[Script Info] Title: [Events] Format: Layer, Start, End, Style, Name, MarginL, MarginR, MarginV, Effect, Text Dialogue: 0,0:00:07.26,0:00:10.81,Default,,0000,0000,0000,,หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก\Nเป็นหนึ่งในไม่กี่แนวคิด Dialogue: 0,0:00:10.81,0:00:14.69,Default,,0000,0000,0000,,ของควอนตัมฟิสิกส์\Nที่ได้ขยายไปสู่วัฒนธรรมสมัยนิยม Dialogue: 0,0:00:14.69,0:00:20.46,Default,,0000,0000,0000,,มันบอกว่าเราไม่สามารถที่จะทราบตำแหน่ง\Nและความเร็วที่แน่นอนของวัตถุ ในเวลาเดียวกันได้ Dialogue: 0,0:00:20.46,0:00:22.89,Default,,0000,0000,0000,,มันไปโผล่ในฐานะอุปลักษณ์ในทุกๆ เรื่อง Dialogue: 0,0:00:22.89,0:00:26.41,Default,,0000,0000,0000,,ตั้งแต่การวิจารณ์วรรณกรรม\Nไปจนถึงเรื่องกีฬา Dialogue: 0,0:00:26.41,0:00:29.43,Default,,0000,0000,0000,,ความไม่แน่นอนมักถูกอธิบายว่า\Nเป็นผลที่เกิดจากขั้นตอนการวัด Dialogue: 0,0:00:29.43,0:00:34.56,Default,,0000,0000,0000,,การลงมือวัดตำแหน่งของวัตถุได้เปลี่ยนความเร็วของมัน\Nหรือ เช่นกันในทางตรงข้าม Dialogue: 0,0:00:34.56,0:00:38.38,Default,,0000,0000,0000,,จุดกำเนิดของหลักการนี้\Nลึกซึ้งและน่าทึ่งกว่านี้มาก Dialogue: 0,0:00:38.38,0:00:41.76,Default,,0000,0000,0000,,หลักความไม่แน่นอนดำรงอยู่\Nเพราะว่าทุกสิ่งในเอกภพ Dialogue: 0,0:00:41.76,0:00:46.32,Default,,0000,0000,0000,,ประพฤติตัวเสมือนเป็นอนุภาคและคลื่น\Nในเวลาเดียวกัน Dialogue: 0,0:00:46.32,0:00:50.46,Default,,0000,0000,0000,,ในกลศาสตร์ควอนตัม ตำแหน่งที่แน่นอน\Nและความเร็วที่แน่นอนของวัตถุ Dialogue: 0,0:00:50.46,0:00:51.90,Default,,0000,0000,0000,,ไม่มีความหมายใดๆ Dialogue: 0,0:00:51.90,0:00:53.15,Default,,0000,0000,0000,,เพื่อที่จะเข้าใจเรื่องนี้ Dialogue: 0,0:00:53.15,0:00:57.05,Default,,0000,0000,0000,,เราจำเป็นต้องคิดว่าการประพฤติตัวเหมือนอนุภาค \Nหรือคลื่น นั้นหมายถึงอะไร Dialogue: 0,0:00:57.05,0:01:01.86,Default,,0000,0000,0000,,โดยนิยามแล้วอนุภาค\Nจะอยู่ในสถานที่หนึ่ง ณ เวลาหนึ่ง Dialogue: 0,0:01:01.86,0:01:06.36,Default,,0000,0000,0000,,เราสามารถแสดงให้เห็นโดยใช้กราฟ\Nบอกความน่าจะเป็นในการพบวัตถุ Dialogue: 0,0:01:06.36,0:01:09.03,Default,,0000,0000,0000,,ที่ตำแหน่งหนึ่งๆ\Nซึ่งกราฟจะมีลักษณะเป็นยอดแหลมอันเดียว Dialogue: 0,0:01:09.03,0:01:13.71,Default,,0000,0000,0000,,โดยมีโอกาสพบวัตถุ 100% ที่ตำแหน่งหนึ่ง \Nและเป็นศูนย์ในตำแหน่งที่เหลือ Dialogue: 0,0:01:13.71,0:01:17.62,Default,,0000,0000,0000,,ในทางกลับกัน คลื่น คือ \Nการเคลื่อนที่ของการรบกวนแผ่ไปยังที่ว่าง Dialogue: 0,0:01:17.62,0:01:20.34,Default,,0000,0000,0000,,เหมือนคลื่นที่แผ่ปกคลุมผิวน้ำในบ่อ Dialogue: 0,0:01:20.34,0:01:23.77,Default,,0000,0000,0000,,เราสามารถบ่งบอกคุณสมบัติต่างๆ \Nของคลื่นได้ในภาพรวม Dialogue: 0,0:01:23.77,0:01:25.93,Default,,0000,0000,0000,,อันที่สำคัญสุด ได้แก่ ความยาวคลื่น Dialogue: 0,0:01:25.93,0:01:28.64,Default,,0000,0000,0000,,ที่เป็นระยะห่างระหว่างสันคลื่นที่อยู่ติดกัน Dialogue: 0,0:01:28.64,0:01:30.46,Default,,0000,0000,0000,,หรือ ระยะห่างของท้องคลื่นที่อยู่ติดกัน Dialogue: 0,0:01:30.46,0:01:33.02,Default,,0000,0000,0000,,แต่เราไม่สามารถบอกตำแหน่งที่แน่นอนของมันได้ Dialogue: 0,0:01:33.02,0:01:36.28,Default,,0000,0000,0000,,มันมีโอกาสที่จะเจอคลื่นในหลายๆ ตำแหน่ง Dialogue: 0,0:01:36.28,0:01:39.10,Default,,0000,0000,0000,,ความยาวคลื่นมีความสำคัญในควอนตัมฟิสิกส์ Dialogue: 0,0:01:39.10,0:01:42.42,Default,,0000,0000,0000,,เพราะว่า ความยาวคลื่นของวัตถุ\Nสัมพันธ์กับโมเมนตัมของมัน Dialogue: 0,0:01:42.42,0:01:44.02,Default,,0000,0000,0000,,ซึ่งคือ มวลคูณกับความเร็ววัตถุ Dialogue: 0,0:01:44.02,0:01:46.91,Default,,0000,0000,0000,,วัตถุที่เคลื่อนที่เร็วจะมีโมเมนตัมมาก Dialogue: 0,0:01:46.91,0:01:50.02,Default,,0000,0000,0000,,ซึ่งส่งผลให้มันมีความยาวคลื่นที่สั้นมาก Dialogue: 0,0:01:50.02,0:01:54.18,Default,,0000,0000,0000,,วัตถุที่มีมวลมากจะมีโมเมนตัมมาก\Nถึงแม้ว่ามันจะเคลื่อนที่ไม่เร็ว Dialogue: 0,0:01:54.18,0:01:56.97,Default,,0000,0000,0000,,ซึ่งทำให้มันมีความยาวคลื่นที่สั้นมากเช่นเดียวกัน Dialogue: 0,0:01:56.97,0:02:00.84,Default,,0000,0000,0000,,นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่สังเกตเห็นความเป็นคลื่น\Nของวัตถุต่างๆ ในชีวิตประจำวัน Dialogue: 0,0:02:00.84,0:02:02.64,Default,,0000,0000,0000,,ถ้าคุณขว้างลูกเบสบอลขึ้นไปบนฟ้า Dialogue: 0,0:02:02.64,0:02:07.03,Default,,0000,0000,0000,,ความยาวคลื่นของมันจะเท่ากับ \N1/10 ยกกำลัง 33 เมตร Dialogue: 0,0:02:07.03,0:02:09.36,Default,,0000,0000,0000,,เล็กมากเกินกว่าจะสังเกตเห็น Dialogue: 0,0:02:09.36,0:02:12.32,Default,,0000,0000,0000,,วัตถุเล็กๆ เช่น อะตอม หรือ อิเล็คตรอน Dialogue: 0,0:02:12.32,0:02:16.14,Default,,0000,0000,0000,,มีความยาวคลื่นมากพอที่จะวัดได้\Nจากการทดลองทางฟิสิกส์ Dialogue: 0,0:02:16.14,0:02:20.74,Default,,0000,0000,0000,,ถ้าเรามีคลื่นหนึ่ง เราจะสามารถวัดความยาวคลื่น\Nและโมเมนตัมของมันได้ Dialogue: 