1 00:00:00,000 --> 00:00:00,710 - 2 00:00:00,710 --> 00:00:04,470 ในวิดีโอที่แล้ว ผมได้แนะนำแนวคิดเรื่อง กฏลูกโซ่ 3 00:00:04,470 --> 00:00:05,520 ใช้กับอนุพันธ์ย่อยไป 4 00:00:05,520 --> 00:00:10,080 และเราบอกว่า, อืม, ถ้าผมมีฟังก์ชัน, ไซ, ตัวอักษรกรีก, 5 00:00:10,080 --> 00:00:14,020 ไซ, มันเป็นฟังก์ชันของ x กับ y 6 00:00:14,020 --> 00:00:16,770 และถ้าผมอยากหาอนุพันธ์ย่อยของเจ้านี่, เทียบกับ 7 00:00:16,770 --> 00:00:19,360 -- ไม่สิ, ผมอยากหาอนุพันธ์, ไม่ใช่อนุพันธ์ย่อย -- 8 00:00:19,360 --> 00:00:23,430 อนุพันธ์ของเจ้านี่, เทียบกับ x, นี่จะเท่ากับ 9 00:00:23,430 --> 00:00:29,540 อนุพันธ์ย่อยของไซ, เทียบกับ x, บวกอนุพันธ์ย่อย 10 00:00:29,540 --> 00:00:35,400 ของไซ, เทียบกับ y, คูณ dy, dx 11 00:00:35,400 --> 00:00:37,630 และในวิดีโอที่แล้ว ผมไม่ได้พิสูจน์ให้คุณดู, แต่ 12 00:00:37,630 --> 00:00:40,260 ผมหวังว่าคุณจะได้สัญชาตญาณพอ จนคุณ 13 00:00:40,260 --> 00:00:40,740 เชื่อผมแล้ว 14 00:00:40,740 --> 00:00:43,030 แต่บางที ผมอาจจะพิสูจน์ให้รัดกุม 15 00:00:43,030 --> 00:00:46,120 กว่านี้ในอนาคต, แต่คุณสามารถหาบทพิสูจน์ในเว็บต่างๆ ได้ ถ้าคุณ 16 00:00:46,120 --> 00:00:49,960 สนใจ, หากฏลูกโซ่กับอนุพันธ์ย่อยดู 17 00:00:49,960 --> 00:00:52,760 ลองพักเรื่องนั้นไว้ แล้วสำรวจสมบัติอีกอย่างหนึ่ง 18 00:00:52,760 --> 00:00:55,600 ของอนุพันธ์ย่อยกัน, แล้วเราจะได้เข้าใจสัญชาตญาณ 19 00:00:55,600 --> 00:00:57,080 เบื่องหลังสมการแม่นตรง 20 00:00:57,080 --> 00:00:59,070 เพราะคุณจะพบว่า, การแก้สมการแม่นตรง 21 00:00:59,070 --> 00:01:02,210 เป็นเรื่องตรงไปตรงมา, แต่สัญชาตญาณมักจะยุ่ง 22 00:01:02,210 --> 00:01:05,140 -- อืม, ผมไม่อยากบอกว่ายาก, เพราะถ้าคุณ 23 00:01:05,140 --> 00:01:06,890 ได้สัญชาตญาณแล้ว, คุณก็ได้ไปเลย 24 00:01:06,890 --> 00:01:11,490 แล้วถ้าผมบอกว่า, อย่างเช่น, ฟังก์ชันนี้, ไซ, และผมอยากหา 25 00:01:11,490 --> 00:01:16,580 อนุพันธ์ย่อยของไซ, เทียบกับ x, อันแรก 26 00:01:16,580 --> 00:01:17,510 ผมจะเขียนว่า ไซ 27 00:01:17,510 --> 00:01:19,640 ผมไม่อยากเขียน x กับ y ทุกครั้ง 28 00:01:19,640 --> 00:01:22,890 แล้วผมหาอนุพันธ์ย่อยเทียบ 29 00:01:22,890 --> 00:01:25,485 กับ y 30 00:01:25,485 --> 00:01:28,920 - 31 00:01:28,920 --> 00:01:32,730 ตามสัญลักษณ์, อันนี้คุณสามารถเขียนเป็น, คุณสามาร 32 00:01:32,730 --> 00:01:34,620 