1 00:00:08,206 --> 00:00:10,438 มันไม่ง่ายเลยที่จะนิยามคำว่า พลังงาน 2 00:00:10,438 --> 00:00:12,053 สิ่งต่าง ๆ มีพลังงานอยู่ 3 00:00:12,053 --> 00:00:12,960 แต่คุณไม่สามารถ 4 00:00:12,960 --> 00:00:14,822 ถือก้อนพลังงานไว้ในมือได้ 5 00:00:14,822 --> 00:00:16,483 คุณมองเห็นสิ่งที่พลังงานทำได้ 6 00:00:16,483 --> 00:00:18,804 แต่คุณไม่มีทางเห็นหน้าตาของมัน 7 00:00:18,804 --> 00:00:20,615 พลังงานมีหลายชนิด 8 00:00:20,615 --> 00:00:21,916 แต่เราจะจำแนกความแตกต่างได้จาก 9 00:00:21,916 --> 00:00:25,692 การที่พลังงานทำให้สสารมีพฤติกรรมต่างกันเท่านั้น 10 00:00:25,692 --> 00:00:27,045 เรารู้แน่ว่าปริมาณรวมทั้งหมด 11 00:00:27,045 --> 00:00:29,165 ของพลังงานทุกรูปแบบในจักรวาล 12 00:00:29,165 --> 00:00:31,366 มีค่าเท่าเดิมเสมอ 13 00:00:31,366 --> 00:00:33,546 และสำหรับนักเคมี มีพลังงานสำคัญอยู่ 2 ชนิด 14 00:00:33,546 --> 00:00:35,107 ได้แก่ พลังงานศักย์ทางเคมี 15 00:00:35,107 --> 00:00:36,886 และ พลังงานจลน์ 16 00:00:36,886 --> 00:00:39,721 พลังงานศักย์ คือพลังงานที่รอให้มีอะไรเกิดขึ้น 17 00:00:39,721 --> 00:00:41,801 ลองนึกถึงหนังยางที่ถูกยืด 18 00:00:41,801 --> 00:00:42,629 ถ้าคุณตัดมันขาด 19 00:00:42,629 --> 00:00:44,008 พลังงานศักย์ทั้งหมด 20 00:00:44,008 --> 00:00:46,743 จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานจลน์ 21 00:00:46,743 --> 00:00:49,599 ซึ่งคุณจะรู้สึกถึงมันได้จากความเจ็บปวด 22 00:00:49,599 --> 00:00:50,850 เหมือนกับหนังยางที่ถูกยืด 23 00:00:50,850 --> 00:00:52,848 พันธะเคมีก็มีพลังงานสะสมอยู่ 24 00:00:52,848 --> 00:00:54,102 และเมื่อพันธะถูกทำลาย 25 00:00:54,102 --> 00:00:55,603 พลังศักย์ก็จะถูกเปลี่ยน 26 00:00:55,603 --> 00:00:57,116 เป็นพลังงานชนิดอื่น ๆ 27 00:00:57,116 --> 00:00:58,435 เช่น ความร้อน หรือ แสง 28 00:00:58,435 --> 00:01:00,850 หรือ ถูกนำไปใช้สร้างพันธะชนิดอื่น 29 00:01:00,850 --> 00:01:03,497 พลังงานจลน์ คือพลังงานของการเคลื่อนไหว 30 00:01:03,497 --> 00:01:05,623 และโมเลกุลก็ขยับอยู่ตลอดเวลา 31 00:01:05,623 --> 00:01:07,614 โมเลกุลอาจไม่ได้เคลื่อนที่ไหน 32 00:01:07,614 --> 00:01:08,939 หรืออาจจะไปก็แล้วแต่ 33 00:01:08,939 --> 00:01:10,015 แต่ที่แน่ ๆ โมเลกุลมีการสั่น 34 00:01:10,015 --> 00:01:10,517 ยืดหด 35 00:01:10,517 --> 00:01:10,932 งอไป งอมา 36 00:01:10,932 --> 00:01:12,372 และ/หรือ หมุนตัว 37 00:01:12,372 --> 00:01:13,122 ลองดู มีเทน 38 00:01:13,122 --> 00:01:14,269 ซึ่งมีไฮโดรเจน 4 ตัว 39 00:01:14,269 --> 00:01:15,678 ยึดกับคาร์บอนตรงกลาง 