[Script Info] Title: [Events] Format: Layer, Start, End, Style, Name, MarginL, MarginR, MarginV, Effect, Text Dialogue: 0,0:00:07.37,0:00:11.94,Default,,0000,0000,0000,,ท่อนคอรัสเล่นซ้ำกันกี่ครั้ง \Nในเพลงโปรดของคุณ Dialogue: 0,0:00:11.94,0:00:16.57,Default,,0000,0000,0000,,และ ลองคิดสักนิดสิ ว่าคุณฟังไปแล้วกี่ครั้ง Dialogue: 0,0:00:16.57,0:00:21.52,Default,,0000,0000,0000,,เป็นไปได้ว่าคุณได้ยินมันเล่นซ้ำๆ เป็นโหล \Nไม่ก็คงเป็นร้อยหน Dialogue: 0,0:00:21.52,0:00:25.24,Default,,0000,0000,0000,,และไม่ใช่แค่เพลงดังๆ ของฝรั่งเท่านั้น\Nที่เล่นซ้ำไปซ้ำมา Dialogue: 0,0:00:25.24,0:00:30.79,Default,,0000,0000,0000,,การทำซ้ำเป็นส่วนหนึ่ง \Nที่ดนตรีหลากวัฒนธรรมมีอยู่ร่วมกัน Dialogue: 0,0:00:30.79,0:00:34.46,Default,,0000,0000,0000,,แล้วทำไมดนตรีจึงมีการทำซ้ำๆ มากเหลือเกิน Dialogue: 0,0:00:34.46,0:00:39.94,Default,,0000,0000,0000,,ส่วนหนึ่งของคำตอบมาจากสิ่งที่นักจิตวิทยาเรียกว่า\Nผลกระทบการสัมผัสแท้ๆ (mere-exposure effect) Dialogue: 0,0:00:39.94,0:00:44.08,Default,,0000,0000,0000,,ง่ายๆ ก็คือ คนมักจะชอบ\Nสิ่งที่พวกเขาเคยสัมผัสมาก่อน Dialogue: 0,0:00:44.08,0:00:48.14,Default,,0000,0000,0000,,ยกตัวอย่างเช่น เพลงที่ได้ยินทางวิทยุ\Nที่เราไม่ได้ชอบสักเท่าไร Dialogue: 0,0:00:48.14,0:00:51.42,Default,,0000,0000,0000,,แต่เมื่อเราได้ยินเพลงนั้นที่ร้านขายของ\Nในโรงหนัง Dialogue: 0,0:00:51.42,0:00:53.61,Default,,0000,0000,0000,,และได้ยินอีกบนท้องถนน Dialogue: 0,0:00:53.61,0:00:56.31,Default,,0000,0000,0000,,ไม่นาน เราก็ติดอยู่ในจังหวะ\Nร้องเนื้อร้อง Dialogue: 0,0:00:56.31,0:00:58.56,Default,,0000,0000,0000,,หรือแม้แต่ดาวโหลดเพลงนั้นมา Dialogue: 0,0:00:58.56,0:01:02.14,Default,,0000,0000,0000,,ผลกระทบการสัมผัสแท้นี้ ไม่ได้เกิดกับเพลงเท่านั้น Dialogue: 0,0:01:02.14,0:01:06.16,Default,,0000,0000,0000,,มันยังคงใช้ได้กับทุกอย่าง\Nตั้งแต่รูปร่าง ไปจนถึงโฆษณาซุปเปอร์โบว์ Dialogue: 0,0:01:06.16,0:01:10.02,Default,,0000,0000,0000,,แล้วอะไรที่ทำให้การทำซ้ำ\Nมีอย่างแพร่หลายเป็นเอกลักษณ์ในดนตรี Dialogue: 0,0:01:10.02,0:01:14.50,Default,,0000,0000,0000,,เพื่อที่จะทำการสอบสวน \Nนักจิตวิทยาถามคนที่ฟังองค์ประกอบทางดนตรี\N Dialogue: 0,0:01:14.50,0:01:16.96,Default,,0000,0000,0000,,ที่หลีกเลี่ยงการทำซ้ำ Dialogue: 0,0:01:16.96,0:01:20.28,Default,,0000,0000,0000,,พวกเขาได้ยินส่วนตัดทอนจากเพลงเหล่านี้\Nในแบบต้นฉบับ Dialogue: 0,0:01:20.28,0:01:24.62,Default,,0000,0000,0000,,หรือในแบบที่ถูกดัดแปลงโดยดิจิตัล\Nเพื่อเพิ่มท่อนซ้ำ Dialogue: 0,0:01:24.62,0:01:26.68,Default,,0000,0000,0000,,แม้ว่าแบบต้นฉบับจะถูกแต่งโดย Dialogue: 0,0:01:26.68,0:01:29.73,Default,,0000,0000,0000,,นักแต่งเพลงที่ได้รับความนับถือมากที่สุด\Nในศตวรรษที่ 20 Dialogue: 0,0:01:29.73,0:01:33.98,Default,,0000,0000,0000,,และแบบที่มีการซ้ำได้ถูกรวมขึ้นมา\Nโดยการแก้ไขเสียงแบบปู้ยี่ปู้ยำ Dialogue: 0,0:01:33.98,0:01:38.65,Default,,0000,0000,0000,,คนให้คะแนนแบบที่มีท่อนซ้ำ\Nว่าเพราะกว่า น่าสนใจกว่า Dialogue: 0,0:01:38.65,0:01:43.25,Default,,0000,0000,0000,,และน่าจะถูกแต่งโดยศิลปินที่เป็นคนมากกว่า Dialogue: 0,0:01:43.25,0:01:45.72,Default,,0000,0000,0000,,การทำซ้ำทางดนตรีเป็นที่น่าสนใจมาก Dialogue: 0,0:01:45.72,0:01:48.89,Default,,0000,0000,0000,,ลองคิดถึงเพลงสุดคลาสสิกของมัพเพทส์\N"มาห์นา มาห์นา" Dialogue: 0,0:01:48.89,0:01:49.98,Default,,0000,0000,0000,,ถ้าคุณได้ยินมันมาก่อน Dialogue: 0,0:01:49.98,0:01:53.18,Default,,0000,0000,0000,,คงแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่หลังจากผมร้องว่า\N"มาห์นา มาห์นา" Dialogue: 0,0:01:53.18,0:01:56.55,Default,,0000,0000,0000,,คุณจะไม่ร้องตอบว่า\N"ดุ ดู ดุ๊ ดู ดุ" Dialogue: 0,0:01:56.55,0:01:58.45,Default,,0000,0000,0000,,การทำซ้ำเชื่อมต่อแต่ละส่วนของดนตรี Dialogue: 0,0:01:58.45,0:02:02.09,Default,,0000,0000,0000,,เข้ากับส่วนถัดไปของดนตรีที่ตามมา\Nอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Dialogue: 0,0:02:02.09,0:02:06.12,Default,,0000,0000,0000,,ดังนั้นเมื่อคุณได้ยินโน้ตบางตัว\Nคุณก็คิดแล้วว่าตัวถัดไปเป็นอะไร Dialogue: 0,0:02:06.12,0:02:08.37,Default,,0000,0000,0000,,สมองของคุณร้องตามไปโดยไม่ได้คิด Dialogue: 0,0:02:08.37,0:02:11.61,Default,,0000,0000,0000,,และคุณอาจเริ่มฮัมเพลงออกเสียงโดยไม่ได้สังเกต Dialogue: 0,0:02:11.61,0:02:15.38,Default,,0000,0000,0000,,การศึกษเร็วๆ นี้ได้แสดงให้เห็นว่า\Nเมื่อคนได้ยินส่วนของดนตรีที่ซ้ำๆ Dialogue: 0,0:02:15.38,0:02:18.29,Default,,0000,0000,0000,,พวกเขามักจะเคลื่อนไหวหรือเคาะตามจังหวะ Dialogue: 0,0:02:18.29,0:02:22.63,Default,,0000,0000,0000,,การทำซ้ำๆ เชื้อเชิญเราเข้าไปในดนตรี\Nราวกับผู้เข้าร่วมตามแผน Dialogue: 0,0:02:22.63,0:02:25.08,Default,,0000,0000,0000,,แทนที่จะเป็นผู้รับฟัง Dialogue: 0,0:02:25.08,0:02:26.62,Default,,0000,0000,0000,,การวิจัยแสดงให้เห็นว่า Dialogue: 0,0:02:26.62,0:02:30.41,Default,,0000,0000,0000,,ผู้ฟังเคลื่อนความสนใจของพวกเขา\Nไปตามการทำช้ำทางดนตรี Dialogue: 0,0:02:30.41,0:02:34.14,Default,,0000,0000,0000,,ให้ความสนใจในมุมมองที่ต่างไป\Nของเสียงในแต่ละครั้งที่ฟัง Dialogue: 0,0:02:34.14,0:02:36.97,Default,,0000,0000,0000,,คุณอาจสังเกตว่าทำนองของท่อนนั้น\Nในหนแรก Dialogue: 0,0:02:36.97,0:02:41.97,Default,,0000,0000,0000,,แต่เมื่อฟังซ้ำ ความสนใจของคุณย้ายไปยัง\Nนักกีตาร์ที่โหนเสียง Dialogue: 0,0:02:41.97,0:02:46.18,Default,,0000,0000,0000,,มันยังเกิดขึ้นในภาษาด้วยสิ่งที่เรียกว่า\Nความอิ่มใจในความหมาย Dialogue: 0,0:02:46.18,0:02:48.98,Default,,0000,0000,0000,,การพูดคำซ้ำๆ อย่าง แอทลาส แอด นอว์เซียม Dialogue: 