WEBVTT 00:00:08.516 --> 00:00:14.455 ภายใต้พื้นพิภพที่ครั้งหนึ่ง มีก๊าซธรรมชาติที่เราไม่สามารถขุดมาใช้ได้ 00:00:14.455 --> 00:00:17.605 ก๊าซที่ว่านี้อาจใช้เวลาก่อตัว กว่าหลายล้านปี 00:00:17.605 --> 00:00:22.966 จากชั้นของอินทรีย์วัตถุที่ย่อยสลาย ที่ผ่านความร้อนและความดันมหาศาล 00:00:22.966 --> 00:00:25.645 ภายใต้เปลือกโลก NOTE Paragraph 00:00:25.645 --> 00:00:28.355 มีเทคโนโลยีการสร้างรอยแตก ในชั้นหินโดยใช้ของไหลแรงดันสูง 00:00:28.355 --> 00:00:29.764 หรือที่เรียกว่าแฟรกกิ้ง 00:00:29.764 --> 00:00:32.467 ซึ่งสามารถขุดเจาะก๊าซนี้มาใช้ได้ 00:00:32.467 --> 00:00:36.398 และมีศักยภาพที่จะให้พลังงานแก่เรา ได้อีกหลายทศวรรษ 00:00:36.398 --> 00:00:38.148 แฟรกกิ้งทำงานอย่างไร 00:00:38.148 --> 00:00:42.288 และทำไมมันจึงเป็นประเด็น ในการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน 00:00:42.288 --> 00:00:45.557 แหล่งแฟรกกิ้งสามารถ ทำได้ทุกที่ที่มีก๊าซธรรมชาติ 00:00:45.557 --> 00:00:46.837 ตั้งแต่ทะเลทรายอันห่างไกล 00:00:46.837 --> 00:00:50.236 ไปยังไม่กี่ร้อยเมตรจากหลังบ้านของคุณ 00:00:50.236 --> 00:00:54.548 มันเริ่มจากการขุดเจาะในแนวดิ่ง ที่เรียกว่าหลุมเจาะ 00:00:54.548 --> 00:00:57.927 ที่ถูกเจาะผ่านชั้นดินตะกอน 00:00:57.927 --> 00:01:03.428 เมื่อหลุมเจาะลึกถึง 2500 - 3000 เมตร มันจะถึงจุดหักเห 00:01:03.428 --> 00:01:07.430 ที่จะเริ่มกระบวนการขุดเจาะตามแนวนอน 00:01:07.430 --> 00:01:13.523 มันจะหักมุม 90 องศาและขยายหลุมเจาะ ตามแนวนอนออกไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร 00:01:13.523 --> 00:01:18.969 ผ่านชั้นหินสีดำที่ถูกอัดแน่นที่เรียกว่า ชั้นหินดินดาน 00:01:18.969 --> 00:01:23.159 จากนั้นก็หย่อนปืนเจาะรูชนิดพิเศษลงไปยิง 00:01:23.159 --> 00:01:25.990 เพื่อเจาะรูเล็กยาวหนึ่งนิ้วหลายรูเป็นชุด ๆ 00:01:25.990 --> 00:01:30.720 ซึ่งจะเจาะผ่านท่อกรุภายในชั้นหิน 00:01:30.720 --> 00:01:33.668 ภายหลังจากการเริ่มขุดเจาะขั้นแรก ประมาณสามถึงสี่เดือน 00:01:33.668 --> 00:01:37.112 หลุมนั้นก็พร้อมสำหรับเริ่มแฟรกกิ้ง 00:01:37.112 --> 00:01:41.128 ของไหลที่ใช้ในการแฟรกกิ้ง จะถูกอัดลงไปในหลุมด้วยแรงดันที่สูงมาก 00:01:41.128 --> 00:01:43.390 จนทำให้ชั้นหินดินดานแตก 00:01:43.390 --> 00:01:48.526 ทำให้เกิดการแตกร้าวไปจนถึงบริเวณที่ก๊าซ และน้ำมันสามารถเล็ดลอดออกมาได้ 00:01:48.526 --> 00:01:52.052 ของไหลดังกล่าวมีน้ำเป็นส่วนประกอบ มากกว่า 90% 00:01:52.052 --> 00:01:55.680 ที่เหลือจะเป็นสารเคมีเข้มข้นที่เติมลงไป 00:01:55.680 --> 00:02:00.000 ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามลักษณะเฉพาะของ แหล่งแฟรกกิ้งนั้น ๆ 00:02:00.000 --> 00:02:02.902 แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีอยู่สามประเภท 00:02:02.902 --> 00:02:06.432 กรดสำหรับกำจัดเศษชิ้นเล็ก ๆ และละลายแร่ธาติ 00:02:06.432 --> 00:02:08.561 สารประกอบที่ช่วยลดแรงต้านทานเพื่อทำให้ 00:02:08.561 --> 00:02:12.462 เกิดเป็นน้ำลักษณะลื่น ที่เรียกว่า สลิควอเตอร์ 