40 00:01:15,678 --> 00:01:16,624 เป็นตัวอย่าง 41 00:01:16,624 --> 00:01:17,501 ถ้าวาดลงบนกระดาษ 42 00:01:17,501 --> 00:01:19,799 ก็จะได้แค่ภาพทรงสี่หน้า 43 00:01:19,799 --> 00:01:22,467 แต่ในความเป็นจริง มันขยับเคลื่อนไหวไม่หยุด 44 00:01:22,467 --> 00:01:23,807 พลังงานจลน์ของโมเลกุล 45 00:01:23,807 --> 00:01:25,720 ก็เป็นพลังงานชนิดเดียวกันเลย 46 00:01:25,720 --> 00:01:27,120 กับพลังงานที่คุณใช้ 47 00:01:27,120 --> 00:01:28,434 เคลื่อนที่ไปไหนมาไหน 48 00:01:28,434 --> 00:01:30,058 ต่างกันแค่คุณอาจหยุดอยู่นิ่ง ๆ ได้ 49 00:01:30,058 --> 00:01:31,820 แต่โมเลกุลอยู่นิ่งไม่ได้ 50 00:01:31,820 --> 00:01:33,315 ถ้าคุณดูดพลังงานจลน์ 51 00:01:33,315 --> 00:01:34,512 ออกจากโมเลกุล 52 00:01:34,512 --> 00:01:35,770 โมเลกุลจะขยับน้อยลง 53 00:01:35,770 --> 00:01:37,266 แต่มันไม่เคยหยุดนิ่งสนิท 54 00:01:37,266 --> 00:01:39,017 ทีนี้ ไม่ว่าในกลุ่มโมเลกุลไหนก็ตาม 55 00:01:39,017 --> 00:01:41,854 บางตัวจะมีพลังงานจลน์สูงกว่าเพื่อน ๆ 56 00:01:41,854 --> 00:01:42,555 และถ้าเราคำนวณ 57 00:01:42,555 --> 00:01:44,520 พลังงานจลน์เฉลี่ยของทั้งกลุ่ม 58 00:01:44,520 --> 00:01:47,334 เราจะได้ตัวเลขที่สัมพันธ์เชิงคณิตศาสตร์กับ 59 00:01:47,334 --> 00:01:48,659 อุณหภูมิ 60 00:01:48,659 --> 00:01:50,069 ดังนั้น ยิ่งกลุ่มของโมเลกุล 61 00:01:50,069 --> 00:01:51,376 มีพลังงานจลน์มากเท่าไหร่ 62 00:01:51,376 --> 00:01:52,876 อุณหภูมิก็จะสูงขึ้นเท่านั้น 63 00:01:52,876 --> 00:01:54,562 และก็หมายความว่า ในวันที่อากาศร้อน 64 00:01:54,562 --> 00:01:56,231 โมเลกุลในอากาศรอบตัวคุณ 65 00:01:56,231 --> 00:01:58,017 จะหมุน ยืดหด งอไป งอมา 66 00:01:58,017 --> 00:02:00,196 และโดยรวม ๆ วิ่งไปวิ่งมารวดเร็วกว่า 67 00:02:00,196 --> 00:02:02,322 ในวันที่อากาศหนาว 68 00:02:02,322 --> 00:02:04,275 จะร้อน หรือจะหนาว 69 00:02:04,275 --> 00:02:05,645 ก็แค่คำเปรียบเทียบ 70 00:02:05,645 --> 00:02:07,141 สองคำนี้ใช้สำหรับเปรียบเทียบ 71 00:02:07,141 --> 00:02:08,649 สิ่งหนึ่งกับอีกสิ่ง 72 00:02:08,649 --> 00:02:09,869 ในฤดูร้อน วันที่อากาศร้อน 73 00:02:09,869 --> 00:02:11,814 โมเลกุลอากาศจะมีพลังงานจลน์สูงกว่า 74 00:02:11,814 --> 00:02:14,604 โมเลกุลในผิวหนังของคุณ 75 00:02:14,604 --> 00:02:16,979 ดังนั้น เมื่อโมเลกุลอากาศชนเข้ากับตัวคุณ 76 00:02:16,979 --> 00:02:18,741 มันจะถ่ายเทพลังงานส่วนหนึ่ง 77 00:02:18,741 --> 00:02:20,493 มาให้โมเลกุลในผิวคุณ 78 00:02:20,493 --> 00:02:22,811 และคุณจะรู้สึกว่า นี่คือความร้อน 79 00:02:22,811 --> 