0,0:02:20.74,0:02:23.10,Default,,0000,0000,0000,,แต่จะไม่สามารถวัดตำแหน่งของมันได้ Dialogue: 0,0:02:23.10,0:02:25.25,Default,,0000,0000,0000,,เราสามารถทราบตำแหน่งของอนุภาคได้เป็นอย่างดี Dialogue: 0,0:02:25.25,0:02:28.49,Default,,0000,0000,0000,,แต่มันไม่มีความยาวคลื่น \Nดังนั้นเราจึงไม่ทราบโมเมนตัมของมัน Dialogue: 0,0:02:28.49,0:02:31.60,Default,,0000,0000,0000,,การจะทราบทั้งตำแหน่งและโมเมนตัมของอนุภาค Dialogue: 0,0:02:31.60,0:02:33.76,Default,,0000,0000,0000,,เราจำเป็นต้องรวมภาพสองภาพเข้าด้วยกัน Dialogue: 0,0:02:33.76,0:02:37.16,Default,,0000,0000,0000,,เพื่อสร้างกราฟที่มีคลื่น\Nแต่จำกัดให้อยู่เฉพาะในพื้นที่เล็กๆ Dialogue: 0,0:02:37.16,0:02:38.80,Default,,0000,0000,0000,,จะทำมันได้อย่างไร Dialogue: 0,0:02:38.80,0:02:41.55,Default,,0000,0000,0000,,ก็โดยการรวมคลื่น\Nที่มีความยาวคลื่นต่างๆ เข้าด้วยกัน Dialogue: 0,0:02:41.55,0:02:46.53,Default,,0000,0000,0000,,ซึ่งทำให้อนุภาคควอนตัม\Nมีโอกาสมีค่าโมเมนตัมได้หลายค่า Dialogue: 0,0:02:46.53,0:02:49.28,Default,,0000,0000,0000,,เมื่อเรารวมคลื่น 2 อันเข้าด้วยกัน\Nเราพบว่ามันมีบริเวณ Dialogue: 0,0:02:49.28,0:02:52.06,Default,,0000,0000,0000,,ที่สันคลื่นเรียงกันทำให้เป็นคลื่นที่ใหญ่ขึ้น Dialogue: 0,0:02:52.06,0:02:55.82,Default,,0000,0000,0000,,และบริเวณที่สันคลื่นหนึ่ง\Nไปซ้อนทับท้องคลื่นอีกอันหนึ่ง Dialogue: 0,0:02:55.82,0:02:58.28,Default,,0000,0000,0000,,ผลก็คือ เราจะได้บริเวณที่เราพบคลื่น Dialogue: 0,0:02:58.28,0:03:01.11,Default,,0000,0000,0000,,คั่นด้วยบริเวณที่ราบเรียบไม่มีคลื่น Dialogue: 0,0:03:01.11,0:03:02.59,Default,,0000,0000,0000,,ถ้าเราเพิ่มคลื่นอันที่ 3 เข้าไป Dialogue: 0,0:03:02.59,0:03:05.71,Default,,0000,0000,0000,,บริเวณที่ไม่มีคลื่นก็จะกว้างขึ้นไปอีก Dialogue: 0,0:03:05.71,0:03:09.89,Default,,0000,0000,0000,,เพิ่มคลื่นอันที่ 4 มันก็จะกว้างขึ้นไปอีก\Nพร้อมกับส่วนที่มีคลื่นจะแคบลงเรื่อยๆ Dialogue: 0,0:03:09.89,0:03:13.09,Default,,0000,0000,0000,,ถ้าเราเพิ่มคลื่นเข้าไปเรื่อยๆ\Nเราก็จะได้กลุ่มคลื่นเล็กๆ อันหนึ่ง Dialogue: 0,0:03:13.09,0:03:16.17,Default,,0000,0000,0000,,ที่มีควาวยาวคลื่นชัดเจน อยู่ในบริเวณแคบๆ Dialogue: 0,0:03:16.17,0:03:20.22,Default,,0000,0000,0000,,มันคือ วัตถุควอนตัม \Nที่มีคุณสมบัติเป็นทั้งคลื่นและอนุภาค Dialogue: 0,0:03:20.22,0:03:23.31,Default,,0000,0000,0000,,การจะได้คุณสมบัตินี้มา \Nเราต้องแลกกับความแน่นอน Dialogue: 0,0:03:23.31,0:03:25.80,Default,,0000,0000,0000,,เกี่ยวกับตำแหน่งและโมเมตัม Dialogue: 