WEBVTT 00:00:00.770 --> 00:00:03.032 นี่คือ เลข 1 และ เลข 0 จำนวนมากมาย 00:00:03.032 --> 00:00:06.131 เราเรียกมันว่า ข้อมูลเลขฐานสอง 00:00:06.131 --> 00:00:07.573 เป็นวิธีทำให้คอมพิวเตอร์คุยกัน 00:00:07.573 --> 00:00:09.502 มันเป็นวิธีเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์ 00:00:09.502 --> 00:00:11.128 มันเป็นวิธีคิดของคอมพิวเตอร์ 00:00:11.128 --> 00:00:12.747 มันเป็นวิธีทำงานของคอมพิวเตอร์ 00:00:12.747 --> 00:00:15.129 ทุกสิ่งทุกอย่างที่คอมพิวเตอร์ทำ 00:00:15.129 --> 00:00:17.176 ผมเป็นนักวิจัยด้านความปลอดภัยออนไลน์ 00:00:17.176 --> 00:00:19.246 ซึ่งหมายถึงว่า งานของผม อยู่กับข้อมูลพวกนี้ 00:00:19.246 --> 00:00:20.930 พยายามหาความหมาย และเข้าใจมันว่า 00:00:20.930 --> 00:00:23.683 เลข 1 และ 0 ทั้งหมดนั้น หมายความว่าอะไร 00:00:23.683 --> 00:00:25.526 แต่โชคไม่ดีสำหรับผม เราไม่ได้แค่พูดถึง 00:00:25.526 --> 00:00:27.760 เลข 1 และ 0 ที่อยู่บนจอตรงนี้เท่านั้น 00:00:27.760 --> 00:00:30.443 เราไม่ได้แค่พูดถึง เลข 1และ 0 แค่ไม่กี่หน้า 00:00:30.443 --> 00:00:33.052 เรากำลังพูดถึง เลข 1 และ 0 00:00:33.052 --> 00:00:34.385 หลายพันล้านตัว 00:00:34.385 --> 00:00:37.026 มากมายเกินกว่าใครๆ จะหยั่งรู้ได้ NOTE Paragraph 00:00:37.026 --> 00:00:38.885 ครับ มันฟังดูแล้วน่าตื่นเต้น 00:00:38.885 --> 00:00:41.377 เมื่อผมเริ่มทำงาน คอมพิวเตอร์ออนไลน์ -- 00:00:41.377 --> 00:00:43.120 (เสียงหัวเราะ) -- 00:00:43.120 --> 00:00:45.123 เมื่อผมเริ่มต้นทำงานออนไลน์ ผมไม่แน่ใจ 00:00:45.123 --> 00:00:46.596 ว่าการนั่งตรวจเลข 1 และ 0 นั้น 00:00:46.596 --> 00:00:48.890 เป็นสิ่งที่ผมต้องการจะทำ ไปจนตลอดชีวิต 00:00:48.890 --> 00:00:50.910 เพราะในหัวคิดของผมนั้น คอมพิวเตอร์ออนไลน์ 00:00:50.910 --> 00:00:54.591 คือ การไม่ให้ไวรัส เข้าไปในคอมพิวเตอร์ของคุณยาย 00:00:54.591 --> 00:00:57.939 คือ การให้หน้ามายสเปส ของผู้คน ไม่ถูกแฮ็ค 00:00:57.939 --> 00:01:00.124 และบางที่ ในวันรุ่งโรจน์ที่สุดของผม 00:01:00.124 --> 00:01:03.875 คือ เก็บข้อมูลบัตรเครดิตบางคน ไม่ให้ถูกขโมย 00:01:03.875 --> 00:01:05.238 เรื่องเหล่านั้นเป็นสิ่งสำคัญ 00:01:05.238 --> 00:01:07.996 แต่นั่นไม่ไช่วิธี ที่ผมต้องการจะใช้ชีวิต NOTE Paragraph 00:01:07.996 --> 00:01:09.930 แต่หลังจาก 30 นาที ของการทำงานรับเหมา 00:01:09.930 --> 00:01:11.283 ว่าจ้างด้านการป้องกันประเทศ 00:01:11.283 --> 00:01:14.073 ไม่นานผมก็พบว่า ความคิดเรื่องออนไลน์ของผม 00:01:14.073 --> 00:01:15.942 ค่อนข้างใช้ไม่ได้แล้ว 00:01:15.942 --> 00:01:17.887 จริงๆ แล้ว ในเรื่องความปลอดภัยระดับชาติ 00:01:17.887 --> 00:01:19.958 การกั้นไวรัสไม่ให้เข้า เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณยาย 00:01:19.958 --> 00:01:23.144 อยู่ในระดับความสำคัญที่ตํ่า อย่างคาดไม่ถึง 00:01:23.144 --> 00:01:24.445 เหตุผล คือ คอมพิวเตอร์ออนไลน์นั้น 00:01:24.445 --> 00:01:28.238 ยิ่งใหญ่เกินกว่าสิ่งทั้งหลายนั้น มากมายนัก 00:01:28.238 --> 00:01:31.063 คอมพิวเตอร์ออนไลน์ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา 00:01:31.063 --> 00:01:34.123 เพราะคอมพิวเตอร์ เป็นส่วนหนึ่งชีวิตเรา 00:01:34.123 --> 00:01:36.075 แม้ว่าคุณไม่มีคอมพิวเตอร์ ของตนเองก็ตาม 00:01:36.075 --> 00:01:38.721 คอมพิวเตอร์ก็ควบคุมทุกอย่าง ในรถของคุณ 00:01:38.721 --> 00:01:40.601 ตั้งแต่จีพีเอสของคุณ จนถึงถุงลมนิรภัย 00:01:40.601 --> 00:01:41.917 มันควบคุมโทรศัพท์ของคุณ 00:01:41.917 --> 00:01:43.088 ทำให้คุณเรียก 911 ได้ 00:01:43.088 --> 00:01:44.884 และทำให้คนบางคนมารับสาย 00:01:44.884 --> 00:01:47.678 มันควบคุมโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ของชาติเรา 00:01:47.678 --> 00:01:49.354 มันเป็นเหตุให้คุณมีไฟฟ้าใช้ 00:01:49.354 --> 00:01:51.692 มีความร้อน มีนํ้าสะอาด มีอาหาร 00:01:51.692 --> 00:01:53.593 คอมพิวเตอร์ควบคุมอุปกรณ์ ทางการทหารของเรา 00:01:53.593 --> 00:01:55.270 ทุกอย่าง จากโรงเก็บขีปนาวุธ ุจนถึงดาวเทียม 00:01:55.270 --> 00:01:59.184 จนถึงเครือข่ายการป้องกันนิวเคลียร์ 00:01:59.184 --> 00:02:01.173 ทุกอย่างทั้งหมดนี้ ถูกสร้างขึ้นมาได้ 00:02:01.173 --> 00:02:02.589 ก็เพราะคอมพิวเตอร์ 00:02:02.589 --> 00:02:04.572 และดังนั้น ก็เพราะคอมพิวเตอร์ออนไลน์ 00:02:04.572 --> 00:02:06.076 แต่เมื่อบางอย่างเกิดผิดพลาดขึ้น 00:02:06.076 --> 00:02:09.194 มันก็สามารถทำให้ทั้งหมดนั้น เป็นไปไม่ได้ NOTE Paragraph 00:02:09.194 --> 00:02:10.779 แต่นั่นคือ ที่ให้ผมก้าวเข้ามา 00:02:10.779 --> 00:02:13.719 งานส่วนใหญ่ของผมคือ ป้องกันทั้งหมดนั่น 00:02:13.719 --> 00:02:15.381 ให้มันทำงานได้ต่อไป แต่ในบางครั้ง 00:02:15.381 --> 00:02:17.709 งานส่วนหนึ่ง คือเจาะเข้าไปในระบบเหล่านั้น 00:02:17.709 --> 00:02:20.105 เพราะคอมพ์ออนไลน์ ไม่ใช่แค่ปกป้องเท่านั้น 00:02:20.105 --> 00:02:22.378 แต่มันยังเกี่ยวข้องกับ การรุกรานอีกด้วย 00:02:22.378 --> 00:02:23.954 เรากำลังเข้าไปสู่ยุค ที่เราพูดถึง 00:02:23.954 --> 00:02:25.415 อาวุธออนไลน์ (cyberweapons) 00:02:25.415 --> 00:02:28.550 ที่จริง ศักยภาพการรุกรานออนไลน์ มีมากมายเหลือเกิน 00:02:28.550 --> 00:02:32.171 จนพิจารณาได้ว่า เป็นเขตแนวใหม่ของสงคราม 00:02:32.171 --> 00:02:33.971 การทำสงคราม 00:02:33.971 --> 00:02:35.900 ไม่จำเป็นว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่ดี 00:02:35.900 --> 00:02:38.651 ในแง่หนึ่ง หมายถึง เรามีแนวหน้าใหม่ทั้งหมด 00:02:38.651 --> 00:02:40.394 ที่เราจำเป็นต้องป้องกันตัวเอง 00:02:40.394 --> 00:02:41.879 แต่อีกแง่หนึ่ง หมายถึงว่า 00:02:42.946 --> 00:02:43.721 เรามีวิธีการโจมตีรูปแบบใหม่ 00:02:43.721 --> 00:02:45.580 วิธีการใหม่ๆ ที่จะหยุดยั้งคนชั่ว 00:02:45.580 --> 00:02:47.807 จากการกระทำ สิ่งที่ชั่วร้าย NOTE Paragraph 00:02:47.807 --> 00:02:49.618 ดังนั้น เราจึงมาพิจารณา ตัวอย่างหนึ่ง 00:02:49.618 --> 00:02:51.307 ซึ่งเป็นเรื่องสมมุติทั้งหมด 00:02:51.307 --> 00:02:53.565 สมมุติว่า ผู้ก่อการร้าย ต้องการจะระเบิดตึก 00:02:53.565 --> 00:02:55.633 และเขาก็อยากทำอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า 00:02:55.633 --> 00:02:57.084 ในอนาคต 00:02:57.084 --> 00:02:59.924 เขาจึงไม่ต้องการจะอยู่ในตึก ตอนมันระเบิด 00:02:59.924 --> 00:03:01.442 เขาจะใช้โทรศัพท์มือถือ 00:03:01.442 --> 00:03:03.777 เป็นตัวจุดชนวนระเบิด จากระยะไกล 00:03:03.777 --> 00:03:05.648 ในอดีต เพียงวิธีเดียวที่เราใช้ 00:03:05.648 --> 00:03:07.284 เพื่อหยุดผู้ก่อการร้ายนี้ 00:03:07.284 --> 00:03:09.957 ก็คือ ด้วยห่ากระสุนปืน และขับรถไล่จับ 00:03:09.957 --> 00:03:12.289 แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น อีกต่อไปแล้ว 00:03:12.289 --> 00:03:13.852 เรากำลังไปสู่ยุค ที่เราหยุดเขาได้ 00:03:13.852 --> 00:03:14.962 ด้วยการกดปุ่ม 00:03:14.962 --> 00:03:16.969 จากที่ไกลออกไปถึง 1,000 ไมล์ 00:03:16.969 --> 00:03:18.558 เพราะว่า เขาจะรู้หรือไม่ก็ตาม 00:03:18.558 --> 00:03:20.269 เมื่อใดที่ตัดสินใจ ใช้โทรศัพท์มือถือ 00:03:20.269 --> 00:03:23.403 เขาก็เข้าไปสู่ อาณาจักร คอมพิวเตอร์ออนไลน์ 00:03:23.403 --> 00:03:26.520 การจู่โจมออนไลน์ ที่ถูกสร้างมาอย่างดี จะเจาะเข้ามือถือของเขา 00:03:26.520 --> 00:03:28.669 ทำให้ตัวป้องกันแรงดันไฟในแบตฯ ใช้การไม่ได้ 00:03:28.669 --> 00:03:30.424 วงจรไฟฟ้าเกินพิกัดอย่างรุนแรง 00:03:30.424 --> 00:03:32.781 เป็นผลให้แบตเตอรี่ร้อนเกินไป และระเบิด 00:03:32.781 --> 00:03:33.781 เมื่อไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีตัวจุดชนวนระเบิดแล้ว 00:03:35.227 --> 00:03:37.150 ก็อาจไม่มีผู้ก่อการร้าย อีกต่อไปแล้วก็ได้ 00:03:37.150 --> 00:03:38.181 ทั้งหมด ด้วยเพียงการกดปุ่ม 00:03:38.181 --> 00:03:40.861 จากที่ไกลออกไป เป็นพันไมล์ NOTE Paragraph 00:03:40.861 --> 00:03:42.612 ครับ แล้วสิ่งนี้ทำงานอย่างไร 00:03:42.612 --> 00:03:44.880 มันก็กลับมาที่ตัวเลข 1 และ 0 เหล่านั้น 00:03:44.880 --> 00:03:47.885 ข้อมูลเลขฐานสอง ทำให้โทรศัพท์ทำงาน 00:03:47.885 --> 00:03:51.469 และถ้าถูกใช้อย่างถูกต้อง มันยังทำให้โทรศัพท์ของคุณระเบิดได้ 00:03:51.469 --> 00:03:53.941 ดังนั้น ถ้าคุณเริ่มมองออนไลน์ จากมุมมองนี้ 00:03:53.941 --> 00:03:57.104 ใช้ชีวิตของคุณ กลั่นกรองตัวเลขจากข้อมูลเลขฐานสอง 00:03:57.104 --> 00:03:59.521 ก็เริ่มดูเหมือนจะน่าตื่นเต้น NOTE Paragraph 00:03:59.521 --> 00:04:02.167 แต่ ที่แย่คือ มันยากนะครับ 00:04:02.167 --> 00:04:03.852 ยากมากจริงๆ 00:04:03.852 --> 00:04:05.686 และนี่คือ เหตุผลว่าเพราะอะไร 00:04:05.686 --> 00:04:08.452 ลองคิดถึง ทุกอย่างที่คุณมีอยู่ในมือถือ 00:04:08.452 --> 00:04:10.415 คุณมีรูป ที่คุณถ่ายเอาไว้ 00:04:10.415 --> 00:04:12.201 คุณมีเพลง ที่คุณฟังอยู่ 00:04:12.201 --> 00:04:13.849 คุณมีรายชื่อ คนที่คุณติดต่อด้วย 00:04:13.849 --> 00:04:15.474 มีอีเมล และอาจมีแอพพ์อีก 500 ตัว 00:04:15.474 --> 00:04:18.475 ที่คุณไม่เคยใช้งานเลย ในชั่วชีวิตคุณ 00:04:18.475 --> 00:04:22.462 และเบื้องหลังของทั้งหมดนี้ คือซอฟต์แวร์ หรือรหัส 00:04:22.462 --> 00:04:23.842 ซึ่งควบคุมโทรศัพท์ของคุณ 00:04:23.842 --> 00:04:26.498 และ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ที่ฝังอยู่ในรหัสนั้น 00:04:26.498 --> 00:04:29.046 คือ คำสั่งสั้นๆ ที่ควบคุมแบตเตอรี่ของคุณ 00:04:29.046 --> 00:04:30.917 และนั่นคือ สิ่งที่ผมตามหาอยู่จริงๆ 00:04:30.917 --> 00:04:34.603 ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงเลข 1 และ 0 กระจุกเดียว 00:04:34.603 --> 00:04:36.134 และทั้งหมด ก็แค่ผสมปนเปกันอยู่ 00:04:36.134 --> 00:04:39.679 ทางออนไลน์ เราเรียกสิ่งนี้ว่า การหาเข็มในกองเข็ม 00:04:39.679 --> 00:04:42.028 เพราะทุกอย่าง ดูเหมือนๆ กันไปหมด 00:04:42.028 --> 00:04:43.760 ผมกำลังหาชิ้นส่วนสำคัญชิ้นหนึ่ง 00:04:43.760 --> 00:04:46.994 แต่มันผสมปนเปไปกับส่วนอื่นๆ เสียหมด NOTE Paragraph 00:04:46.994 --> 00:04:49.246 ครับ ลองถอยออกมา จากสถานการณ์สมมุติ 00:04:49.246 --> 00:04:51.590 ของการทำให้โทรศัพท์ ของผู้ก่อการร้ายระเบิด 00:04:51.590 --> 00:04:54.406 และมาดูบางอย่างที่เกิดขึ้นจริงๆ กับผม 00:04:54.406 --> 00:04:55.749 ส่วนมาก ไม่ว่าผมจะทำอะไร 00:04:55.749 --> 00:04:57.191 งานของผมเริ่มด้วยการนั่งลงเสมอ 00:04:57.191 --> 00:04:59.563 พร้อมกับข้อมูลเลขฐานสอง จำนวนมากมาย 00:04:59.563 --> 00:05:01.290 ผมก็จะมองหา ชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งเสมอ 00:05:01.290 --> 00:05:03.277 เพื่อจะทำบางสิ่งบางอย่าง ที่เจาะจงลงไป 00:05:03.277 --> 00:05:05.354 ในกรณีนี้ ผมกำลังมองหารหัส ที่ซับซ้อนมาก 00:05:05.354 --> 00:05:06.872 มีในเทคโนโลยีสูงมากๆ ชิ้นหนึ่ง 00:05:06.872 --> 00:05:08.087 ซึ่งผมรู้ว่า ผมจะแฮ็คได้ 00:05:08.087 --> 00:05:09.801 แต่มันถูกฝังอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง 00:05:09.801 --> 00:05:11.827 ภายในตัวเลข 1 และ 0 เป็นพันล้านตัว 00:05:11.827 --> 00:05:13.405 แต่โชคไม่ดีสำหรับผม ผมไม่รู้ว่า 00:05:13.405 --> 00:05:15.096 ผมกำลังมองหาอะไรแน่ 00:05:15.096 --> 00:05:16.292 ไม่รู้มันเป็นอย่างไรแน่ 00:05:16.292 --> 00:05:19.210 ซึ่งทำให้การค้นพบมันนั้น ยิ่งยากมากๆ 00:05:19.210 --> 00:05:21.249 เมื่อผมต้องค้นให้พบ สิ่งที่ผมต้องทำ 00:05:21.249 --> 00:05:23.591 ก็คือ ตามหลักการแล้ว ก็ดูที่ชิ้นต่างๆ 00:05:23.591 --> 00:05:25.314 ของข้อมูลเลขฐานสองนี้ 00:05:25.314 --> 00:05:27.516 พยายามถอดรหัสแต่ละชิ้น ดูว่ามันอาจจะเป็น 00:05:27.516 --> 00:05:28.740 สิ่งที่ผมมองหาอยู่หรือไม่ 00:05:28.740 --> 00:05:30.365 จากนั้นไม่นานนัก ผมคิดว่าได้พบชิ้น 00:05:30.365 --> 00:05:31.702 ที่กำลังมองหาอยู่นั้นแล้ว 00:05:31.702 --> 00:05:33.806 ผมคิดว่า อาจเป็นชิ้นนี้แหละ 00:05:33.806 --> 00:05:35.838 มันดูเหมือนว่าจะใช่ แต่ผมก็ยังบอกแน่ไม่ได้ 00:05:35.838 --> 00:05:38.756 บอกไม่ได้ว่าเลข 1 และ 0 พวกนั้น มันแทนอะไร 00:05:38.756 --> 00:05:42.130 จึงใช้เวลาไปบ้าง พยายามเอามันมาปะติดปะต่อ 00:05:42.130 --> 00:05:43.800 แต่ก็ยังไม่มีโชคมากนัก 00:05:43.800 --> 00:05:44.986 และในที่สุด ผมก็ตกลงใจ 00:05:44.986 --> 00:05:46.595 ผมจะผ่านสิ่งนี้ไปก่อน 00:05:46.595 --> 00:05:48.106 ผมจะมาอีก ในวันสุดสัปดาห์ 00:05:48.106 --> 00:05:49.446 และจะไม่ออกไปไหนอีก 00:05:49.446 --> 00:05:51.158 จนกว่าจะคิดออก ว่ามันแปลว่าอะไร 00:05:51.158 --> 00:05:53.324 ผมก็ทำตามนั้น เข้ามาทำ ในวันเสาร์ตอนเช้า 00:05:53.324 --> 00:05:56.969 ราว 10 ชั่วโมง ผมก็คิดว่า เหมือนจะได้ชิ้นปริศนาทั้งหมดแล้ว 00:05:56.969 --> 00:05:58.361 แค่ไม่รู้ว่าจะมาต่อกันอย่างไร 00:05:58.361 --> 00:06:01.151 ผมไม่รู้ว่าเลข 1 และ 0 พวกนี้ หมายถึงอะไร 00:06:01.151 --> 00:06:03.218 ณ จุดชั่วโมงที่ 15 00:06:03.218 --> 00:06:05.820 ผมเริ่มเห็นภาพที่อยู่ตรงนั้น ชัดเจนขึ้น 00:06:05.820 --> 00:06:07.592 แต่ผมมีความสงสัยหวั่นใจอยู่ 00:06:07.592 --> 00:06:09.181 ว่าสิ่งที่ผมกำลังมองดูอยู่นั้น 00:06:09.181 --> 00:06:12.104 ไม่สัมพันธ์กันเลย กับสิ่งที่ผมกำลังมองหาอยู่ 00:06:12.104 --> 00:06:14.591 เกือบ 20 ชั่วโมง ชิ้นส่วนนั้น ก็เริ่มเข้ามารวมกันได้ 00:06:14.591 --> 00:06:18.355 อย่างช้ามากๆ - (เสียงหัวเราะ) - 00:06:18.355 --> 00:06:19.621 และผมก็แน่ใจมากๆ ว่ากำลัง 00:06:19.621 --> 00:06:21.560 ลงสู่เส้นทางที่ผิด ณ จุดนี้ 00:06:21.560 --> 00:06:23.811 แต่ผมก็จะไม่เลิก 00:06:23.811 --> 00:06:26.645 หลังจาก 30 ชั่วโมงผ่านไป ในห้องแล็บ 00:06:26.645 --> 00:06:28.906 ผมก็คิดออกว่า ที่กำลังเห็นอยู่นั้น คืออะไรแน่ 00:06:28.906 --> 00:06:31.724 และผมก็คิดถูก มันไม่ใช่สิ่งที่ผมกำลังมองหา 00:06:31.724 --> 00:06:33.423 ผมใช้ 30 ชั่วโมง นำชิ้นส่วนมาต่อกัน 00:06:33.423 --> 00:06:36.145 เลข 1 และ 0 นั้น สร้างเป็นรูปลูกแมว 00:06:36.145 --> 00:06:37.940 (เสียงหัวเราะ) 00:06:37.940 --> 00:06:41.746 ผมเสียไป 30 ชั่วโมงของชีวิต ในการค้นหาลูกแมวตัวนี้ 00:06:41.746 --> 00:06:43.584 ซึ่งไม่มีอะไรเลย ที่จะใช้ได้ 00:06:43.584 --> 00:06:45.571 กับสิ่งที่ผมกำลังพยายามทำให้สำเร็จ NOTE Paragraph 00:06:45.571 --> 00:06:49.434 ผมจึงรู้สึกคับข้องใจ หมดเรี่ยวหมดแรง 00:06:49.434 --> 00:06:52.660 หลังจาก 30 ชั่วโมง ในห้องแล็บ กลิ่นตัวผมคงแย่ 00:06:52.660 --> 00:06:54.890 แต่แทนที่จะแค่กลับไปบ้าน 00:06:54.890 --> 00:06:57.420 เลิกทำเสีย ผมกลับหยุดคิดพิจารณาว่า ควรทำอะไรต่อ 00:06:57.420 --> 00:06:59.961 และถามตัวเองว่า ผมทำพลาดตรงไหนนะ? 00:06:59.961 --> 00:07:02.173 ผมทำผิดพลาดงี่เง่าอย่างนี้ ได้อย่างไร 00:07:02.173 --> 00:07:03.571 จริงๆ ผมก็เก่งมากนะในเรื่องนี้ 00:07:03.571 --> 00:07:04.890 ผมทำงานนี้เพื่อหาเลี้ยงชีพ 00:07:04.890 --> 00:07:07.038 แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเล่า? 00:07:07.038 --> 00:07:09.813 ครับ ผมก็คิดว่า เมื่อคุณดูข้อมูลในระดับนี้ 00:07:09.813 --> 00:07:12.640 มันง่ายมาก ที่จะหลงลืมไปว่า คุณกำลังทำอะไรอยู่ 00:07:12.640 --> 00:07:14.384 จะดูแต่รายละเอียด จนไม่เห็นภาพรวม 00:07:14.384 --> 00:07:16.548 มันง่าย ที่จะหลงไปอยู่ในวังวน 00:07:16.548 --> 00:07:18.310 และเสียเวลาไปมากต่อมาก 00:07:18.310 --> 00:07:20.130 ทำสิ่งที่ผิดพลาดไป 00:07:20.130 --> 00:07:21.730 แต่ผมตระหนักรู้เรื่องนี้ขึ้นมาได้ 00:07:21.730 --> 00:07:24.729 เรากำลังดูข้อมูลผิดไปอย่างสิ้นเชิง 00:07:24.729 --> 00:07:26.219 ตั้งแต่วันแรกแล้ว 00:07:26.219 --> 00:07:28.322 วิธีคิดของคอมพิวเตอร์ คือ เลข 1 และ 0 นั้น 00:07:28.322 --> 00:07:29.714 มันไม่ใช่วิธีคิดของคน 00:07:29.714 --> 00:07:32.028 แต่เราก็ได้พยายาม จะปรับความคิดของเรา 00:07:32.028 --> 00:07:33.373 ให้คิดเหมือนคอมพิวเตอร์ให้มากขึ้น 00:07:33.373 --> 00:07:35.970 เพื่อที่เราจะสามารถ เข้าใจข้อมูลนี้ได้ 00:07:35.970 --> 00:07:37.920 แทนที่จะพยายามให้ปัญญาของเรา เข้ากับปัญหา 00:07:37.920 --> 00:07:39.568 เราควรจะได้ทำปัญหานั้น 00:07:39.568 --> 00:07:40.537 เข้ากับปัญญาของเรา 00:07:40.537 --> 00:07:42.646 เพราะว่าสมองของเรานั้น มีศักยภาพใหญ่ยิ่ง 00:07:42.646 --> 00:07:45.732 สำหรับวิเคราะห์ข้อมูล ในปริมาณที่มากมาย 00:07:45.732 --> 00:07:47.029 ไม่เหมือนกับสิ่งนี้ 00:07:47.029 --> 00:07:48.496 ถ้าเราปล่อยศักยภาพนั้นออกมาได้ 00:07:48.496 --> 00:07:50.023 ด้วยการแค่เพียงแปลสิ่งนี้ 00:07:50.023 --> 00:07:52.871 ให้เป็นชนิดข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว จะได้อะไร? 00:07:52.871 --> 00:07:54.065 ด้วยความคิดเหล่านี้ในใจ 00:07:54.065 --> 00:07:55.683 ผมจึงวิ่งแจ้น จากห้องแล็บใต้ดินที่ทำงาน 00:07:55.683 --> 00:07:56.990 มาที่ห้องแล็บใต้ดินที่บ้าน 00:07:56.990 --> 00:07:58.986 ซึ่งดูแล้ว ก็เหมือนกันมากๆ 00:07:58.986 --> 00:08:00.810 ความแตกต่างสำคัญคือ อยู่ที่ทำงานนั้น 00:08:00.810 --> 00:08:02.389 ผมถูกล้อมรอบด้วย วัสดุออนไลน์ 00:08:02.389 --> 00:08:04.994 และออนไลน์ ดูจะเป็นตัวปัญหา ในสถานการณ์นี้ 00:08:04.994 --> 00:08:08.347 ที่บ้านผมรอบล้อมไปด้วย ทุกสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาแล้ว 00:08:08.347 --> 00:08:10.219 ผมจึงกรองออกมา จากหนังสือทุกเล่มที่หาได้ 00:08:10.219 --> 00:08:11.551 จากทุกๆ ความคิด ที่ผมเคยพบมา 00:08:11.551 --> 00:08:13.697 เพื่อดูว่า เราจะแปลปัญหา 00:08:13.697 --> 00:08:16.829 จากขอบเขตหนึ่ง ไปสู่บางอย่าง ที่ต่างกันสิ้นเชิง ได้อย่างไร? NOTE Paragraph 00:08:16.829 --> 00:08:18.223 ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด คือ 00:08:18.223 --> 00:08:20.191 แล้วเราต้องการจะแปลมัน ให้เป็นอะไร? 