มองมันเหมือนกับคุณคูณโอเปอเรเตอร์เข้าไป, มัน 33 00:01:34,620 --> 00:01:36,050 จึงสามารถเขียนแบบนี้ได้ 34 00:01:36,050 --> 00:01:42,400 อนุพันธ์ย่อย เดล กำลังสอง คูณ ไซ, หรือเดลกำลังสอง ไซ, ส่วน 35 00:01:42,400 --> 00:01:47,540 เดล y เดล, หรือ d โค้ง x 36 00:01:47,540 --> 00:01:50,330 และนั่นสามารถเขียนได้เป็น -- และนี่เป็นสัญลักษณ์ 37 00:01:50,330 --> 00:01:53,040 ที่ผมชอบ, เพราะมันไม่มีทิ้งอะไร 38 00:01:53,040 --> 00:01:53,800 เกะกะไปหมด 39 00:01:53,800 --> 00:01:56,350 คุณก็บอกได้ว่า, อนุพันธ์ย่อย, เราหาอนุพันธ์ย่อย, 40 00:01:56,350 --> 00:02:00,050 เทียบกับ x ก่อน. นั่นก็หมายความว่าอนุพันธ์ย่อยของ 41 00:02:00,050 --> 00:02:01,240 ไซ, เทียบกับ x 42 00:02:01,240 --> 00:02:04,060 แล้วเราก็หาอนุพันธ์ย่อย, เทียบกับ y 43 00:02:04,060 --> 00:02:05,870 นั่นคือกรณีแรกที่ต้องคิด 44 00:02:05,870 --> 00:02:07,970 เกิดอะไรขึ้นเมื่อเราหาอนุพันธ์ย่อย, เทียบกับ x, แล้ว 45 00:02:07,970 --> 00:02:08,650 ค่อยเทียบกับ y? 46 00:02:08,650 --> 00:02:13,100 ตอนเทียบกับ x, คุณจับ y คงที่เพื่อให้ 47 00:02:13,100 --> 00:02:14,190 ได้อนุพันธ์ย่อย, เทียบกับ x 48 00:02:14,190 --> 00:02:15,000 ไม่สน y ตรงนี้ 49 00:02:15,000 --> 00:02:17,060 แล้วคุณก็จับ x คงที่, แล้วคุณ 50 00:02:17,060 --> 00:02:18,670 ก็หาอนุพันธ์ย่อย, เทียบกับ y 51 00:02:18,670 --> 00:02:21,480 แล้วมันต่างกันไหม ถ้าเราสลับ 52 00:02:21,480 --> 00:02:22,370 ลำดับ? 53 00:02:22,370 --> 00:02:24,970 เกิดอะไรขึ้นถ้าเรา -- ผมจะใช้อีกสีนะ 54 00:02:24,970 --> 00:02:30,400 -- ถ้าเรามี ไซ, และเราหาอนุพันธ์ย่อย, 55 00:02:30,400 --> 00:02:34,480 เทียบกับ y ก่อน, แล้วเราค่อยหาอนุพันธ์ย่อย, 56 00:02:34,480 --> 00:02:36,510 เทียบกับ x? 57 00:02:36,510 --> 00:02:40,640 มันแค่่สัญลักษณ์, เพื่อให้คุณคุ้นเคยกับมัน, 58 00:02:40,640 --> 00:02:44,660 มันก็คือ -- อนุพันธ์ย่อย x, อนุพันธ์ย่อย y 59 00:02:44,660 --> 00:02:46,360 และนี่คือโอเปอเรเตอร์ 60 00:02:46,360 --> 00:02:48,750 มันอาจน่าสับสนหน่อย, ระหว่าง 61 00:02:48,750 --> 00:02:51,060 สัญลักษณ์สองตัวนี้, ถึงแม้ว่ามันจะเหมือนกันก็ตาม, 62 00:02:51,060 --> 00:02:52,740 แต่ลำดับสลับกัน 63 00:02:52,740 --> 00:02:54,250 นั่นเป็นเพราะเราคิด 64 00:02:54,250 --> 00:02:54,910 ถึงมันต่างกัน 65 00:02:54,910 --> 00:02:57,990 นี่บอกว่า, โอเค, อนุพันธ์ย่อยเทียบกับ x ก่อน, แล้วค่อย y 66 00:02:57,990 --> 00:03:00,160 นี่มองมันเป็นเหมือนโอเปอรเรเตอร์มากกว่า, เราจึง 67 00:03:00,160 --> 00:03:03,000 หาอนุพันธ์ย่อยของ x ก่อน, แล้วเราค่อยหา y, ถ้าคุณ 68 00:03:03,000 --> 00:03:04,950 คูณโอเปอเรเตอร์นั้น 69 00:03:04,950 --> 00:03:08,840 แต่ช่างเถอะ, นี่ก็สามารถเขียนเป็น อนุพันธ์ย่อย 70 00:03:08,840 --> 00:03:13,070 ของ y, เทียบกับ x -- ขอโทษที, อนุพันธ์ย่อยของ Y, แล้ว 71 00:03:13,070 --> 00:03:14,910 เราค่อยหาอนุพันธ์ย่อยเทียบกับ x 72 00:03:14,910 --> 00:03:17,980 ตอนนี้, ผมจะบอกคุณตอนนี้, ว่าถ้าอนุพันธ์ย่อย 73 00:03:17,980 --> 00:03:20,840 แต่ละตัวนั้นต่อเนื่อง -- และฟังก์ชัน 74 00:03:20,840 --> 00:03:24,510 ส่วนใหญที่เรายุ่งเกี่ยวในโดเมนทั่วไป, ตราบใดที่มัน 75 00:03:24,510 --> 00:03:26,780 ไม่มีความไม่ต่อเนื่อง, หรือรู, หรือ 76 00:03:26,780 --> 00:03:29,070 อะไรประหลาดๆ ในนิยามฟังก์ชัน, พวกมัน 77 00:03:29,070 --> 00:03:30,290 มักจะต่อเนื่องกัน 78 00:03:30,290 --> 00:03:32,990 และโดยเฉพาะในแคลคูลัสปีหนึ่ง หรือวิชา 79 00:03:32,990 --> 00:03:35,810 ดิฟเฟอเรนเชียลแคลคูลัส, เรายุ่งกับฟังก์ชัน 80 00:03:35,810 --> 00:03:37,620 ต่อเนื่องโดยส่วนใหญ่, โดเมนของเรา 81 00:03:37,620 --> 00:03:40,480 ถ้าฟังก์ชันทั้งสองต่อเนื่อง, ถ้าอนุพันธ์ย่อย 82 00:03:40,480 --> 00:03:45,410 ทั้งคู่ต่อเนื่อง, แล้วสองตัวนี้จะ 83 00:03:45,410 --> 00:03:47,170 เท่ากัน 84 00:03:47,170 --> 00:03:54,950 ดังนั้นไซ ของ xy เท่ากับ ไซของ yx 85 00:03:54,950 --> 00:04:01,220 ตอนนี้, เราสามารถใช้ความรู้นี้, ซึ่งก็คือ 86 00:04:01,220 --> 00:04:04,870 กฏลูกโซ่ใช้กับอนุพันธ์ย่อย, และความรู้นี้ 87 00:04:04,870 --> 00:04:09,060 เพื่อแก้สมการอนุพันธ์ชุดหนึ่ง 88 00:04:09,060 --> 00:04:13,060 สมการอนุพันธ์อันดับหนึ่ง, ประเภทที่เรียกว่า 89 00:04:13,060 --> 00:04:14,270 สมการแม่นตรง 90 00:04:14,270 --> 00:04:17,860 แล้วสมการแม่นตรงหน้าตาเป็นอย่างไร? 91 00:04:17,860 --> 00:04:21,990 สมการแม่นตรงเป็นแบบนี้ 92 00:04:21,990 --> 00:04:23,710 การเลือกสีนี่เป็นเรื่องยากนะ 93 00:04:23,710 --> 00:04:26,290 สมมุติว่านี่คือสมการอนุพันธ์ของผม 94 00:04:26,290 --> 00:04:29,550 ผมมีฟังก์ชันของ x กับ y 95 00:04:29,550 --> 00:04:31,830 ไม่รู้สฺล มันอาจเป็น x กำลังสอง คูณ 96 00:04:31,830 --> 00:04:32,920 โคไซน์ของ y อะไรสกัอย่าง 97 00:04:32,920 --> 00:04:34,650 ไม่รู้เหมือนกัน, มันเป็นฟังก์ชันใดๆ ของ x กับ y 98 00:04:34,650 --> 00:04:40,350 บวกฟังก์ชันของ x กับ y อีกตัว, เราจะเรียกมันว่า n, คูณ dy, 99 00:04:40,350 --> 00:04:44,900 dx เท่ากับ 0 100 00:04:44,900 --> 00:04:47,520 นี่คือ -- ตอนนี้, ผมยังไม่รู้ว่ามันเป็นสมการแม่นตรงหรือเปล่า 101 00:04:47,520 --> 00:04:50,880 แต่ถ้าคุณเห็นอะไรในรูปนี้, ปฏิกิริยาแรกของคุณ 102 00:04:50,880 --> 00:04:52,990 ควรเป็น, โอ้ -- อืม, ปฏิกริยาแรกของคุณ 103 00:04:52,990 --> 00:04:54,500 น่าจะเป็นว่า, มันแยกตัวแปรได้หรือเปล่า? 104 00:04:54,500 --> 00:04:56,180 และคุณควรลองเล่นกับพีชคณิตสักหน่อย 105 00:04:56,180 --> 00:04:57,620 เพื่อดูว่าแยกได้หรือเปล่า, เพราะมัน 106 00:04:57,620 --> 00:04:59,210 เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด 107 00:04:59,210 --> 00:05:01,770 ถ้ามันแยกตัวแปรไม่ได้, แต่คุณยังสามารถเขียนในรูปนี้ได้, 108 00:05:01,770 --> 00:05:04,460 คุณก็บอกว่า, เฮ้, มันเป็นสมการแม่นตรงหรือเปล่า? 109 00:05:04,460 --> 00:05:06,340 แล้วสมการแม่นตรงคืออะไร? 110 00:05:06,340 --> 00:05:07,270 ทีนี้, ดูตรงนี้ 111 00:05:07,270 --> 00:05:11,600 รูปแบบนี่ตรงนี้ ดูเหมือนกับ 112 00:05:11,600 --> 00:05:14,000 รูปแบบนี้มาก 113 00:05:14,000 --> 00:05:18,210 ถ้าเกิด M เป็นอนุพันธ์ย่อยของไซ, เทียบกับ x ล่ะ? 114 00:05:18,210 --> 00:05:24,920 ถ้าเกิด ไซ, เทียบกับ x, เท่ากับ M ล่ะ? 115 00:05:24,920 --> 00:05:26,710 ถ้าเกิดนี่คือไซ, เทียบกับ x ล่ะ? 116 00:05:26,710 --> 00:05:29,570 แล้วถ้า นี่คือไซ, เทียบกับ y ล่ะ? 117 00:05:29,570 --> 00:05:32,500 ไซ, เทียบกับ y, เท่ากับ N 118 00:05:32,500 --> 00:05:32,950 ถ้าเกิดใช่ล่ะ? 119 00:05:32,950 --> 00:05:34,670 ผมบอกว่า, เราไม่รู้แน่ชัด, จริงไหม? 120 00:05:34,670 --> 00:05:37,500 และคุณจะเห็นนี่บางโอกาส, คุณไม่มีทางรู้ 121 00:05:37,500 --> 00:05:40,200 ชัดว่านี่คืออนุพันธ์ย่อยของ, เทียบกับ x ของ 122 00:05:40,200 --> 00:05:43,060 ฟังก์ชันสักตัว, และนี่คืออนุพันธ์ย่อย, เทียบกับ y ของ 123 00:05:43,060 --> 00:05:43,830 ฟังก์ชันสักตัว 124 00:05:43,830 --> 00:05:45,810 แต่ถ้าเราบอกว่า, ถ้าใช่ล่ะ? 125 00:05:45,810 --> 00:05:49,650 ถ้านี่เป็นจริงล เราก็สามารถเขียนนี่ใหม่ 126 00:05:49,650 --> 00:05:52,870 ว่าอนุพันธ์ย่อยของไซ, เทียบกับ x, บวกอนุพันธ์ย่อยของไซ 127 00:05:52,870 --> 00:05:58,680 เทียบกับ y, คูณ dy dx, เท่ากับ 0 128 00:05:58,680 --> 00:06:02,050 แล้วเจ้านี่ตรงนี้, ทางซ้ายมือตรงนี้, นั่น 129 00:06:02,050 --> 00:06:04,790 ก็เหมือนกับเจ้านี่, จริงไหม? 130 00:06:04,790 --> 00:06:09,040 นี่ก็แค่อนุพันธ์ของไซ, เทียบกับ x, โดยใช้ 131 00:06:09,040 --> 00:06:10,940 กฎลูกโซ่ที่มีอนุพันธ์ย่อย 132 00:06:10,940 --> 00:06:12,710 คุณจึงเขียนมันใหม่ได้ 133 00:06:12,710 --> 00:06:17,130 คุณสามารถเขียนมันใหม่ได้, นี่ก็แค่อนุพันธ์ของไซ, 134 00:06:17,130 --> 00:06:20,480 เทียบกับ x, ข้างในฟังก์ชันของ x 135 00:06:20,480 --> 00:06:23,410 y, เท่ากับ 0 136 00:06:23,410 --> 00:06:27,730 แล้วถ้าคุณเห็นสมการอนุพันธ์อีกอัน, และมันอยู่ 137 00:06:27,730 --> 00:06:31,070 ในรูปนี้, คุณก็บอกว่า, นาย, ฉันแยกตัวแปรไม่ได้, แต่บางที 138 00:06:31,070 --> 00:06:32,030 มันอาจเป็นสมการแม่นตรงก็ได้ 139 00:06:32,030 --> 00:06:35,940 และว่ากันตามตรง, ถ้ามันปรากฏอยู่ใน 140 00:06:35,940 --> 00:06:38,800 ข้อสอบ, มันก็น่าจะเป็นสมการแม่นตรง 141 00:06:38,800 --> 00:06:40,940 แต่ถ้าคุณเห็นรูปนี้, คุณก็บอกว่า, นาย, บางที 142 00:06:40,940 --> 00:06:42,070 มันอาจเป็นสมการแม่นตรง 143 00:06:42,070 --> 00:06:44,580 และถ้านี่คือสมการแม่นตรง -- และผมจะบอกวิธี 144 00:06:44,580 --> 00:06:48,350 ทดสอบมันในไม่ช้าโดยใช้ข้อมูลนี้ -- แล้วนี่สามารถ 145 00:06:48,350 --> 00:06:52,550 เขียนได้เป็น อนุพันธ์ของฟังก์ชันล ไซ, โดย 146 00:06:52,550 --> 00:06:54,840 นี่คืออนุพันธ์ย่อยของไซ, เทียบกับ x 147 00:06:54,840 --> 00:06:57,720 นี่คืออนุพันธ์ย่อยของไซ, เทียบกับ y 148 00:06:57,720 --> 00:06:59,655 แล้วถ้าคุณเขียนมันแบบนี้, และคุณหา 149 00:06:59,655 --> 00:07:01,370 อนุพันธ์ของทั้งสองด้าน -- ขอโทษที, คุณหา 150 00:07:01,370 --> 00:07:06,890 แอนติเดริเวทีฟทั้งสองด้าน, คุณควรได้ ไซของ x, y 151 00:07:06,890 --> 00:07:10,070 เท่ากับ c เป็นคำตอบ 152 00:07:10,070 --> 00:07:12,770 มันมีสองอย่างที่เราควรสนใจ 153 00:07:12,770 --> 00:07:16,470 คูณอาจบอกว่า, โอเค, ซาล, คุรบอกเรื่อง 154 00:07:16,470 --> 00:07:19,550 ไซ, อนุพันธ์ย่อย, ทั้งหมดนี้มา 155 00:07:19,550 --> 00:07:22,020 หนึ่ง, ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นสมการแม่นตรง? 156 00:07:22,020 --> 00:07:24,590 แล้วก็, ถ้ามันสมการแม่นตรง, แล้วเราจะ 157 00:07:24,590 --> 00:07:28,290 อยู่ได้อย่างไรว่าไซคืออะไร ฉันจะแก้หาไซได้อย่างไร? 158 00:07:28,290 --> 00:07:32,380 ทีนี้วิธีหาว่ามันเป็นสมการแม่นตรงหรือไม่, เราใช้ 159 00:07:32,380 --> 00:07:34,690 ข้อมูลนี่ตรงนี้ 160 00:07:34,690 --> 00:07:38,150 เรารู้ว่าถ้า ไซ กับอนุพันธ์ของมันต่อเนื่อง 161 00:07:38,150 --> 00:07:42,100 ตลอดทั้งโดเมน, แล้วเมื่อคุณหาอนุพันธ์ย่อย, 162 00:07:42,100 --> 00:07:45,760 เทียบกับ x แล้วก็ y, นั่นจะเหมือนกับ 163 00:07:45,760 --> 00:07:46,980 การหากลับลำกับกัน 164 00:07:46,980 --> 00:07:48,930 เราจึงบอกว่า, นี่คืออนุพันธ์ย่อย, 165 00:07:48,930 --> 00:07:50,180 เทียบกับ x, จริงไหม? 166 00:07:50,180 --> 00:07:52,610 - 167 00:07:52,610 --> 00:07:55,920 และนี่คืออนุพันธ์ย่อย, เทียบกับ y 168 00:07:55,920 --> 00:07:59,880 แล้วถ้านี่คือสมการแม่นตรง, ถ้านี่คือสมการ 169 00:07:59,880 --> 00:08:03,250 แม่นตรง, ถ้าเราหาอนุพันธ์ย่อยของเจ้านี่, เทียบ 170 00:08:03,250 --> 00:08:05,330 กับ y, จริงไหม? 171 00:08:05,330 --> 00:08:11,600 ถ้าเราหาอนุพันธ์ย่อยของ M, เทียบกับ y -- 172 00:08:11,600 --> 00:08:15,560 อนุพันธ์ย่อยของไซ, เทียบกับ x, เท่ากับ M 173 00:08:15,560 --> 00:08:18,490 ถ้าเราหาอนุพันธ์ย่อยของพวกนั้น, เทียบกับ y -- 174 00:08:18,490 --> 00:08:22,450 เราก็เขียนมันใหม่ได้ว่า -- มันควรเท่ากับ 175 00:08:22,450 --> 00:08:28,090 อนุพันธ์ย่อยของ N เทียบกับ x, จริงไหม? 176 00:08:28,090 --> 00:08:31,976 อนุพันธ์ย่อยของ ไซ, เทียบกับ y, เท่ากับ N 177 00:08:31,976 --> 00:08:34,760 แล้วถ้าเราหาอนุพันธ์ย่อย, เทียบกับ x, ของ 178 00:08:34,760 --> 00:08:40,964 ทั้งสองตัวนี้, เรารู้จากอันนี้ ว่า พวกมันควรเท่ากัน, ถ้าไซ 179 00:08:40,964 --> 00:08:44,400 กับอนุพันธ์ย่อยของมันต่อเนื่องตลอดโดเมนนั้น 180 00:08:44,400 --> 00:08:49,320 นี่ควรเท่ากัน 181 00:08:49,320 --> 00:08:51,990 นี่จึงเป็นวิธีเพื่อทดสอบว่า 182 00:08:51,990 --> 00:08:53,930 นี่เป็นสมการแม่นตรงหรือไม่ 183 00:08:53,930 --> 00:08:56,300 ขอผมเขียนพวกนี้ใหม่ทั้งหมด และสรุป 184 00:08:56,300 --> 00:08:56,690 มันหน่อย 185 00:08:56,690 --> 00:09:04,870 ถ้าคุณอะไรสักอย่างในรูปนี้, M ของ x, y บวก N ของ x, 186 00:09:04,870 --> 00:09:09,580 y, คูณ dy dx เท่ากับ 0 187 00:09:09,580 --> 00:09:13,110 แล้วคุณหาอนุพันธ์ย่อยของ M เทียบกับ y, 188 00:09:13,110 --> 00:09:18,280 แล้วคุณหาอนุพันธ์ย่อยของ N, 189 00:09:18,280 --> 00:09:24,030 เทียบกับ x, แล้วพวกมันเท่ากัน, แล้ว -- 190 00:09:24,030 --> 00:09:26,410 ที่จริงแล้วคือ ก็ต่อเมื่อ, มันไปทั้งสองทาง -- 191 00:09:26,410 --> 00:09:30,930 นี่คือสมการแม่นตรง, เป็นสมการอนุพันธ์แบบแม่นตรง 192 00:09:30,930 --> 00:09:32,410 นี่ก็คือสมการแม่นตรง 193 00:09:32,410 --> 00:09:35,510 และถ้ามันเป็นสมการแม่นตรง, นั่นบอกเราว่า มันมี 194 00:09:35,510 --> 00:09:47,140 ไซ, ที่มีอนุพันธ์ของไซ x,y 195 00:09:47,140 --> 00:09:52,200 เท่ากับ 0, หรือไซของ x, y เท่ากับ c, เป็นคำตอบ 196 00:09:52,200 --> 00:09:53,050 ของสมการนี้ 197 00:09:53,050 --> 00:09:58,480 แล้วอนุพันธ์ย่อยของไซ, เทียบกับ x 198 00:09:58,480 --> 00:09:59,740 เท่ากับ M 199 00:09:59,740 --> 00:10:03,760 และอนุพันธ์ย่อยของไซ เทียบกับ y 200 00:10:03,760 --> 00:10:05,340 เท่ากับ N 201 00:10:05,340 --> 00:10:07,550 และผมจะแสดงให้ดูในวิดีโอหน้า ว่าเราจะใช้ข้อมูลนี้ 202 00:10:07,550 --> 00:10:09,810 เพื่อแก้หาไซได้อย่างไร 203 00:10:09,810 --> 00:10:11,640 ตรงนี้ มีบางอย่างที่ผมอยากชี้ให้เห็น 204 00:10:11,640 --> 00:10:13,720 นี่จะเป็นอนุพันธ์ย่อยของไซ, 205 00:10:13,720 --> 00:10:17,620 เทียบกับ x, แต่ตอนเราทดสอบความแม่นตรง, 206 00:10:17,620 --> 00:10:19,590 เราหามันเทียบกับ y, เพราะเราอยากได้ 207 00:10:19,590 --> 00:10:21,080 อนุพันธ์ย่อยผสม 208 00:10:21,080 --> 00:10:23,410 เช่นเดียวกัน, นี่จะเท่ากับอนุพันธ์ย่อยของไซ 209 00:10:23,410 --> 00:10:27,030 เทียบกับ y, แต่ตอนเราทดสอบ, เราจะ 210 00:10:27,030 --> 00:10:29,500 หาอนุพันธ์ย่อยของมันเทียบกับ x เราถึงจะได้ 211 00:10:29,500 --> 00:10:30,730 อนุพันธ์ย่อยผสม 212 00:10:30,730 --> 00:10:32,570 นี่คือเทียบกับ y, แล้วเทียบกับ 213 00:10:32,570 --> 00:10:33,920 x, คุณจะได้อันนี้ 214 00:10:33,920 --> 00:10:36,300 เอาล่ะ, ผมรู้ว่ามันซับซ้อนหน่อย, แต่ถ้า 215 00:10:36,300 --> 00:10:38,360 คุณเข้าใจทุกอย่างที่ผมทำ, ผมว่าคุณน่าจะ 216 00:10:38,360 --> 00:10:41,390 มีสัญชาตญาณแล้วว่าทำไมวิธีการของ 217 00:10:41,390 --> 00:10:43,470 สมการแม่นตรงถึงใช้ได้ 218 00:10:43,470 --> 00:10:45,950 ผมจะพบคุณใหม่ในวิดีโอหน้า, โดยเราจะ 219 00:10:45,950 --> 00:10:49,400 แก้สมการแม่นตรงกันจริงๆ แล้วเจอกันครับ 220 00:10:49,400 --> 00:10:50,500 -