00:02:12.462 --> 00:02:15.813 และสารฆ่าเชื้อเพื่อป้องกัน การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย 00:02:15.813 --> 00:02:20.694 ทรายหรือดินเหนียวจะถูกผสมลงไปในน้ำ เพื่อช่วยเปิดรอยแยกให้คงอยู่ 00:02:20.694 --> 00:02:26.918 ก๊าซและน้ำมันจะได้ไหลออกไปได้เรื่อยๆ แม้กระทั่งเมื่อความดันได้ลดลงแล้ว 00:02:26.918 --> 00:02:30.444 ได้มีการประมาณการณ์ว่าการสูบน้ำและ การชะล้างอย่างหนักหน่วงของการแฟรกกิ้ง 00:02:30.444 --> 00:02:35.993 โดยเฉลี่ยแล้วใช้น้ำ 3-6 ล้านแกลลอนต่อหลุม 00:02:35.993 --> 00:02:38.953 ซึ่งจริงๆแล้วไม่มากเลย เมื่อเทียบกับการกสิกรรม 00:02:38.953 --> 00:02:40.073 โรงงานไฟฟ้า 00:02:40.073 --> 00:02:42.673 หรือแม้แต่น้ำที่ใช้ในการดูแลรักษาสนามกอล์ฟ 00:02:42.673 --> 00:02:47.092 แต่มันก็สามารถส่งผลกระทบต่อ ปริมาณน้ำใช้ของชุมชนที่เห็นได้ชัด 00:02:47.092 --> 00:02:50.805 และการกำจัดน้ำทิ้งจากการแฟรกกิ้ง ก็เป็นปัญหาอีกอย่างหนึ่ง 00:02:50.805 --> 00:02:53.574 สิ่งที่ถูกสูบขึ้นมายังผิวดินนั้น นอกจากก๊าซที่ถูกกักเอาไว้ 00:02:53.574 --> 00:02:58.934 ยังมีของเหลวหลายล้านแกลลอน ไหลย้อนพุ่งกลับขึ้นมาด้วย 00:02:58.934 --> 00:03:02.264 ของเหลวพวกนี้ปนเปื้อนสาร อย่างธาตุกัมมันตรังสี 00:03:02.264 --> 00:03:03.235 เกลือ 00:03:03.235 --> 00:03:04.134 โลหะหนัก 00:03:04.134 --> 00:03:05.604 และไฮโดรคาร์บอน 00:03:05.604 --> 00:03:08.335 ที่ต้องถูกจัดเก็บและนำไปกำจัด 00:03:08.335 --> 00:03:11.974 ซึ่งปกติแล้วจะถูกเก็บในหลุมลึก ที่อยู่ในบริเวณขุดเจาะนั่นเอง 00:03:11.974 --> 00:03:15.765 หรือแหล่งบำบัดน้ำเสียที่อื่น 00:03:15.765 --> 00:03:19.045 อีกวิธีก็คือการนำน้ำที่ไหลย้อนกลับขึ้นมา กลับมาใช้ใหม่ 00:03:19.045 --> 00:03:23.456 แต่การนำกลับมาใช้ใหม่นั้นจะทำให้ เกิดการปนเปื้อนมากยิ่งขึ้นไปอีก 00:03:23.456 --> 00:03:27.135 เพราะน้ำนั้นจะยิ่งเป็นพิษมากขึ้น ทุกครั้งที่ถูกนำมาใช้ซ้ำ 00:03:27.135 --> 00:03:30.273 หลุมเก็บน้ำนั้นโดยทั่วไปแล้วจะถูกกรุด้วย เหล็กและซีเมนต์ 00:03:30.273 --> 00:03:33.366 เพื่อป้องกันการรั่วไหลของ สิ่งปนเปื้อนลงสู่น้ำใต้ดิน 00:03:33.366 --> 00:03:36.507 แต่ความประมาทเลินเล่อใด ๆ หรืออุบัติเหตุจากการแฟรกกิ้ง 00:03:36.507 --> 00:03:38.925 สามารถส่งผลกระทบที่ร้ายแรงได้ 00:03:38.925 --> 00:03:41.377 การรั่วไหลลงสู่น้ำใต้ดินโดยตรง 00:03:41.377 --> 00:03:43.996 อันตรายที่เกิดจากการรั่วไหลใต้ดิน 00:03:43.996 --> 00:03:48.307 และการบำบัดและกำจัด น้ำเสียเป็นพิษร้ายแรงที่ไม่ดีพอ 00:03:48.307 --> 00:03:52.517 อาจทำให้น้ำบริโภคในบริเวณแหล่งขุดเจาะ เกิดการปนเปื้อนสารพิษได้ 00:03:52.517 --> 00:03:55.520 นอกจากนี้ยังมีความกังวล ในเรื่องการเกิดแผ่นดินไหว 00:03:55.520 --> 00:03:57.169 และโครงสร้างพื้นฐานที่อาจเสียหาย 00:03:57.169 --> 00:04:00.287 จากความดันและการฉีดน้ำเข้าไป 00:04:00.287 --> 00:04:03.628 ความเชื่อมโยงระหว่างการแฟรกกิ้ง และกิจกรรมแผ่นดินไหวที่เพิ่มขึ้น 00:04:03.628 --> 00:04:08.017 ยังคงเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ เกี่ยวกับความดันขาดสมดุลในระยะยาว 00:04:08.017 --> 00:04:11.438 ที่อาจกำลังเกิดขึ้นอยู่ลึกลงไป ใต้ฝ่าเท้าของเรา 00:04:11.438 --> 00:04:15.128 ข้อโต้แย้งที่ใหญ่ที่สุดของการแฟรกกิ้งนั้น กำลังเกิดขึ้นเหนือพื้นดิน 00:04:15.128 --> 00:04:19.908 ความคิดส่วนใหญ่เห็นว่าการเผาไหม้ ก๊าซธรรมชาตินั้นดีต่อสิ่งแวดล้อม 00:04:19.908 --> 00:04:21.639 กว่าการเผาไหม้ถ่านหิน 00:04:21.639 --> 00:04:23.411 เนื่องจากก๊าซที่ได้จากการแฟรกกิ้งนั้น 00:04:23.411 --> 00:04:26.670 ปล่อยก๊าซคร์บอนไดออกไซด์ ต่อพลังงานหนึ่งหน่วย 00:04:26.670 --> 00:04:28.960 เพียงครึ่งหนึ่งของถ่านหิน 00:04:28.960 --> 00:04:31.449 แต่ว่าเราก็ไม่สามารถมองข้าม มลภาวะจากการแฟรกกิ้ง 00:04:31.449 --> 00:04:33.079 ไปได้ 00:04:33.079 --> 00:04:36.010 มีเทนที่รั่วออกมาระหว่าง กระบวนการขุดเจาะและการสูบขึ้นมา 00:04:36.010 --> 00:04:39.159 เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีอานุภาพกว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 00:04:39.159 --> 00:04:41.459 หลายเท่า 00:04:41.459 --> 00:04:44.781 นักวิทยาศาสตร์บางคนเถียงว่า ในที่สุดแล้วมีเทนก็จะกระจายหายไป 00:04:44.781 --> 00:04:48.681 ดังนั้นจึงมีผลกระทบในระยะยาวค่อนข้างน้อย 00:04:48.681 --> 00:04:51.280 แต่คำถามหนึ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ก็ยังค้างคาอยู่ 00:04:51.280 --> 00:04:53.989 การแฟรกกิ้งนั้นทำให้เกิดการเบี่ยงเบน เวลา เงินและการวิจัย 00:04:53.989 --> 00:04:58.960 ออกจากการพัฒนาแหล่งพลังงานทดแทน ที่สะอาดกว่าหรือเปล่า 00:04:58.960 --> 00:05:00.771 ก๊าซธรรมชาติไม่ใช่พลังงานทดแทนได้ 00:05:00.771 --> 00:05:04.170 และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจระยะสั้น ที่สนับสนุนการแฟรกกิ้ง 00:05:04.170 --> 00:05:07.879 อาจจะไม่เป็นไปตามคาด หากต้องเผชิญ สภาพอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลง 00:05:07.879 --> 00:05:11.802 ผู้เชี่ยวชาญยังคงตรวจสอบผลกระทบ ที่ครอบคลุมทั้งหมดของการแฟรกกิ้ง 00:05:11.802 --> 00:05:15.281 ถึงแม้ว่าการแฟรกกิ้สมัยใหม่ จะมีมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1940 00:05:15.281 --> 00:05:17.722 มันเพิ่งเป็นที่นิยมเมื่อ ไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมานี่เอง 00:05:17.722 --> 00:05:22.690 ในขณะที่แหล่งก๊าซธรรมชาติอื่นร่อยหรอ และราคาของพลังงานที่ทดแทนไม่ได้แพงขึ้น 00:05:22.690 --> 00:05:26.653 และเทคโนโลยีที่ทันสมัยล่าสุด ทำให้เราสามารถเข้าถึงมันได้ง่าย 00:05:26.653 --> 00:05:29.723 แต่หลายประเทศและหลายภูมิภาค ได้สั่งห้ามการแฟรกกิ้งไปแล้ว 00:05:29.723 --> 00:05:32.573 เพื่อตอบสนองต่อความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม 00:05:32.573 --> 00:05:37.183 ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแฟรกกิ้งได้เปลี่ยน ภูมิทัศน์ด้านพลังงานไปทั่วโลก 00:05:37.183 --> 00:05:41.122 แต่เพื่อผลประโยชน์ระยะยาวในด้านใด และต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง