พิธีกร: ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ เข้าสู่ TEDxChulalongkornU ครับ ขอเชิญทุกท่านพบกับ ป้าแป๋ว กาญจนา พันธุเตชะครับ กับทอล์คที่มีชื่อว่า "Hipster เที่ยวลืมวัย" ครับ (เสียงปรบมือ) ป้าแป๋วมาพร้อมกับเป้คู่ใจเลยนะคะ กระเป๋าเป้ใบนี้ก็จะมีเฉพาะเสื้อผ้า และของใช้ที่จำเป็น แล้วก็มีหนังสือ แล้วก็มีข้อมูลที่ใช้ในการเดินทางเท่านั้น ไม่มีที่ว่างสำหรับของที่ช้อปปิ้งเลยค่ะ ขอวางเป้ก่อนนะคะ จะได้คุยกันได้สะดวก เดี๋ยวคนฟังอึดอัดแย่เลย เพราะป้าแป๋วแบกเป้คุยอย่างนี้ ทุกคนคงจะคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตตามกรอบ ที่สังคมขีดเส้นไว้ให้เรา ว่าเด็ก ๆ ต้องตั้งใจเรียน เรียนให้เก่ง ๆ แล้วก็ทำงานเป็นเจ้าคนนายคน พอแต่งงานก็รู้จักเก็บเงินเก็บทอง สร้างฐานะให้มั่นคง พอถึงวัยเกษียณนี่จะเป็นวัยที่ต้องพักผ่อน เลี้ยงหลาน อยู่บ้าน เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของบ้าน นี่คือความรู้สึก นี่คือความนึกคิดของคนในยุคป้าแป๋ว เป็นยุคเบบี้บูมเมอร์ค่ะ เป็นยุคที่เป็นแฟนของหนังสือพล นิกร กิมหงวน หนังสือเรื่องสี่แผ่นดิน และบทประพันธ์อีกหลายเล่ม ที่หล่อหลอม ให้คนในยุคป้าแป๋วมีความคิดอย่างนั้น แล้วก็มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตแบบนั้น ถ้าใครที่มีฐานะมั่นคง ลูกเรียนจบแล้ว ได้ทำงานดี ๆ เกษียณแล้ว ใช้ชีวิตที่สบาย อยู่บ้านกับลูก ๆ หลาน ๆ ถือว่า เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ป้าแป๋วก็เป็นข้าราชการมา เหมือนคนอื่น ๆ เหมือนกัน ตลอดชีวิตทำงานราชการมาเกือบ 40 ปีค่ะ ได้เงินเดือนเดือนแรก 1,600 กว่าบาท ไม่น่าเชื่อนะคะ และครึ่งหนึ่งต้องแบ่งไปช่วยเหลือครอบครัว แต่งงานแล้วอยู่ต่างจังหวัดค่ะ สุดท้ายก็ต้องย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อดูแลลูกเรียนหนังสือ ทิ้งให้พ่อบ้านทำงานหาเงิน อยู่ที่ต่างจังหวัดค่ะ ในสมัยนั้น เพื่อน ๆ ก็คอยถามอยู่เรื่อยว่า คิดดีแล้วหรอ ระวังเลือกลูกจะได้แต่ลูกนะ ในสมัยนั้นก็ต้องบอกก่อนนะคะว่า เป็นสมัยที่ผู้ชายมีแฟชั่น นิยมการมีเมียน้อยน่ะค่ะ ป้าแป๋วฟังแล้วก็ได้แต่กลัว ๆ นะคะ ว่าจะได้เป็นนางเอกหรือเมียหลวง ก็ได้แต่ฟังแล้วก็ เออ เราคงต้องเก็บเงิน ใช้อย่างประหยัด แล้วก็มีเงินเหลือเก็บไว้บ้าง เผื่อว่าชีวิตครอบครัวมีปัญหา เราจะได้มีสตางค์ไปซื้อบ้านอยู่กันแม่ลูก ตอนนั้นก็คิดแค่นั้นนะคะ แล้วทางด้านสุขภาพ ป้าแป๋วก็เป็นคนหนึ่ง ที่กลัวโรคยอดฮิตของคนแก่ ที่เราจะพบมากเลย คือเบาหวานและความดันโลหิตสูง ก็ได้แต่ออกกำลังกาย แล้วก็ดูแลเรื่องอาหารการกินเท่านั้นเอง ที่เล่ามาทั้งหมดนี่เพื่อจะบอกให้ทราบว่า