00:08:20.191 --> 00:08:22.303 สมองเราทำอะไรได้ เป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ 00:08:22.303 --> 00:08:24.181 ที่เราจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ 00:08:24.181 --> 00:08:26.470 คำตอบของผม คือ สายตา 00:08:26.470 --> 00:08:29.619 เรามีความสามารถอย่างยิ่ง ที่จะวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสายตา 00:08:29.619 --> 00:08:32.202 สามารถเอามารวมกันได้ ระดับการเปลี่ยนของสี ระดับความลึก 00:08:32.202 --> 00:08:33.990 สัญญาณต่างๆ เหล่านี้ทุกชนิด 00:08:33.990 --> 00:08:36.385 เอามารวมเป็นภาพที่กลมกลืนกัน ของโลกรอบๆ ตัวเรา 00:08:36.385 --> 00:08:37.792 มันไม่น่าเชื่อนะครับ 00:08:37.792 --> 00:08:39.173 ดังนั้น ถ้าเราพบวิธีที่จะแปล 00:08:39.173 --> 00:08:41.359 รูปแบบเลขฐานสองเหล่านี้ ให้เป็นสัญญาณภาพได้ 00:08:41.359 --> 00:08:43.191 ก็จะสามารถเปิด พลังสมองของเราได้จริงๆ 00:08:43.191 --> 00:08:45.901 เพื่อจัดการกับเรื่องพวกนี้ 00:08:45.901 --> 00:08:47.744 ดังนั้น ผมจึงเริ่มมาดูที่ข้อมูลเลขฐานสอง 00:08:47.744 --> 00:08:48.834 ถามตัวเองว่า จะทำอะไร 00:08:48.834 --> 00:08:50.710 เมื่อพบอะไรแบบนี้ เป็นครั้งแรก? 00:08:50.710 --> 00:08:52.333 สิ่งแรกสุดที่ผมต้องการจะทำ 00:08:52.333 --> 00:08:53.692 คำถามแรกสุด ที่ผมอยากจะตอบ 00:08:53.692 --> 00:08:54.970 ก็คือ นี่มันเป็นอะไร 00:08:54.970 --> 00:08:57.498 ผมไม่สนใจหรอกว่า มันทำอะไร มันทำงานอย่างไร 00:08:57.498 --> 00:08:59.977 ทั้งหมดที่ผมต้องการจะรู้คือ นี่มันเป็นอะไร 00:08:59.977 --> 00:09:01.652 และวิธีที่ผมจะสามารถคิดออกได้ 00:09:01.652 --> 00:09:03.335 ก็คือ โดยดูที่ข้อมูลเลขฐานสอง 00:09:03.335 --> 00:09:05.788 ที่ต่อเนื่องกันเป็นชุดๆ 00:09:05.788 --> 00:09:08.690 และผมก็ดูความสัมพันธ์ ระหว่างชุดข้อมูลเหล่านั้น 00:09:08.690 --> 00:09:10.462 เมื่อรวบรวมชุดข้อมูลนี้จนพอแล้ว 00:09:10.462 --> 00:09:12.466 ผมก็จะเริ่มจะมองออกว่า 00:09:12.466 --> 00:09:15.100 ว่าข้อมูลนี้มันคืออะไร 00:09:15.100 --> 00:09:16.284 ดังนั้น ขอให้เรากลับไป 00:09:16.284 --> 00:09:18.374 สถานการณ์ระเบิด โทรศัพท์ของผู้ก่อการร้ายนั่น 00:09:18.374 --> 00:09:20.577 นี่คือ เนื้อหาภาษาอังกฤษ 00:09:20.577 --> 00:09:21.890 ที่ระดับเลขฐานสอง 00:09:21.890 --> 00:09:24.216 นี่คือ รายชื่อคนที่คุณติดต่อ 00:09:24.216 --> 00:09:25.776 เมื่อผมตรวจสอบมัน 00:09:25.776 --> 00:09:28.010 ยากมากๆ ที่จะวิเคราะห์มันในระดับนี้ 00:09:28.010 --> 00:09:30.114 แต่ถ้าเอาชุดเลขฐานสอง ชุดเดียวกับที่ผม 00:09:30.114 --> 00:09:31.296 กำลังจะพยายามค้นหาอยู่ 00:09:31.296 --> 00:09:33.060 แล้วแปลมัน แทน 00:09:33.060 --> 00:09:34.980 แสดงออกมาเป็นภาพ 00:09:34.980 --> 00:09:36.777 แล้วแปลความสัมพันธ์เหล่านั้น 00:09:36.777 --> 00:09:38.333 นี่คือ สิ่งที่ผมได้ 00:09:38.333 --> 00:09:40.247 นี่คือ ภาพของเนื้อหาภาษาอังกฤษ 00:09:40.247 --> 00:09:42.918 จากมุมมองภาพเชิงนามธรรม 00:09:42.918 --> 00:09:44.058 แล้วทันทีทันใดนั้น 00:09:44.058 --> 00:09:45.493 มันแสดงให้เห็น ข้อมูลเดียวกัน 00:09:45.493 --> 00:09:46.665 กับที่อยู่ในเลข 1 และ 0 00:09:46.665 --> 00:09:48.986 แต่แสดงออกมาให้เห็น ในแบบที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง 00:09:48.986 --> 00:09:50.703 แบบที่เราสามารถเข้าใจได้ทันที 00:09:50.703 --> 00:09:53.668 เราสามารถเห็นรูปแบบทั้งหมดตรงนี้ ในทันที 00:09:53.668 --> 00:09:56.260 ใช้เวลาไม่กี่วินาที ที่จะดึงรูปแบบออกมาได้ตรงนี้ 00:09:56.260 --> 00:09:58.514 แต่ใช้เวลาหลายชั่วโมง หลายๆ วัน เพื่อดึงมันออกมา 00:09:58.514 --> 00:09:59.834 จากเลข 1 และ 0 00:09:59.834 --> 00:10:01.570 ใช้เวลาแค่เป็นนาที ที่ใครๆ ก็ได้ จะรู้ 00:10:01.570 --> 00:10:03.235 ว่ารูปแบบเหล่านี้แทนอะไรตรงนี้ 00:10:03.235 --> 00:10:05.482 แต่ใช้เวลาหลายปี ของประสบการณ์ออนไลน์ 00:10:05.482 --> 00:10:07.136 จะรู้รูปแบบเดียวกันนั้นแทนอะไร 00:10:07.136 --> 00:10:08.722 จากตัวเลข 1 และ 0 00:10:08.722 --> 00:10:10.384 ชิ้นส่วนนี้จึง เกิดจาก 00:10:10.384 --> 00:10:12.408 ตัวอักษรเล็ก ตามด้วย ตัวอักษรเล็ก 00:10:12.408 --> 00:10:14.175 ที่อยู่ในรายชื่อคนที่เราติดต่อนั่น 00:10:14.175 --> 00:10:15.516 นี่คือตัวใหญ่ ตามด้วยตัวใหญ่ 00:10:15.516 --> 00:10:18.201 ตัวใหญ่ตามด้วยตัวเล็ก ตัวเล็กตามด้วยใหญ่ 00:10:18.201 --> 00:10:20.887 นี่เกิดจากการเว้นววรค นี่เกิดจากการขึ้นบรรทัดใหม่ 00:10:20.887 --> 00:10:22.395 เราไปได้ทั่ว ทุกรายละเอียดย่อย 00:10:22.395 --> 00:10:25.361 ของข้อมูลเลขฐานสองในไม่กี่วินาที 00:10:25.361 --> 00:10:28.895 ไม่ใช่เป็นสัปดาห์ๆ เป็นเดือนๆ ในแบบนี้ 00:10:28.895 --> 00:10:30.407 นี่เป็นภาพหนึ่ง 00:10:30.407 --> 00:10:32.283 จากโทรศัพท์มือถือของผม 00:10:32.283 --> 00:10:33.296 แต่นี่เป็นภาพที่เห็น 00:10:33.296 --> 00:10:35.187 ในภาพเชิงนามธรรม 00:10:35.187 --> 00:10:37.172 นี่เป็น ภาพเพลงของคุณ 00:10:37.172 --> 00:10:39.375 แต่นี่เป็น ภาพเชิงนามธรรมของมัน 00:10:39.375 --> 00:10:41.135 ที่สำคัญที่สุดสำหรับผม 00:10:41.135 --> 00:10:44.410 นี่เป็น ภาพรหัสในโทรศัพท์มือถือของคุณ 00:10:44.410 --> 00:10:46.567 นี่เป็น สิ่งที่ผมตามหาอยู่ ในที่สุด 00:10:46.567 --> 00:10:48.707 แต่นี่ เป็นภาพนามธรรมของมัน 00:10:48.707 --> 00:10:51.216 ถ้าผมพบสิ่งนี้ ผมก็ไม่สามารถทำให้โทรศัพท์ระเบิดได้ 00:10:51.216 --> 00:10:53.835 ผมอาจใช้เวลาหลายๆ สัปดาห์ เพื่อพยายามหาสิ่งนี้ 00:10:53.835 --> 00:10:55.012 ในตัวเลข 1 และ 0 00:10:55.012 --> 00:10:56.796 แต่ผมใช้ไม่กี่วินาที ที่จะดึง 00:10:56.796 --> 00:11:00.100 ภาพเชิงนามธรรม อย่างเช่นภาพนี้ ออกมา NOTE Paragraph 00:11:00.100 --> 00:11:02.592 หนึ่งในส่วนที่น่าทึ่งที่สุด เกี่ยวกับทั้งหมดนี้ 00:11:02.592 --> 00:11:05.424 คือ มันให้ได้วิธีการใหม่ทั้งหมด ที่จะทำความเข้าใจ 00:11:05.424 --> 00:11:08.663 ข้อมูลใหม่ๆ สิ่งที่เรายังไม่เคยพบเห็นมาก่อน 00:11:08.663 --> 00:11:11.167 ผมจึงรู้ว่าภาษาอังกฤษจะเป็นอย่างไร ที่ระดับเลขฐานสอง 00:11:11.167 --> 00:11:13.277 และก็รู้ว่าภาพนามธรรมของมัน เป็นอย่างไร 00:11:13.277 --> 00:11:16.592 แต่ผมก็ไม่เคยเห็น เลขฐานสองของ ภาษารัสเซียเลย ในตลอดชีวิตผม 00:11:16.592 --> 00:11:18.392 ผมอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ แค่คิดให้ออก 00:11:18.392 --> 00:11:21.389 จากเลขดิบ 1 และ 0 ที่กำลังดูอยู่นั้น ว่าคืออะไร 00:11:21.389 --> 00:11:23.140 แต่เพราะว่า สมองของเราสามารถเลือก 00:11:23.140 --> 00:11:25.957 และรู้จัก จดจำ ได้ในทันที รูปแบบที่ซ่อนเร้น 00:11:25.957 --> 00:11:27.445 ซึ่งอยู่ภายในภาพนามธรรมเหล่านี้ 00:11:27.445 --> 00:11:29.277 เราจึงสามารถนำมันมาประยุกต์ใช้ 00:11:29.277 --> 00:11:30.850 ในสถานการณ์ใหม่ๆ ได้ โดยไม่รู้ตัว 00:11:30.850 --> 00:11:32.332 ครับ นี่เป็นในภาษารัสเซีย 00:11:32.332 --> 00:11:33.912 ในแบบภาพนามธรรม 00:11:33.912 --> 00:11:35.716 เพราะผมรู้ว่า ภาษาใดจะเป็นอย่างไร 00:11:35.716 --> 00:11:37.292 ผมจึงสามารถรู้จักภาษาอื่นๆ 00:11:37.292 --> 00:11:39.162 แม้ว่าผมจะไม่คุ้นเคยกับมัน 00:11:39.162 --> 00:11:40.948 นี่เป็นในแบบภาพถ่าย 00:11:40.948 --> 00:11:42.835 แต่นี่เป็นในแบบของคลิปอาร์ต 00:11:42.835 --> 00:11:45.390 นี่เป็นลักษณะของรหัส ในโทรศัพท์ของคุณ 00:11:45.390 --> 00:11:48.097 นี่เป็นลักษณะรหัส ในคอมพิวเตอร์ของคุณ 00:11:48.097 --> 00:11:49.961 สมองของเราสามารถดึง รูปแบบเหล่านี้มาได้ 00:11:49.961 --> 00:11:51.912 โดยวิธีที่เราไม่เคยทำได้ 00:11:51.912 --> 00:11:54.408 จากการดู ตัวเลขดิบ 1 และ 0 00:11:54.408 --> 00:11:56.264 แต่จริงๆ เราก็แค่สะกิดผิวของมันเท่านั้น 00:11:56.264 --> 00:11:58.401 ในสิ่งที่เราสามารถทำได้ โดยวิธีการนี้ 00:11:58.401 --> 00:12:00.079 เราแค่เริ่มเปิดให้เห็น ความสามารถ 00:12:00.079 --> 00:12:03.394 ของสติปัญญาของเรา ที่จะจัดการกับข้อมูลภาพ 00:12:03.394 --> 00:12:05.384 ถ้าเราเอาความคิดเดิมเหล่านั้นมา 00:12:05.384 --> 00:12:07.035 และแปลมัน ให้เป็นสามมิติแทน 00:12:07.035 --> 00:12:10.230 เราจะพบวิธีการใหม่ๆทั้งสิ้น ในการทำความเข้าใจข้อมูล 00:12:10.230 --> 00:12:12.715 ไม่กี่วินาที เราก็จะดึงทุกๆ รูปแบบ ออกมาได้ ตรงนี้ 00:12:12.715 --> 00:12:14.535 เราสามารถเห็นรอยตัด ที่เชื่อมโยงกับรหัส 00:12:14.535 --> 00:12:16.467 จะเห็นสี่เหลี่ยมตัน ที่โยงกับเนื้อหาได้ 00:12:16.467 --> 00:12:18.943 เราจะดึงออกมาได้ แม้กระทั่งวัตถุมองเห็นได้ ที่เล็กสุด 00:12:18.943 --> 00:12:21.073 สิ่งต่างๆ ที่เราอาจใช้เวลา หลายสัปดาห์ 00:12:21.073 --> 00:12:23.267 หลายเดือน เพื่อหาให้พบ จากตัวเลข 1 และ 0 นั้น 00:12:23.267 --> 00:12:25.070 สิ่งเหล่านี้ ในทันทีทันใดก็เห็นชัดเจน 00:12:25.070 --> 00:12:27.340 ในภาพนามธรรม แบบใดแบบหนึ่ง, และ 00:12:27.340 --> 00:12:28.472 และเมื่อเรายังคงไปต่อ 00:12:28.472 --> 00:12:30.488 โดยโยนข้อมูลให้มัน มากขึ้นๆ 00:12:30.488 --> 00:12:32.769 สิ่งที่เราพบก็คือ เราสามารถจัดการ 00:12:32.769 --> 00:12:35.185 กับตัวเลข 1 และ 0 เป็นพันๆล้านตัวได้ 00:12:35.185 --> 00:12:36.353 ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที 00:12:36.353 --> 00:12:39.587 แค่เพียงใช้ความสามารถ ของสมองที่เรามีอยู่ 00:12:39.587 --> 00:12:41.541 มาใช้วิเคราะห์รูปแบบ NOTE Paragraph 00:12:41.541 --> 00:12:43.844 นี่จึงเป็นสิ่งที่ดี และช่วยได้จริงๆ 00:12:43.844 --> 00:12:46.203 แต่ทั้งหมดนี้บอกผม ก็คือ สิ่งที่ผมกำลังดูอยู่ 00:12:46.203 --> 00:12:47.687 ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่เห็น 00:12:47.687 --> 00:12:50.096 ณ. จุดนี้ ผมสามารถหารหัสโทรศัพท์ได้ 00:12:50.096 --> 00:12:52.761 แต่นั่นยังไม่เพียงพอ ที่จะระเบิดแบตเตอรี 00:12:52.761 --> 00:12:54.329 สิ่งต่อไป ที่ผมต้องค้นหา คือ รหัส 00:12:54.329 --> 00:12:56.090 ที่ควบคุมแบตเตอรี่ เราจึงกลับไปที่ 00:12:56.090 --> 00:12:57.821 ปัญหาของเข็มตัวนั้น ที่อยู่ในกองเข็ม 00:12:57.821 --> 00:13:00.210 รหัสตัวนั้น ก็ดูเหมือนๆ กับรหัสอื่นๆ ทั้งหมด 00:13:00.210 --> 00:13:02.448 ของระบบนั้น NOTE Paragraph 00:13:02.448 --> 00:13:04.849 ผมจึงอาจจะไม่สามารถพบ รหัสที่ควบคุมแบตเตอรี่ 00:13:04.849 --> 00:13:06.860 แต่ก็มีสิ่งมากมาย ที่เหมือนสิ่งนั้นมากๆ 00:13:06.860 --> 00:13:08.714 คุณมีรหัส ที่ควบคุมหน้าจอของคุณ 00:13:08.714 --> 00:13:10.930 ที่ควบคุมปุ่มต่างๆ ที่ควบคุมไมโครโฟน 00:13:10.930 --> 00:13:12.858 ดังนั้น แม้ว่าผมไม่สามารถพบรหัสแบตเตอรี่ 00:13:12.858 --> 00:13:15.103 พนันได้ว่า ผมจะสามารถพบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในพวกนั้น 00:13:15.103 --> 00:13:17.808 ดังนั้น ขั้นต่อไปในกระบวนการ วิเคราะห์เลขฐานสอง 00:13:17.808 --> 00:13:19.039 คือ ดูชิ้นต่างๆ ของข้อมูล 00:13:19.039 --> 00:13:21.057 ที่เหมือนๆ กัน 00:13:21.057 --> 00:13:25.040 ยากจริงๆ ที่จะทำที่ระดับเลขฐานสอง 00:13:25.040 --> 00:13:28.683 แต่ถ้า เราแปลความเหมือนกันเหล่านั้น ให้เป็นภาพนามธรรม แทน 00:13:28.683 --> 00:13:31.121 ผมก็ไม่ต้องกรองข้อมูลดิบอีกเลย 00:13:31.121 --> 00:13:33.276 ทั้งหมดที่ผมต้องทำ คือ คอยให้ภาพสว่างขึ้น 00:13:33.276 --> 00:13:35.512 ให้มองเห็นได้ ขณะที่ผม ดูชิ้นที่เหมือนๆกันนั้น 00:13:35.512 --> 00:13:38.540 มองตามเกลียวความเหมือนพวกนี้ เหมือนกับรอยเศษขนมปัง 00:13:38.540 --> 00:13:41.646 เพื่อจะพบให้แน่ๆ ในสิ่งที่ผมกำลังมองหา NOTE Paragraph 00:13:41.646 --> 00:13:43.380 ดังนั้น ในกระบวนการ ณ จุดนี้ 00:13:43.380 --> 00:13:44.698 ผมได้ตำแหน่งของรหัส 00:13:44.698 --> 00:13:46.383 ที่ทำหน้าที่ควบคุมแบตเตอรี่ 00:13:46.383 --> 00:13:48.959 แต่นั่นก็ยังไม่พอ ที่จะระเบิดโทรศัพท์ได้ 00:13:48.959 --> 00:13:50.523 ชิ้นส่วนสุดท้ายของปริศนา 00:13:50.523 --> 00:13:53.202 คือ ความเข้าใจว่า รหัสนั้น 00:13:53.202 --> 00:13:54.404 ควบคุมแบตเตอรี่อย่างไร 00:13:54.404 --> 00:13:56.792 สำหรับเรื่องนี้ ผมจำเป็นต้องระบุ 00:13:56.792 --> 00:13:58.508 ความสัมพันธ์ที่ละเอียด เข้าใจยากมากๆ 00:13:58.508 --> 00:14:00.597 ภายในข้อมูลเลขฐานสองนั้น 00:14:00.597 --> 00:14:02.352 ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่ทำได้ยากมากๆ 00:14:02.352 --> 00:14:04.664 เมื่อเรามองที่ ตัวเลข 1 และ 0 นั้น 00:14:04.664 --> 00:14:06.060 แต่ถ้าเราแปลข้อมูลนั้น 00:14:06.060 --> 00:14:08.240 ไปเป็นการแทนเชิงกายภาพได้ 00:14:08.240 --> 00:14:11.256 เราก็นั่งสบายได้ ให้สมองส่วนการเห็น ทำงานหนักทั้งหมดนั้นแทน 00:14:11.256 --> 00:14:12.990 มันหารูปแบบที่ละเอียดนั้น ได้ทั้งหมด 00:14:12.990 --> 00:14:15.010 หาชิ้นส่วนที่สำคัญทั้งหมด ให้กับเราได้ 00:14:15.010 --> 00:14:17.603 มันสามารถหาได้อย่างถูกต้อง วิธีที่ชิ้นส่วนของรหัสนั้น 00:14:17.603 --> 00:14:20.537 ทำงานด้วยกัน เพื่อควบคุมแบตเตอรี่ ได้อย่างไร 00:14:20.537 --> 00:14:23.541 ทั้งหมดนี้สามารถทำได้ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง 00:14:23.541 --> 00:14:24.897 ในขณะที่กระบวนการเดียวกันนี้ 00:14:24.897 --> 00:14:27.819 อาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ ในอดีต NOTE Paragraph 00:14:27.819 --> 00:14:29.008 ทั้งหมดนี้ ดีแล้ว น่าพอใจ 00:14:29.008 --> 00:14:31.950 ในสถานการณ์ระเบิดโทรศัพท์ ของผู้ก่อการร้าย ในเชิงทฤษฎี 00:14:31.950 --> 00:14:34.797 ผมยังต้องการรู้ว่า มันจะใช้ได้จริงหรือไม่ 00:14:34.797 --> 00:14:37.426 ในงานที่ผมทำอยู่ ทุกวันนี้ 00:14:37.426 --> 00:14:40.481 ผมจึงเล่นกับความรู้เดียวกันนี้ ไปเรื่อยๆ 00:14:40.481 --> 00:14:43.505 กับข้อมูลบางอย่าง ที่ผมเห็นมาแล้ว ในอดีต 00:14:43.505 --> 00:14:45.997 แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมกำลังพยายามหา 00:14:45.997 --> 00:14:48.205 ชิ้นรหัสที่เฉพาะเจาะจง และก็ละเอียดมาก 00:14:48.205 --> 00:14:51.800 ภายในชิ้นส่วนของข้อมูล เลขฐานสองที่หนาแน่น 00:14:51.800 --> 00:14:53.573 ผมจึงดูมัน ที่ระดับนี้ 00:14:53.573 --> 00:14:55.523 และคิดว่า ผมกำลังดู สิ่งที่ถูกต้องแล้ว 00:14:55.523 --> 00:14:57.844 เพียงเพื่อจะพบว่าสิ่งนี้ไม่ได้มี 00:14:57.844 --> 00:14:59.584 ความเชื่อมโยง เหมือนกับที่ผมคิดไว้ 00:14:59.584 --> 00:15:01.489 สำพรับรหัส ที่ผมกำลังมองหาอยู่ 00:15:01.489 --> 00:15:04.092 จริงๆ แล้ว ผมไม่แน่ใจนัก ว่ามันคืออะไร 00:15:04.092 --> 00:15:05.104 แต่เมื่อผมถอยลงมา หนึ่งระดับ 00:15:05.104 --> 00:15:06.819 และดูที่ความเหมือนๆ กัน ภายในรหัสนั้น 00:15:06.819 --> 00:15:09.113 ผมจึงเห็นว่า มันไม่ได้มีความเหมือนกัน 00:15:09.113 --> 00:15:10.604 เหมือนรหัสใดๆ ที่มีอยู่ตรงนั้น 00:15:10.604 --> 00:15:12.829 ผมไม่ได้กำลังดูรหัสอยู่ ด้วยซํ้าไป 00:15:12.829 --> 00:15:15.215 ความจริง จากมุมมองนี้ 00:15:15.215 --> 00:15:17.263 ผมอาจบอกได้เลยว่า มันไม่ได้เป็นรหัส 00:15:17.263 --> 00:15:19.311 นี่มันเป็นภาพ อย่างใดอย่างหนึ่ง 00:15:19.311 --> 00:15:20.993 และจากตรงนี้ ผมสามารถเห็นได้ว่า 00:15:20.993 --> 00:15:23.904 มันไม่ได้เป็นแค่ภาพ มันเป็นภาพถ่าย 00:15:23.904 --> 00:15:25.296 ตอนนี้ผมรู้ว่า มันเป็นภาพถ่าย 00:15:25.296 --> 00:15:28.226 แต่ผมมีเทคนิคการแปลเลขฐานสอง แบบอื่นๆ อีกเยอะแยะ 00:15:28.226 --> 00:15:30.647 ที่จะทำให้เห็นภาพ และเข้าใจข้อมูลนั้น 00:15:30.647 --> 00:15:33.190 ดังนั้น ในไม่กี่วินาที เราก็สามารถเอาข้อมูลนี้ 00:15:33.190 --> 00:15:35.587 เอามันใส่ลงไป ผ่านเทคนิคการแปลภาพอื่นๆ 00:15:35.587 --> 00:15:39.318 เพื่อจะพบให้แน่ๆ ว่า เรากำลังดูอะไรอยู่ 00:15:39.318 --> 00:15:41.000 ผมจึงได้เห็น --(เสียงหัวเราะ)-- 00:15:41.000 --> 00:15:44.456 มันก็เป็นแมวตัวนั้น อีกแล้ว 00:15:44.456 --> 00:15:45.506 ทั้งหมดนี้ สามารถทำได้ 00:15:45.506 --> 00:15:47.001 เพราะว่า เราสามารถพบวิธีการ 00:15:47.001 --> 00:15:49.030 ที่จะแปลปัญหาที่ยากมากๆ 00:15:49.030 --> 00:15:51.542 เป็นบางสิ่งที่สมองของเรา ทำงานเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง NOTE Paragraph 00:15:51.542 --> 00:15:53.780 แล้ว สิ่งนี้หมายความว่าอะไร? 00:15:53.780 --> 00:15:55.325 ครับ สำหรับลูกแมว มันหมายความว่า 00:15:55.325 --> 00:15:57.742 ไม่มีอะไรซ่อนเร้นอีกแล้ว ในเลข 1 และ 0 00:15:57.742 --> 00:16:01.045 สำหรับผม หมายถึง ไม่ต้องเสียเวลาวันหยุดอีกแล้ว 00:16:01.045 --> 00:16:03.657 สำหรับโลกออนไลน์ หมายถึง เรามีวิธีการใหม่ที่สำคัญ 00:16:03.657 --> 00:16:06.622 ในการใช้แก้ปัญหา ที่เป็นไปไม่ได้ที่สุด 00:16:06.622 --> 00:16:08.434 มันหมายถึงเรามีอาวุธใหม่ 00:16:08.434 --> 00:16:10.850 ในเวทีสงครามออนไลน์ ที่วิวัฒน์ไป 00:16:10.850 --> 00:16:12.270 แต่สำหรับพวกเราทุกคนแล้ว 00:16:12.270 --> 00:16:13.745 มันหมายถึงว่า วิศวกรออนไลน์ 00:16:13.745 --> 00:16:15.891 ขณะนี้ มีความสามารถ จะเป็นคนแรกที่ตอบโต้ 00:16:15.891 --> 00:16:18.474 ในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ 00:16:18.474 --> 00:16:19.521 เมื่อวินาทีนั้น สำคัญ 00:16:19.521 --> 00:16:22.930 เราได้ไขวิธีการ ที่จะหยุดคนไม่ดีได้ NOTE Paragraph 00:16:22.930 --> 00:16:24.930 ขอบคุณครับ NOTE Paragraph 00:16:24.930 --> 00:16:27.892 (เสียงปรบมือ)