0,0:03:25.80,0:03:28.22,Default,,0000,0000,0000,,ตำแหน่งจะไม่ได้จำกัดอยู่ที่จุดเดียวอีกต่อไป Dialogue: 0,0:03:28.22,0:03:30.92,Default,,0000,0000,0000,,มันมีโอกาสที่จะพบอนุภาคที่ตำแหน่งต่างๆ Dialogue: 0,0:03:30.92,0:03:32.84,Default,,0000,0000,0000,,รอบๆ ศูนย์กลางของกลุ่มคลื่นนั้น Dialogue: 0,0:03:32.84,0:03:35.59,Default,,0000,0000,0000,,ซึ่งกลุ่มคลื่นนั้นเกิดจากการรวมกันของคลื่นมากมาย Dialogue: 0,0:03:35.59,0:03:38.01,Default,,0000,0000,0000,,ซึ่งความว่า มันมีโอกาสที่จะพบอนุภาค Dialogue: 0,0:03:38.01,0:03:41.29,Default,,0000,0000,0000,,โดยมันจะมีโมเมนตัมเป็นของคลื่นย่อยอันไหนก็ได้ Dialogue: 0,0:03:41.29,0:03:44.74,Default,,0000,0000,0000,,ตอนนี้ทั้งโมเมนตัมและตำแหน่ง มีความไม่แน่นอน Dialogue: 0,0:03:44.74,0:03:46.82,Default,,0000,0000,0000,,และความไม่แน่นอนนั้นเกี่ยวโยงกัน Dialogue: 0,0:03:46.82,0:03:49.21,Default,,0000,0000,0000,,ถ้าคุณต้องการลดความไม่แน่นอนของตำแหน่ง Dialogue: 0,0:03:49.21,0:03:52.63,Default,,0000,0000,0000,,โดยการทำให้กลุ่มคลื่นมีขนาดเล็กลง\Nซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มคลื่นเข้าไปอีก Dialogue: 0,0:03:52.63,0:03:54.86,Default,,0000,0000,0000,,ซึ่งทำให้ความไม่แน่นอนของโมเมนตัม\Nมากขึ้นไปด้วย Dialogue: 0,0:03:54.86,0:03:58.05,Default,,0000,0000,0000,,แต่ถ้าคุณต้องการค่าโมเมนตัมที่ชัดเจนขึ้น\Nก็จำเป็นต้องทำให้กลุ่มคลื่นมีขนาดใหญ่ขึ้นไปด้วย Dialogue: 0,0:03:58.05,0:04:01.01,Default,,0000,0000,0000,,ซึ่งทำให้ความไม่แน่นอนของตำแหน่งมีมากขึ้น Dialogue: 0,0:04:01.01,0:04:03.22,Default,,0000,0000,0000,,นี่ก็คือ หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก Dialogue: 0,0:04:03.22,0:04:08.21,Default,,0000,0000,0000,,ถูกกล่าวถึงครั้งแรก โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน\Nแวร์เนอร์ ไฮเซนเบิร์ก (Werner Heisenberg)\Nในค.ศ. 1927 Dialogue: 0,0:04:08.21,0:04:12.59,Default,,0000,0000,0000,,ความไม่แน่นอนที่มี ไม่ได้เป็นผลมากจากวิธีการวัด Dialogue: 0,0:04:12.59,0:04:17.11,Default,,0000,0000,0000,,แต่เป็นผลที่เลี่ยงไม่ได้จากธรรมชาติ\Nที่มีร่วมกันของอนุภาคและคลื่น Dialogue: 0,0:04:17.11,0:04:20.66,Default,,0000,0000,0000,,หลักความไม่แน่นอนไม่เพียงแต่\Nเป็นข้อจำกัดของการวัดในทางปฏิบัติ Dialogue: 0,0:04:20.66,0:04:23.73,Default,,0000,0000,0000,,แต่มันยังไปจำกัด\Nถึงคุณสมบัติใดก็ตามที่วัตถุสามารถมีได้ Dialogue: 0,0:04:23.74,0:04:27.78,Default,,0000,0000,0000,,ซึ่งเป็นไปตามโครงสร้างที่เป็นรากฐานของเอกภพ