ณ วันที่เกษียณอายุราชการนั้น ป้าแป๋วมีต้นทุนในการเดินทาง 2 อย่างค่ะ ก็คือต้นทุนทางด้านค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จากเงินที่เก็บสะสมไว้ใช้ในกรณีที่ว่า ครอบครัวมีเหตุฉุกเฉิน อันที่สองคือต้นทุนทางด้านสุขภาพค่ะ แต่ก็อยากจะบอกว่าทั้ง 2 อย่างนั้น ไม่ได้เกิดขึ้น ณ วันที่ ป้าแป๋วเกษียณอายุราชการนะคะ มันเกิดจากการสะสม เกิดจากการทำอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน หลาย 10 ปีทีเดียว พอถึงวันกำหนดเกษียณอายุราชการจริง ๆ ช่วงที่เกษียณใหม่ ๆ ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือน เราเป็นรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วโดยตลอด จะให้หยุดทันทีทันใด เพื่อมาใช้ชีวิตตามกรอบของคนวัยเกษียณ นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้าน ดูทีวี นั่งสมาธิ สวดมนต์ เลี้ยงหลาน ทำกับข้าว อ่านนิยาย ดำน้ำดูปะการัง เฮ้อ ป้าแป๋วก็เซ็งสุด ๆ นะคะ มันไม่ใช่ทางฮิปสเตอร์อย่างเรานะ อยู่เฉา ๆ ที่บ้านได้สักพักหนึ่ง ก็เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าค่ะ เปิดประตู รู้ตัวอีกที ก็อยู่ที่ขนส่งหมอชิตแล้ว ก้าวขึ้นรถ นอนหลับ เช้าที่เชียงรายค่ะ นี่เป็นการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว ครั้งแรกของป้าแป๋ว แรก ๆ ก็ไม่มั่นใจ เที่ยว ๆ ไปก็รู้สึกว่าเออ มันก็สนุกดีนะ ได้ดูวิถีชีวิตของผู้คน ได้ชิมอาหารอร่อย ๆ ของท้องถิ่น ก็มีความรู้สึกว่ามันก็ดีกว่า นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้านเป็นไหน ๆ จากนั้นก็มีทริปไปจังหวัดอื่นต่อหลายครั้ง ทำให้ป้าแป๋วมั่นใจ และไม่กลัวการเดินทางคนเดียวอีกต่อไป ในระหว่างที่เที่ยวไทยอยู่ตอนนั้น ก็เหลือบไปเห็นรายการโปรโมชั่นยุโรป แหม่ราคาน่าจูงใจจังเลยนะคะ อยากไป บางทีปลาย ๆ ปีเขาจะดัมพ์ราคามา น่าสนใจมากเลยนะคะ ก็โทรไปชวนเพื่อน เพื่อนก็บอกว่า ไปมาแล้วบ้าง ไม่ว่างบ้าง อยากจะไปประเทศนู่นนี่นั่นมากกว่าบ้าง สุดท้ายป้าแป๋วก็อดไป ก็ได้แต่คิดว่า เอ ถ้าต้องรอคนอื่นอย่างนี้ เมื่อไหร่จะได้ไป ก็คงจะไม่มีทางได้ไปแล้วล่ะ อยู่มาวันหนึ่งก็ไปเจอหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ที่ตรงใจมากเลย เขาบอกขั้นตอน บอกวิธีการท่องเที่ยวต่างประเทศคนเดียว วิธีการจองตั๋วเครื่องบิน วิธีการจองที่พักทางอินเทอร์เน็ต โถ คนรุ่นป้าแป๋ว เป็นรุ่นที่เกิดก่อนคอมพิวเตอร์นะคะ จะให้มานั่งจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พักทางอินเทอร์เน็ต มันเกินฝันรึเปล่า เป็นเรื่องยากนะคะ อะไรเกี่ยวกับไอทีสำหรับคนรุ่นนี้ เป็นเรื่องที่เข้าใจยากมากเลยนะคะ ขนาดเล่นไลน์ ลูกยังต้องคอยบอก “แม่ ฝั่งซ้ายมือเป็นฝั่งข้อความ ที่คนอื่นส่งมาให้เรานะ ฝั่งขวามือนี่เป็นข้อความ ที่เราส่งไปหาคนอื่นนะ อย่าคุยอยู่คนเดียวล่ะ” แล้วคนวัยนี้นะคะ ความจำสั้นมากเลย คำถามเดิม ถามแล้วก็ถามอีก ไม่เคยจำได้ แต่พอนางจำได้ นางเล่นเป็น นางก็จะติดใจ ส่งรูปไปทักทายเพื่อนทุกวัน (เสียงปรบมือ) เป็นความสุขของคนในวัยนี้ ต้องเข้าใจหน่อยนะคะ พอป้าแป๋วจองตั๋วเครื่องบินเป็น จองที่พักเป็นแล้ว ไม่ได้ ต้องออกเดินทางเลยค่ะ ไปตามรอยมะเมี้ยะกับเจ้าน้อยศุขเกษม ที่เมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า แล้วก็ลงไปเที่ยวทางใต้ที่ทวาย และมะริดเป็นเวลา 8 วันค่ะ ความสนุก ความตื่นเต้น ทำให้เราลืมความลำบาก ของสภาพถนนหนทาง ที่ยิ่งกว่าผิวพระจันทร์ในพม่า และสภาพห้องพักเล็ก ๆ ในเกสต์เฮาส์ พัดลมด้วยนะคะ ไม่ใช่แอร์ คืนละ 12 ดอลลาร์ ในพม่าไปหมดเลย กลับมา 8 วัน ก็รู้สึกว่ายังไม่หนำใจนะคะ อ่านจากหนังสือประวัติศาสตร์ ยังมีอีกหลายเมืองที่เราอยากจะไปเห็นกับตา ก็กลับมาขอวีซ่าใหม่ค่ะ รอบที่ 2 นี่ไปอีก 15 วันค่ะ ไปทุกเมืองที่เราอยากจะไป จนรู้สึกอิ่มสำหรับประเทศพม่า แล้วป้าแป๋วก็รู้สึกมั่นใจแล้วล่ะค่ะว่า เราสามารถเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวได้ ในต่างประเทศ หลังจากนั้น ป้าแป๋วกับเป้ใบนี้ล่ะค่ะ แบกเป้คู่ใจนี่ล่ะ ก็วางแผนเที่ยวกันยาวข้ามปีเลย ซ่าแล้วนะคะตอนนี้ เริ่มต้นด้วยประเทศมาเลเซีย เวียดนามเหนือ-ใต้ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเหล่านี้ป้าแป๋วไปประเทศละ 2 ครั้ง แต่ละครั้งก็ไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็เป็นฮ่องกง มาเก๊า และหลังสุดที่ไปก็คือรัสเซีย เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้เอง ความตื่นเต้นของการเดินทาง บางครั้งก็อยู่ที่การถูกหลอก การถูกโกงมิเตอร์ในเวียดนามเหนือ แล้วนอนหลับอยู่บนรถทัวร์ดี ๆ ก็ถูกปลุกแล้วปล่อยลงข้างทาง ในเวลาเที่ยงคืนครึ่ง หายง่วงเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะตอนนั้น แล้วที่ไหนเนี่ย ตอนนั้นได้แต่คิดว่า ถ้าเขามาปล้นมาจี้ตอนนั้น จะเอาอะไรก็ต้องยอมให้หมดแล้วนะ จะฆ่าจะแกงก็ไม่มีทางสู้อะไรทั้งสิ้นเลย แต่ก็โชคดีที่หาทางหลบเข้าไป พักในโรงแรมได้อย่างปลอดภัยค่ะ หลังจากตรงนั้นแล้ว ป้าแป๋วก็จะได้รับคำถามยอดฮิตมาก ในการเดินทาง อันที่ 1 ก็คือ เดินทางอายุเยอะอย่างนี้ ทางบ้านเป็นห่วงไหม เป็นห่วงแน่นอนค่ะ ไม่มากก็น้อย แต่ก็จะพยายามบอกว่า ไม่เป็นไร ไปได้ แม่ยังมีไฟอยู่ เราก็จะรู้สุขภาพของเราดี พอเราจะเช็คสุขภาพเราก็ ทุกวันนี้ก็ยังออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนะคะ ส่วนการติดต่อสื่อสารระหว่างเดินทางนั้น ทางบ้านก็จะทราบพร้อม ๆ กับแฟนเพจเหมือนกัน เพราะป้าแป๋วก็จะอัพเดทเฟซบุ๊ค นิดหนึ่ง นิดหนึ่ง อัพเดทเฟซบุ๊คนะคะ เมื่อกลับถึงที่พักทุกวัน ส่วนคำถามอันที่ 2 ก็คือ ภาษาล่ะ มีปัญหาไหม หลายคนไม่กล้าเดินทาง เพราะคิดว่าตัวเองภาษายังไม่ดี ป้าแป๋วก็อยากจะบอกนะคะว่า ป้าแป๋วเป็นตั้งเด็กนอก แต่ไม่ใช่เมืองนอกนะคะ เป็นเด็กบ้านนอกค่ะ ป้าแป๋วยังไม่กลัวเลย เวลาเราเดินทาง ภาษาที่เราใช้ในการสื่อสาร ก็จะเป็นภาษาอังกฤษ ขั้นพื้นฐาน ที่พอสื่อสารกันรู้เรื่องนิดหน่อย บางครั้งก็ใช้ภาษามือประกอบด้วย แค่นี้ก็เที่ยวได้สบายแล้วค่ะ คำถามที่ 3 ที่ป้าแป๋วจะได้รับบ่อย ๆ ก็คือ เดินทางคนเดียวกลัวไหม อันนี้ป้าแป๋วคิดว่า มันเป็นความรู้สึก ที่เรากลัวไปก่อน อย่างเช่นอ่านหนังสือเกี่ยวกับ ประเทศรัสเซียจะออกแนวน่ากลัว เพราะว่าผู้คนจะตัวใหญ่ และหน้าตาถมึงทึง และไม่พูดภาษาอังกฤษ อ่านแล้วก็ โอ้ ไม่น่าไปเลยประเทศนี้ น่ากลัว แต่พอไปจริง ๆ แล้ว ก็ไม่มีอะไร ก็เที่ยวได้ ป้าแป๋วมีวิธีการก้าวข้ามความน่ากลัว ในการเดินทาง โดยการที่หาข้อมูลให้แน่นเข้าไว้ค่ะ ให้มากพอที่เรามั่นใจ ก่อนที่จะออกเดินทางทุกครั้ง การเดินทางไปต่างประเทศสมัยนี้ สะดวกกว่าสมัยก่อน สมัยที่ป้าแป๋วเด็ก ๆ เยอะเลย เพราะว่ามีสายการบินต้นทุนต่ำ ให้เราได้เลือกใช้บริการมากมาย นอกจากนั้นยังมีอินเทอร์เน็ต ที่ช่วยในการจองตั๋วเครื่องบิน และที่พัก นอกจากนั้นก็ช่วยในการสืบค้นข้อมูล ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศเป็นเรื่องง่าย แต่เราต้องใช้มันให้เป็น เมื่อทุกอย่างพร้อมเดินทางแล้ว ก็คืออันที่ 1 ค่าใช้จ่ายพร้อม จากเงินที่เราเก็บสะสม ไว้ใช้ในยามที่ครอบครัวอาจจะมีปัญหาฉุกเฉิน พอเกษียณแล้วไม่ได้ใช้ ป้าแป๋วก็เอามาเป็นทุน ในการเดินทางท่องเที่ยวตรงนี้ อันที่ 2 ร่างกายพร้อม เดินทางคนเดียวนี่นะ ร่างกายต้องฟิตแอนด์เฟิร์มพอสมควร อันที่ 3 ข้อมูลและแผนการเดินทางพร้อม อันที่ 4 ใจคนเดินทางพร้อม เมื่อทุกอย่างพร้อมนะคะ ก็เทคออฟกันเลยนะคะ ป้าแป๋วก็ขอใช้ช่วงเวลาในช่วงหลังเกษียณ และยังมีร่างกายที่แข็งแรง มีความสุขกับการท่องเที่ยวตามใจฝันค่ะ เดือนหน้าตุลาคม ป้าแป๋วก็จะไปประเทศกรีซ 21 วัน ธันวาคมก็จะไปศรีลังกา มกราคมก็จะไปซัวเถา ช่วงสงกรานต์ก็จะไปยุโรปเหนือ และอีกประเทศหนึ่งที่อยากจะไป และมีความท้าทายสุด ๆ ก็คือประเทศอินเดีย ขึ้นชื่อสุด ๆ ของเรื่องความโหด ป้าแป๋วก็ซื้อหนังสือมาศึกษา และจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วค่ะ จะไปประเทศไหน ไปเมื่อไหร่ ไปกี่วัน ป้าแป๋วขอกำหนดเองค่ะ สวัสดีค่ะ (เสียงปรบมือ)