0,0:02:48.98,0:02:52.00,Default,,0000,0000,0000,,อาจทำให้คุณหยุดคิดว่ามันหมายถึงอะไร Dialogue: 0,0:02:52.00,0:02:57.07,Default,,0000,0000,0000,,แล้วมาให้ความสนใจกับเสียง:\Nที่แปลกดีเมื่อ L ตาม T Dialogue: 0,0:02:57.07,0:03:00.09,Default,,0000,0000,0000,,ด้วยวิธีนี้ การทำซ้ำสามารถเปิดโลกแห่งเสียง Dialogue: 0,0:03:00.09,0:03:02.85,Default,,0000,0000,0000,,ที่เข้าถึงไม่ได้เมื่อฟังในครั้งแรก Dialogue: 0,0:03:02.85,0:03:07.20,Default,,0000,0000,0000,,L ตาม T อาจ ไม่ได้เกี่ยวข้องกันอย่างสวยงาม\Nกับ แอทลาส Dialogue: 0,0:03:07.20,0:03:11.49,Default,,0000,0000,0000,,แต่เสียงที่นักกีต้าโหนอาจมีความสำคัญ\Nในการแสดงออก Dialogue: 0,0:03:11.49,0:03:13.96,Default,,0000,0000,0000,,คำพูดที่กลายมาเป็นมายาเพลง\Nแสดงให้เห็นว่า มันง่ายดายแค่ไหน Dialogue: 0,0:03:13.96,0:03:17.64,Default,,0000,0000,0000,,ที่การกล่าวประโยคซ้ำๆ กันหลายครั้ง\Nจะเบนความสนใจผู้ฟัง Dialogue: 0,0:03:17.64,0:03:20.69,Default,,0000,0000,0000,,ไปยังระดับเสียงและจังหวะของเสียง\N Dialogue: 0,0:03:20.69,0:03:22.37,Default,,0000,0000,0000,,ดังนั้นภาษาพูดที่ย้ำซ้ำๆ Dialogue: 0,0:03:22.37,0:03:26.14,Default,,0000,0000,0000,,จึงเริ่มที่จะฟังคล้ายกับว่ามันถูกร้องออกมา Dialogue: 0,0:03:26.14,0:03:29.18,Default,,0000,0000,0000,,ปรากฏการณ์คล้ายๆ กันเกิดขึ้น\Nกับลำดับเสียงแบบสุ่ม Dialogue: 0,0:03:29.18,0:03:33.43,Default,,0000,0000,0000,,ผู้คนจะให้คะแนนกับลำดับเสียงแบบสุ่ม\Nที่พวกเขาเคยได้ยินมาก่อน Dialogue: 0,0:03:33.43,0:03:37.62,Default,,0000,0000,0000,,มากกว่าลำดับเสียงแบบสุ่ม\Nที่พวกเขาได้ยินเป็นหนแรก Dialogue: 0,0:03:37.62,0:03:41.18,Default,,0000,0000,0000,,การทำซ้ำให้รูปแบบการจัดเรียงกับเสียง Dialogue: 0,0:03:41.18,0:03:46.06,Default,,0000,0000,0000,,ที่เราคิดในรูปแบบของทำนองดนตรีที่ชัดเจน\Nที่เราฟังคลอไปพร้อมกับเสียง Dialogue: 0,0:03:46.06,0:03:49.63,Default,,0000,0000,0000,,ที่เข้ามาเชื่อมอย่างมีจินตนาการกับโน้ตดนตรี\Nที่กำลังจะตามมา Dialogue: 0,0:03:49.63,0:03:54.15,Default,,0000,0000,0000,,วิธีการฟังสัมพันธ์กับความไวของหูเรา\Nต่อเสียงดนตรี Dialogue: 0,0:03:54.15,0:03:56.66,Default,,0000,0000,0000,,ในบริเวณที่เสียงดนตรีผ่านเข้าไปในสมอง Dialogue: 0,0:03:56.66,0:04:00.09,Default,,0000,0000,0000,,และเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า\Nราวกับว่ามันติดอยู่ซ้ำๆ Dialogue: 0,0:04:00.09,0:04:03.11,Default,,0000,0000,0000,,นักวิจารณ์มักจะอายกับการซ้ำ ของดนตรี Dialogue: 0,0:04:03.11,0:04:05.38,Default,,0000,0000,0000,,และบอกว่ามันเด็กๆ หรือไม่มีอะไรพัฒนา Dialogue: 0,0:04:05.38,0:04:09.75,Default,,0000,0000,0000,,แต่การทำซ้ำนั้น ไม่ได้ใกล้เคียงกับความอับอายเลย\Nที่จริงแล้วมันเป็นปัจจัยสำคัญ Dialogue: 0,0:04:09.75,0:04:14.11,Default,,0000,0000,0000,,ที่ทำให้เกิดรูปแบบของประสบการณ์\Nที่เกี่ยวกับดนตรี