1 00:00:09,594 --> 00:00:11,617 รัสเซียมาจากไหน 2 00:00:11,617 --> 00:00:13,160 ทำไมถึงมีขนาดใหญ่นัก 3 00:00:13,160 --> 00:00:16,888 และมันแตกต่างจากเพื่อนบ้านอย่างไร 4 00:00:16,888 --> 00:00:20,393 คำตอบอยู่ในเรื่องราวอันน่าทึ่ง ของนักรบทางทะเล 5 00:00:20,393 --> 00:00:22,612 ผู้รุกรานเร่ร่อน 6 00:00:22,612 --> 00:00:28,525 และความรุ่งเรืองและการเสื่อมสลายของ รัฐยุคกลางที่ชื่อว่าคีแวน รัส (Kievan Rus) 7 00:00:28,525 --> 00:00:29,769 ในสหัสวรรษแรก 8 00:00:29,769 --> 00:00:34,230 ชนเผ่ากลุ่มใหญ่แผ่ขยายออกไป ทั่วผืนป่าสมบูรณ์ทางยุโรปตะวันออก 9 00:00:34,230 --> 00:00:36,866 เพราะว่าพวกเขาไม่มีระบบการเขียน 10 00:00:36,866 --> 00:00:40,915 เรื่องราวส่วนใหญ่ของพวกเขาที่เรารู้ จึงมาจากสามแหล่งหลัก ได้แก่ 11 00:00:40,915 --> 00:00:42,297 หลักฐานทางโบราณคดี 12 00:00:42,297 --> 00:00:47,423 ที่ได้จากนักวิชาการผู้รู้หนังสือ จากอาณาจักรโรมัน และตะวันออกกลาง 13 00:00:47,423 --> 00:00:51,504 และสุดท้าย ประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งเรียกว่า บันทึกเหตุการณ์ปฐมบท (Primary Chronicle) 14 00:00:51,504 --> 00:00:55,938 ที่ถูกรวมรวมในศตวรรษที่ 12 โดยพระที่มีนามว่า เนสเตอร์ 15 00:00:55,938 --> 00:01:00,271 มันบอกให้เรารู้ว่าชนเผ่าเหล่านี้ ผู้ซึ่งใช้ภาษาสลาวิก 16 00:01:00,271 --> 00:01:02,117 และนับถือศาสนาที่มีพระเจ้าหลายองค์ 17 00:01:02,117 --> 00:01:08,002 ได้แยกจากกันไปทางตะวันตก, ใต้ และเหนือ ในศตวรรษที่ 7 18 00:01:08,002 --> 00:01:10,270 พวกที่ไปทางเหนือ แผ่ขยายจากบริเวณ แม่น้ำนีสเตอร์ (Dniester River) 19 00:01:10,270 --> 00:01:12,550 ไปจนถึงแม่น้ำวอลกา (Volga) และทะเลบอลติก (Baltic Sea) 20 00:01:12,550 --> 00:01:17,913 จากบันทึกของเนสเตอร์ หลายปี หลังจากการถูกพิชิตโดยชาวไวกิ้งจากทางเหนือ 21 00:01:17,913 --> 00:01:21,514 ผู้ซึ่งไม่ได้สวมหมวกมีเขาในสงครามหรอกนะ 22 00:01:21,514 --> 00:01:26,778 ชนเผ่าในพื้นที่นั้นปราบพวกนอร์ธเม็น (Northmen) ทำให้พวกนั้นล่าถอยไป 23 00:01:26,778 --> 00:01:30,177 แต่พอเหลือแต่พวกเขาที่มีอาวุธกันครบมือ พวกเขาก็ประหัดประหารกันเอง 24 00:01:30,177 --> 00:01:32,980 น่าขัน ที่ความวุ่นวายดังกล่าว 25 00:01:32,980 --> 00:01:37,276 ทำให้ชนเผ่าต่าง ๆ ขอความช่วยเหลือ จากชาวต่างชาติที่พวกเขาเพิ่งได้ไล่ออกไป 26 00:01:37,276 --> 00:01:40,456 ให้กลับเข้ามาและมาจัดระบบระเบียบ 27 00:01:40,456 --> 00:01:46,397 พวกไวกิ้งรับข้อเสนอ และส่งเจ้าชายนามว่า รูริค และพระอนุชาสองพระองค์มาปกครอง 28 00:01:46,397 --> 00:01:50,480 เมื่อพระโอรสของรูริค ที่มีนามว่า โอเลก ขยายอาณาเขตดินแดนไปถึงทางใต้ 29 00:01:50,480 --> 00:01:52,667 และย้ายเมืองหลวงไปยัง เคียฟ 30 00:01:52,667 --> 00:01:55,300 ซึ่งเคยเป็นด่านหน้าของอาณาจักรคาซาร์ (Khazar) 31 00:01:55,300 --> 00:01:57,735 คีแวน รัส ได้ถือกำเนิดขึ้น 32 00:01:57,735 --> 00:02:03,190 "รัส" น่าจะแผลงมาจากคำในภาษานอสโบราณ ที่แปลว่า "ผู้พายเรือ" 33 00:02:03,190 --> 00:02:06,530 เขตปกครองใหม่ของเจ้าชายมีความสัมพันธ์ กับเพื่อนบ้านของเขาที่ซับซ้อน 34 00:02:06,530 --> 00:02:12,109 ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปมาระหว่างการเป็นพันธมิตร และเป็นคู่สงคราม กับอาณาจักรคาร์ซาและไบเซนไทน์ 35 00:02:12,109 --> 00:02:14,255 เช่นเดียวกับชนเผ่าเพื่อนบ้านต่าง ๆ 36 00:02:14,255 --> 00:02:16,987 ศาสนามีบทบาทสำคัญทางการเมือง 37 00:02:16,987 --> 00:02:19,750 และตามที่ตำนานว่าไว้ว่า ในปี ค.ศ. 987 38 00:02:19,750 --> 00:02:25,442 เจ้าชายชาวรัส นามว่า วัลดีมีร์ ที่ 1ตัดสินใจว่า มันถึงเวลาแล้วที่จะละทิ้งลัทธิซาลวิกนอกรีต 39 00:02:25,442 --> 00:02:29,357 และส่งผู้เผยแผ่ศาสนาออกไป เพื่อสำรวจความเชื่อของเพื่อนบ้าน 40 00:02:29,357 --> 00:02:31,932 เมื่อไม่พอใจการห้ามดื่มสุราของศาสนาอิสลาม 41 00:02:31,932 --> 00:02:34,918 และการขับไล่ศาสนายิว ออกจากดินแดนศักสิทธิ์ของพวกเขา 42 00:02:34,918 --> 00:02:37,901 ผู้ปกครองรัสเซีย จึงเลือกศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ 43 00:02:37,901 --> 00:02:42,039 หลังจากได้รับรู้ถึงพิธีกรรมแปลก ๆ มากมาย 44 00:02:42,039 --> 00:02:45,894 เมื่อวัลดิมีร์เปลี่ยนศาสนาและอภิเสกสมรส กับพระนัดดาของจักรพรรดิ์แห่งไบเซนไทน์ 45 00:02:45,894 --> 00:02:48,779 และติดต่อทางการค้าตลอดเส้นทางโวลก้า 46 00:02:48,779 --> 00:02:52,570 ความสัมพันธ์ระหว่างสองอารยธรรมก็ยิ่งแน่นแฟ้น 47 00:02:52,570 --> 00:02:56,333 นักเผยแผ่ศาสนาชาวไบเซนไทน์ ประดิษฐ์ตัวอักษรสำหรับภาษาซัลวิค 48 00:02:56,333 --> 00:02:58,907 โดยใช้รากฐานจากตัวอักษรกรีกที่ถูกดัดแปลง 49 00:02:58,907 --> 00:03:03,845 ในขณะที่นักรบ รัส ไวกิง ก็ทำหน้าที่ เป็นองครักษ์ชั้นยอดให้จักรพรรดิ์ไบเซนไทน์ 50 00:03:03,845 --> 00:03:05,355 ตลอดเวลาสองสามชั่วอายุคน 51 00:03:05,355 --> 00:03:09,883 คีแวน รัส ก็เจริญรุ่งเรือง ด้วยทรัพยากรณ์ที่อุดมสมบูรณ์และการค้าขาย 52 00:03:09,883 --> 00:03:13,380 ชนชั้นสูงทั้งชายหญิงแต่งงาน กับชนชั้นปกครองที่มีชื่อเสียงในยุโรป 53 00:03:13,380 --> 00:03:16,239 ในขณะที่ประชาชนในบางเมือง ก็สำราญใจไปกับวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ 54 00:03:16,239 --> 00:03:21,277 วรรณกรรม และแม้กระทั่งอิสรภาพแบบประชาธิปไตย ซึ่งพบได้ไม่ง่ายนักในช่วงเวลานั้น 55 00:03:21,277 --> 00:03:23,556 แต่ไม่มีอะไรที่อยู่ยั้งยืนยง 56 00:03:23,556 --> 00:03:28,796 การสังหารกันในหมู่พี่น้องเพื่อชิงบัลลังก์ ได้กัดกร่อนอำนาจศูนย์กลาง 57 00:03:28,796 --> 00:03:34,696 เมื่อเมืองอิสระต่าง ๆ ที่ปกครองด้วย บรรดาเจ้าชายคู่อริก็แก่งแย่งอำนาจกันมากขึ้น 58 00:03:34,696 --> 00:03:37,487 สงครามศาสนาครั้งที่สี่ และการเสื่อมอำนาจของคอนเสตนติโนเปิล 59 00:03:37,487 --> 00:03:41,723 ทำให้การค้าที่มีผลต่อความมั่งคั่งและอำนาจ ของชาวรัสสั่นคลอน 60 00:03:41,723 --> 00:03:45,288 ในขณะที่อัศวินทิวโทนิคในสงครามศาสนา ก็เข้ารุกรานอาณาเขตทางตอนเหนือ 61 00:03:45,288 --> 00:03:48,965 อย่างไรก็ดี การโจมตีครั้งสุดท้าย น่าจะมาจากทางตะวันออก 62 00:03:48,965 --> 00:03:51,038 เมื่อถูกครอบงำด้วยความแตกแยกวุ่นวาย 63 00:03:51,038 --> 00:03:53,903 บรรดาเจ้าชายชาวรัสให้ความสนใจไม่มาก 64 00:03:53,903 --> 00:03:56,410 กับข่าวลือเรื่องการกักตุนเสบียงอย่างลึกลับ 65 00:03:56,410 --> 00:04:03,606 จนกระทั่งปี ค.ศ. 1237 เมื่อพลธนู 35,000 นาย นำโดย บาตู ข่าน 66 00:04:03,606 --> 00:04:05,914 บุกกวาดเมืองของชาวรัส 67 00:04:05,914 --> 00:04:10,515 ไล่ชาวเคียฟ ก่อนที่จะบุกต่อไปยัง ฮังการีและโปแลนด์ 68 00:04:10,515 --> 00:04:15,237 ยุคสมัยของ คีแวน รัส ได้มาถึงกาลอวสาน ประชากรตอนนี้ถูกแบ่งแยก 69 00:04:15,237 --> 00:04:17,870 ขณะที่ทางตะวันออก ยังคงถูกปกครองโดยมองโกล 70 00:04:17,870 --> 00:04:20,535 จุดการค้าขายที่ห่างไกลออกไป ที่เป็นที่รู้จักในชื่อ มอสโคว 71 00:04:20,535 --> 00:04:23,973 ก็พัฒนาเติบโตจนมีอำนาจสั่นคลอนข่านทั้งหลาย 72 00:04:23,973 --> 00:04:26,253 และยึดครองส่วนที่เป็นจักรวรรดิ์ที่แยกออกมา 73 00:04:26,253 --> 00:04:28,794 และเข้าปกครองดินแดนเหล่านั้นได้สำเร็จ 74 00:04:28,794 --> 00:04:31,587 ในขณะที่มันกลืน ส่วนเขตแดนอื่น ๆ ของรัสทางตะวันออก 75 00:04:31,587 --> 00:04:36,023 มันได้ชือเดิมของมันคืนมา ในรูปของภาษากรีก รัสซิเอ (Ruscia) 76 00:04:36,023 --> 00:04:39,871 ในขณะเดียวกัน พื้นที่ทางตะวันตก ที่ผู้นำต่าง ๆ ได้หลีกเลี่ยงการถูกทำลายล้าง 77 00:04:39,871 --> 00:04:42,949 ผ่านกลยุทธทางการเมือง จนกระทั่งการกักตุนลดลง 78 00:04:42,949 --> 00:04:46,467 ก็ไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของโปแลนด์ และลิทัวเนีย 79 00:04:46,467 --> 00:04:47,806 ในอีกไม่กี่ศตวรรษต่อมา 80 00:04:47,806 --> 00:04:49,666 ดินแดนที่เคยเป็นของชาวคีแวน รัส 81 00:04:49,666 --> 00:04:51,642 ที่เป็นที่อาศัยของชาวสลาฟ 82 00:04:51,642 --> 00:04:53,232 ที่ถูกปกครองโดยชาวไวกิ้ง 83 00:04:53,232 --> 00:04:54,488 ที่ถูกสั่งสอนวิชาโดยชาวกรีก 84 00:04:54,488 --> 00:04:56,295 และถูกแบ่งแยกโดยชาวมองโกล 85 00:04:56,295 --> 00:05:00,568 ก็ได้พัฒนาความแตกต่างทางสังคม, วัฒนธรรม และภาษา 86 00:05:00,568 --> 00:05:02,456 ที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้