:00:48,198 ดังนั้น เราจะต้องสามารถคำนวณพลังงาน ที่เราบริโภคและที่เราใช้ 14 00:00:48,198 --> 00:00:51,513 เราทำอย่างนั้นด้วยหน่วยที่เรียกว่า แคลอรี่ 15 00:00:51,513 --> 00:00:56,286 หนึ่งแคลอรี่คือวิธีการที่เราวัดในอาหาร เรียกว่า แคลอรี่ใหญ่ (large calorie) 16 00:00:56,286 --> 00:00:58,605 กำหนดให้เป็นปริมาณของพลังงาน 17 00:00:58,605 --> 00:01:02,654 ที่ต้องใช้เพื่อเพิ่มอุณหภูมิของน้ำหนึ่งกิโลกรัม 18 00:01:02,654 --> 00:01:05,830 ต่อหนึ่งองศาเซลเซียส 19 00:01:05,830 --> 00:01:08,724 ทุกอย่างที่เราบริโภคมีค่าแคลอรี่ 20 00:01:08,724 --> 00:01:13,505 การวัดที่บอกว่ามีพลังงานสะสมในสิ่งนั้น ในรูปของพันธะเคมีมากเท่าไร 21 00:01:13,505 --> 00:01:17,745 พิซซ่าหนึ่งชิ้นโดยทั่วไปจะมี 272 แคลอรี่ 22 00:01:17,745 --> 00:01:20,634 ในขนมปังชิ้นหนึ่งมีประมาณ 78 23 00:01:20,634 --> 00:01:23,720 และในแอปเปิ้ลมีประมาณ 52 24 00:01:23,720 --> 00:01:26,320 พลังงานนั้นถูกปลดปล่อยระหว่างการย่อย 25 00:01:26,320 --> 00:01:28,536 และเก็บไว้ในรูปโมเลกุลอื่น 26 00:01:28,536 --> 00:01:32,529 ที่สามารถสลายและให้พลังงาน เมื่อร่างการต้องการ 27 00:01:32,529 --> 00:01:34,449 มันถูกใช้สามทาง 28 00:01:34,449 --> 00:01:36,980 ประมาณ 10% ใช้ในการย่อยอาหารได้ 29 00:01:36,980 --> 00:01:39,974 ประมาณ 20% ให้พลังงานกับกิจกรรมทางกายภาพ 30 00:01:39,974 --> 00:01:42,506 และที่มากที่สุดคือประมาณ 70% 31 00:01:42,506 --> 00:01:46,845 สนับสนุนหน้าที่หลักของอวัยวะและเนื้อเยื่อ 32 00:01:46,845 --> 00:01:51,757 การใช้อย่างที่สามสอดคล้องกับ อัตราเมตาบอลิซึมระดับพื้นฐาน 33 00:01:51,757 --> 00:01:54,233 จำนวนแคลอรี่ที่เราต้องการเพื่อความอยู่รอด 34 00:01:54,233 --> 00:01:57,259 ถ้าคุณไม่กินหรือเคลื่อนไหวไปรอบๆ 35 00:01:57,259 --> 00:01:59,492 ในกิจกรรมทางกายภาพต่างๆ และการย่อยอาหาร 36 00:01:59,492 --> 00:02:01,812 และคุณก็มาถึงคำแนะนำอย่างเป็นทางการ 37 00:02:01,812 --> 00:02:06,688 ถึงแคลอรี่ที่คนทั่วไปต้องการในแต่ละวัน 38 00:02:06,688 --> 00:02:10,103 2000 สำหรับผู้หญิง และ 2500 สำหรับผู้ชาย 39 00:02:10,103 --> 00:02:11,957 การประมาณนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัย 40 00:02:11,957 --> 00:02:16,527 เช่น น้ำหนักเฉลี่ย กิจกรรมทางกายภาพ และมวลกล้ามเนื้อ 41 00:02:16,527 --> 00:02:20,567 ฉะนั้น นั่นหมายถึงทุกคนควรตั้งเป้า ไว้ประมาณ 2000 แคลอรี่งั้นหรือ 42 00:02:20,567 --> 00:02:22,396 ไม่จำเป็น 43 00:02:22,396 --> 00:02:24,554 ถ้าคุณทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานมาก 44 00:02:24,554 --> 00:02:26,380 เช่น แข่งจักรยานทางไกลรอบฝรั่งเศส ตูร์ เดอ ฟร็องซ์ (Tour de France) 45 00:02:26,380 --> 00:02:30,779 ร่างกายของคุณอาจใช้พลังงาน มากถึง 9000 แคลอรี่ต่อวัน 46 00:02:30,779 --> 00:02:33,997 การตั้งครรภ์ต้องการพลังงาน มากกว่าปกติเล็กน้อย 47 00:02:33,997 --> 00:02:37,523 และคนสูงอายุส่วนใหญ่ มีอัตราเมตาบอลิซึมช้าลง 48 00:02:37,523 --> 00:02:41,437 พลังงานถูกเผาผลาญช้าลง จึงต้องการแคลอรี่น้อยลง 49 00:02:41,437 --> 00:02:45,005 และนี่เป็นอีกอย่างหนึ่งที่คุณควรทราบ ก่อนที่คุณจะเริ่มนับแคลอรี่ 50 00:02:45,005 --> 00:02:50,456 การนับแคลอรี่บนฉลาก เป็นการวัดว่าอาหารมีพลังงานบรรจุอยู่เท่าไร 51 00:02:50,456 --> 00:02:54,379 ไม่ใช่ว่าคุณจะได้พลังงานจากมันจริงๆ เท่าไร 52 00:02:54,379 --> 00:02:59,194 อาหารที่มีกากใยอย่างคื่นช่าย และธัญพืชไม่ขัดขาว ใช้พลังงานในการย่อยมากกว่า 53 00:02:59,194 --> 00:03:04,072 ฉะนั้น คุณอาจลงเอยที่ได้พลังงานน้อยกว่า จากคื่นช่าย 100 แคลอรี่ 54 00:03:04,072 --> 00:03:07,410 เมื่อเทียบกับ มันฝรั่งทอด 100 แคลอรี่ 55 00:03:07,410 --> 00:03:12,328 นี่ยังไม่ได้รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าอาหารบางอย่าง ให้สารอาหารอย่างโปรตีนและวิตามิน 56 00:03:12,328 --> 00:03:15,666 ในขณะที่อาหารอื่นๆ มีคุณค่าทางอาหารน้อยกว่ามาก 57 00:03:15,666 --> 00:03:17,110 การรับประทานอาหารพวกนั้นมากเกินไป 58 00:03:17,110 --> 00:03:21,032 อาจทำให้คุณมีน้ำหนักมากเกินไป และมีสารอาหารไม่เพียงพอ 59 00:03:21,032 --> 00:03:23,437 และแม้กระทั่งอาหารอย่างเดียวกัน 60 00:03:23,437 --> 00:03:27,112 แต่ละคนก็อาจจะไม่ได้แคลอรี่ในปริมาณเท่ากัน 61 00:03:27,112 --> 00:03:29,439 สิ่งที่ต่างกันอย่างระดับเอนไซม์ 62 00:03:29,439 --> 00:03:30,981 แบคทีเรียในลำไส้ 63 00:03:30,981 --> 00:03:33,104 และแม้กระทั่งความยาวของลำไส้ 64 00:03:33,104 --> 00:03:37,479 หมายความว่าความสามารถของแต่ละคน ที่จะสกัดพลังงานจากอาหาร 65 00:03:37,479 --> 00:03:39,338 แตกต่างกันเล็กน้อย 66 00:03:39,338 --> 00:03:41,846 ฉะนั้น แคลอรี่เป็นการวัดพลังงานที่มีประโยชน์ 67 00:03:41,846 --> 00:03:45,605 แต่เพื่อที่จะคำนวณให้แน่ชัดว่า เราแต่ละคนต้องการพลังงานเท่าไร 68 00:03:45,605 --> 00:03:48,260 เราต้องคิดถึงปัจจัยอย่างการออกกำลังกาย 69 00:03:48,260 --> 00:03:49,514 ชนิดของอาหาร 70 00:03:49,514 --> 00:03:52,022 และความสามารถในการจัดการพลังงาน ของร่างกายของเรา 71 00:03:52,022 --> 00:03:54,976 ขอให้โชคดีในการหาข้อมูลเหล่านี้ บนฉลากข้อมูลสารอาหาร