00:02:23,581 ในวันที่อากาศหนาว 80 00:02:23,581 --> 00:02:25,757 โมเลกุลอากาศจะมีพลังงานจลน์ต่ำกว่า 81 00:02:25,757 --> 00:02:27,108 โมเลกุลในผิวของคุณ 82 00:02:27,108 --> 00:02:29,481 ดังนั้นเมื่อคุณกระทบเข้ากับโมเลกุลอากาศ 83 00:02:29,481 --> 00:02:30,726 คุณจะถ่ายเท 84 00:02:30,726 --> 00:02:33,232 พลังงานจลน์ส่วนหนึ่งให้กับโมเลกุลในอากาศ 85 00:02:33,232 --> 00:02:35,973 และคุณจะรู้สึกว่า นี่คือความเย็น 86 00:02:35,973 --> 00:02:38,597 คุณสามารถติดตามเส้นทางของพลังงานรอบตัวคุณได้ 87 00:02:38,597 --> 00:02:40,243 ลองดู เวลาคุณไปทำอาหารนอกบ้าน 88 00:02:40,243 --> 00:02:41,148 คุณเผาถ่าน 89 00:02:41,148 --> 00:02:43,145 และพลังงานศักย์เชิงเคมีก็ถูกปลดปล่อยออกมา 90 00:02:43,145 --> 00:02:45,725 ในรูปความร้อนสูงและแสง 91 00:02:45,725 --> 00:02:47,273 ความร้อนนี้ทำให้โมเลกุล 92 00:02:47,273 --> 00:02:50,056 ของเบอร์เกอร์ ฮอตดอก หรือผักของคุณ 93 00:02:50,056 --> 00:02:52,309 สั่นจนพันธะของมันถูกทำลาย 94 00:02:52,309 --> 00:02:54,649 และมีโครงสร้างทางเคมีใหม่เกิดขึ้นมา 95 00:02:54,649 --> 00:02:56,646 ถ้าความร้อนสูงเกินไป อาหารก็จะไหม้เป็นตอตะโก 96 00:02:56,646 --> 00:02:58,330 ถ้าร้อนกำลังดี คุณก็จะมีมื้อเย็นรับประทาน 97 00:02:58,330 --> 00:02:59,454 เมื่อเข้าไปในร่างกาย 98 00:02:59,454 --> 00:03:01,075 โมเลกุลอาหาร ซึ่งจะอร่อย 99 00:03:01,075 --> 00:03:02,297 หรือไหม้เกรียม 100 00:03:02,297 --> 00:03:03,829 ล้วนถูกย่อยสลาย 101 00:03:03,829 --> 00:03:04,816 และพลังงานที่ปล่อยออกมา 102 00:03:04,816 --> 00:03:07,346 จะถูกใช้เพื่อการดำรงชีวิตในขณะนี้ 103 00:03:07,346 --> 00:03:10,339 หรือถูกเก็บไว้ใช้ภายหลัง ในโมเลกุลรูปแบบอื่น 104 00:03:10,339 --> 00:03:11,752 เมื่อค่ำลง 105 00:03:11,752 --> 00:03:13,217 อากาศของฤดูร้อนก็ค่อยเย็นลง 106 00:03:13,217 --> 00:03:15,855 และพลังงานจะไหลเข้าสู่ตัวคุณช้าลง 107 00:03:15,855 --> 00:03:18,551 เมื่ออากาศมีอุณหภูมิเท่ากับผิวหนังของคุณ 108 00:03:18,551 --> 00:03:19,812 ในชั่วเวลาสั้น ๆ 109 00:03:19,812 --> 00:03:21,141 พลังงานจะหยุดไหล 110 00:03:21,141 --> 00:03:22,395 แล้วก็กลับมาไหลอีก 111 00:03:22,395 --> 00:03:23,640 ในทิศทางตรงกันข้าม 112 00:03:23,640 --> 00:03:26,358 พลังงานจะออกจากผิวของคุณซึ่งอุ่นกว่า 113 00:03:26,358 --> 00:03:29,058 กลับไปยังจักรวาลรอบตัว 114 00:03:29,058 --> 00:03:31,726 พลังงานไม่สามารถถูกสร้างหรือทำลายได้ 115 00:03:31,726 --> 00:03:33,620 แค่เปลี่ยนรูปไปมา 116 00:03:33,620 --> 00:03:36,230 ดุจนกอมตะผู้แปลงโฉมไปในโลกกายภาพใบนี้